Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์, นางสาว สุภาวดี ทองแดง 6203233 Sec02 - Coggle…
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
ข้อบ่งชี้ของการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
โรคประจำตัว
เบาหวานก่อนการตั้งครรภ์
ความดันโลหิตสูง
โรคไตเรื้อรัง
ไทรอยด์เป็นพิษที่ควบคุมได้ไม่ดี
ธาลัสซีเมีย
โรคหัวใจชนิดตัวเขียว
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
เบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ที่
ควบคุมได้ไม่ดีหรือต้องใช้ยารักษา
ความดันโลหิตสูงระหว่างการตั้งครรภ์
ทารกเคลื่อนไหวลดลง
ทารกเติบโตช้าในครรภ์
ทารกอายุครรภ์ใกล้ครบกำหนดหรือ
เกินกำหนด
ครรภ์แฝดที่ใช้รกเดียวกัน ซึ่งทารก
มีการเติบโตต่างกันมาก
เทคนิคการประเมินสุขภาพทารกก่อนคลอด (Antepartum fetal
surveillance techniques)
การนับลูกดิ้น (Fetal movement counting: FMC)
การนับลูกดิ้น เป็นวิธีการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ที่ทำได้ง่ายแนะนำให้ทำได้ทั้งในครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่ำและครรภ์เสี่ยงสูง สตรีตั้งครรภ์มักจะเริ่มรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกตั้งแต่อายุครรภ์18สัปดาห์การเคลื่อนไหวของทารกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจนถึง32สัปดาห์ทารกปกติอาจหยุดการเคลื่อนไหวในช่วงหลับ แต่มักไม่นานกว่า 90 นาที
Biophysical assesment
Nonstress test (NST) หลักการของการประเมินสุขภาพทารกวิธีนี้ คือ อัตราการเต้นของหัวใจ ทารกจะเพิ่มขึ้นเมื่อทารกเคลื่อนไหว ซึ่งแสดงถึงการทำงานของระบบประสาท อัตโนมัติที่ปกติ มักเริ่มตรวจตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ในสตรีตั้งครรภ์ที่มีข้อ บ่งชี้
วิธีการตรวจทำโดยให้สตรีตั้งครรภ์นอนศีรษะสูงประมาณ 30 องศา หรือนอนตะแคงข้าง วัดความดันโลหิตก่อนการตรวจ และบันทึกอัตราการเต้นหัวใจทารกนาน 20 นาที การแปลผลแบ่งได้ 2 แบบดังนี้
• ผลปกติ(Reactive/ Normal): อัตราการเต้นหัวใจทารกเพิ่มขึ้น (fetalheart rateacceleration)ตั้งแต่2ครั้งขึ้นไป โดยจุดสูงสุด ของการเพิ่มขึ้นอยู่เหนือ baseline ≥ 15 ครั้งต่อนาทีและระยะ เวลาตั้งแต่เริ่มจนกลับสู่ baseline นาน ≥ 15 วินาที(ในกรณี อายุครรภ์< 32สัปดาห์ให้ใช้เกณฑ์≥ 10ครั้งต่อนาทีและระยะเวลา ≥ 10 วินาทีแทน)
• ผลผิดปกติ(Non-reactive/ Abnormal):อัตราการเต้นหัวใจทารก ไม่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่ถือว่า reactive ภายในระยะเวลาของการตรวจนาน 40 นาทีพบได้บ่อยในภาวะที่ทารกในครรภ์หลับ แต่ก็อาจแสดงถึงความผิดปกติของระบบประสาทหรือมีภาวะ acidemia
Contraction stress test (CST) เป็นการทดสอบการทำงานของรก (uteroplacental function) โดยดูการตอบสนองของการเต้นของหัวใจทารกเมื่อมีการหดรัดตัวของมดลูก วิธีการตรวจทำโดยให้สตรีตั้งครรภ์นอนศีรษะสูงประมาณ 30องศา หรือนอนตะแคงข้าง วัดความดันโลหิตก่อนการตรวจและบันทึกอัตราการเต้นหัวใจทารกพร้อมกับการหดรัดตัวของมดลูก การหดรัดตัวมดลูกอาจเกิดขึ้นเอง หรือทำให้เกิดขึ้น โดยจะต้องมีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างน้อย3ครั้งใน 10 นาทีนานครั้งละอย่างน้อย40วินาทีซึ่งทำได้ด้วยวิธีการต่อไปนี
• การกระตุ้นหัวนม (Nipple stimulation) ให้สตรีตั้งครรภ์ใช้นิ้วถู หัวนม 1ข้าง โดยถูนอกเสื้อเร็วๆแต่นุ่มนวลนาน 2 นาทีแล้วหยุด 5 นาทีประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ถ้ายังไม่ดีพอ ให้ถูหัวนม รอบที่ 2 อีก 2 นาทีถ้าไม่สำเร็จ ให้เปลี่ยนไปให้oxytocin
• การให้oxytocin ทางหลอดเลือดดำ เริ่มให้0.5-1 มิลลิยูนิต/นาที และเพิ่มครั้งละ 1 มิลลิยูนิต/นาทีทุก 15-30 นาที
Biophysical profile (BPP) เป็นวิธีการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ที่ทำโดยการตรวจด้วยคลื่น เสียงความถี่สูงนาน 30 นาทีร่วมกับการตรวจ NST โดยประเมินองค์ประกอบ 5 ส่วน แต่ละส่วนจะได้คะแนน 2 คะแนน (ถ้าตรวจพบ) หรือ 0 คะแนน (ถ้าตรวจไม่พบ)ดังแสดงในตารางที่3และแนวทางการดูแลรักษาเมื่อได้ผลการตรวจ BPP
การตรวจ BPP ได้ผลปกติจะยืนยันว่าทารกมีสุขภาพดีได้มากกว่า ร้อยละ 99.9 โดยมีโอกาสที่ทารกจะเสียชีวิตภายใน 1สัปดาห์ได้0.8/1000ครั้ง ของการตรวจ
Modified biophysical profile (Modified BPP) เป็นวิธีการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์โดยใช้nonstress test (NST) เพื่อเป็นตัวชี้วัดสภาวะความเป็นกรดด่างในเลือดทารก ร่วมกับการประเมิน ปริมาณน้ำคร่ำ เพื่อเป็นตัวชี้วัดการทำงานของรก โดยการให้คะแนนแต่ละส่วน เหมือนที่กล่าวไว้ใน biophysical profile และจะถือว่าได้ผลปกติเมื่อทั้ง nonstress test ได้ผล reactive และช่องน้ำคร่ำที่วัดได้ลึกที่สุด ≥ 2 ซม.
การตรวจ modified BPP ได้ผลปกติจะยืนยันว่าทารกมีสุขภาพดี ได้มากกว่าร้อยละ 99.9 โดยมีโอกาสที่ทารกจะเสียชีวิตภายใน 1 สัปดาห์ได้ 0.8/1,000 ครั้งของการตรวจในกรณีที่ผลการตรวจ modified BPPผิดปกติควตรวจcontractionstress test (CST) หรือ BPP เพิ่มเติม
Umbilical artery Doppler velocimetry เป็นวิธีการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์โดยประเมินการไหลเวียนเลือด ในเส้นเลือดแดงสายสะดือ(umbilicalartery blood flow)ซึ่งสะท้อนให้ทราบ ถึงแรงต้านทานของเส้นเลือดบริเวณรกควรทำในสถาบันที่มีความพร้อม โดยมี ข้อบ่งชี้ของการตรวจคือ ทารกเติบโตช้าในครรภ์(growth-restricted fetus) หรือสงสัยพยาธิสภาพของรก (placental pathology)
การตรวจ umbilical artery Doppler velocimetry ได้ผลปกติจะ ยืนยันว่าทารกมีสุขภาพดีได้มากกว่าร้อยละ99.9โดยไม่พบทารกเสียชีวิตภายใน 1 สัปดาห์(0/240 ครั้งของการตรวจ)
การแปลผลการตรวจว่าผิดปกติหมายถึงการตรวจพบ ดังนี้ • S/D ratio > 95th percentile
• การไม่มีเลือดไหลเวียนหรือเลือดไหลย้อนกลับในช่วงท้ายของช่วง หัวใจคลายตัว (absent หรือ reversed end-diastolic flow)
นางสาว สุภาวดี ทองแดง 6203233 Sec02