Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

สำเนา การพยาบาลผู้สูงอายุที่เป็นอัลไซเมอร์, สมาชิกในกลุ่ม,…

- - - - สมมติฐานว่าเกิดขึ้นจาก 4 ปัจจัย
        
        การลดน้อยลงของ AchE
        
        การผลิตอนุมูลอิสระที่มากขึ้น
        
        การสะสมของโปรตีน (Tau, amyloid β)
        
        สมองสูญเสียเซลล์ประสาท
        
        เกิดการฝ่อของสมองส่วน temporofrontal cortex
        
        การอักเสบและเกิดการสะสมของโปรตีน amyloid β ที่ผิดปกติ รวมไปถึงเกิดการพันกันของเส้นใยเพิ่มขึ้น
        
        ความไม่สมดุลของโลหะ
      - บริเวณผิดปกติ
        
        การสูญเสียเส้นประสาทหรือ เกิดพยาธิสภาพ ในบริเวณสมองส่วน hippocampus, amygdala, entorhinal cortex, พื้นที่เยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า ของสมองส่วน frontal, temporal และ parietal และยังรวมถึง subcortical nuclei เช่น serotonergic dorsal raphe, noradrenergic locus coeruleus, และ cholinergic basal nucleus
    - - Signs of Mild
        
        ความจำเสื่อม
        
        มีวิจารณญาณที่แย่ลงทำให้ตัดสินใจได้ไม่ดี
        
        สูญเสียความเป็นธรรมชาติและความคิดริเริ่ม
        
        ใช้เวลานานขึ้นเพื่อทำกิจวัตรประจำวสันให้เสร็จ
        
        ชอบถามคำถามซ้ำ ๆ
        
        ปัญหาในการจัดการเงินและชำระค่าใช้จ่าย
        
        หลงทาง
        
        ทำของหายหรือใส่ผิดที่
        
        อารมณ์และบุคลิกภาพเปลี่ยนไป
        
        ความวิตกกังวลและ/หรือความก้าวร้าวเพิ่มขึ้น
      - Signs of Moderate
        
        สูญเสียความทรงจำและสับสน เพิ่มมากขึ้น
        
        ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้
        
        มีปัญหาด้านภาษาและปัญหาในการอ่าน การเขียน และการทำงานกับตัวเลข
        
        ยากลำบากต่อการจัดระเบียบความคิดและการคิดอย่างมีเหตุผล
        
        ให้ความสนใจ หรือความจดจ่อลดลง
        
        มีปัญหาในการรับมือกับสถานการณ์ใหม่
        
        ยากต่อการทำงานหลายขั้นตอน เช่น แต่งตัว
        
        มีปัญหาในการจดจำครอบครัวหรือเพื่อน
        
        ภาพหลอน ความหลงผิด และความหวาดระแวง
        
        พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น การเปลื้องผ้าในเวลาหรือสถานที่ที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้ภาษาหยาบคาย
        ความโกรธที่ไม่เหมาะสม
        
        กระสับกระส่าย
        
        น้ำตาไหล โดยเฉพาะยามบ่ายหรือเย็น
        
        การพูดหรือการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ การมีกล้ามเนื้อกระตุกเป็นครั้งคราว
      - Signs of Severe
        
        ไม่สามารถสื่อสารได้
        
        น้ำหนักลด
        
        อาการชัก
        
        การติดเชื้อที่ผิวหนัง
        
        กลืนลำบาก
        
        ครวญคราง หรือคำราม
        
        นอนหลับเพิ่มขึ้น
        
        สูญเสียการควบคุมลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ
  - - - สาเหตุโดยทั่วไป
        
        การเพิ่มขึ้นของปริมาตรเลือดส่งออกจากหัวใจต่อนาที (cardiac output)
        
        การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจที่เพิ่มขึ้น
      - ในผู้สูงอายุ มีปัจจัยที่มากขึ้น
        
        หลอดเลือดแดงตีบแข็งเนื่องจากมี ไขมันอุดตัน
        
        ผนังหลอดเลือดแดง จะหนาตัวขึ้น ทำให้มีความแข็งมากขึ้น ความยืดหยุ่น ลดลง และการตึงตัวของกล้ามเนื้อเรียบมากขึ้น
        
        ผนัง หลอดเลือดมีการตอบสนองต่อระบบประสาท sympathetic และ parasympathetic ลดลง ทำให้ความสามารถในการหดตัว และคลายตัวลดลง และสูญเสียความสามารถในการหดตัวกลับ
      - ส่งผลให้
        
        เมื่อได้รับแรงดันเลือดจากหัวใจ หลอดเลือดจึงมี ความต้านทานส่วนปลายมากขึ้น ทำให้หัวใจทำงานมากกว่า ปกติในการที่จะส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
    - - Symptoms of Severe
        
        ปวดหัวอย่างรุนแรง
        
        เลือดกำเดาไหล
        
        เหนื่อยล้าหรือสับสน
        
        การมองเห็นมีปัญหา
        
        เจ็บหน้าอก
        
        หายใจลำบาก
        
        รู้สึกใจเต้นผิดปกติ
        
        ปัสสาวะปนเลือด
        
        รู้สึกเหมือนโดนทุบที่หน้าอก คอ และหู
      - คนส่วนใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูงไม่มีอาการหรืออาการแสดง แม้ว่าค่าความดันโลหิตที่อ่านได้จะสูงถึงระดับที่อันตรายก็ตาม
      - ช่วงของค่าความดัน
        
        Normal :smiley:
        systolic: < 120 mm Hg diastolic: < 80 mm Hg
        
        At Risk (prehypertension) :!:
        systolic: 120–139 mm Hg diastolic: 80–89 mm Hg
        
        High Blood Pressure (hypertension) :warning:
        systolic: 140 mm Hg or higher diastolic: 90 mm Hg or higher
- - - - สมมติฐานที่ 1
        
        เชื่อว่า โรคอัลไซเมอร์เกิดจากมีการลดการสร้างสารสื่อประสาทแอซิทิลโคลีน (Acetylcholine) แต่เมื่อให้ยารักษาการขาดแอซิทิลโคลีนโดยตรง ก็ไม่สามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้
      - สมมติฐานที่ 2
        
        เชื่อว่า มีการสะสมของแอมีลอยด์ บีตา เปบไทด์ (Amyloid beta peptide) หรือ ซีไนล์ พลาก (Senile plagues) เกิดขึ้นระหว่างเซลล์ประสาท ทำให้ ขัดขวางการส่งสัญญาณประสาทระหว่างเซลล์ประสาท และทำให้เซลล์ประสาทตายได้
      - สมมติฐานที่ 3
        
        เชื่อว่า เป็นความผิดปกติของโปรตีนเทา (Tau protein) โดยโปรตีนเทาที่มีการเติมหมู่ฟอสเฟต (Phosphorylated tau) จะเป็นโปรตีนที่ผิดปกติและจะจับตัวกับโปรตีนเทาปกติสายอื่น ๆ เกิดเป็นนิวโรไฟบริลลาลีแทงเกิล (Neurofibrillary tangles) สะสมภายในเซลล์ประสาททำให้ไมโครทิวบูลในเซลล์ประสาทสลายตัวทำลายระบบการส่งสารในเซลล์ประสาทเกิดความผิดปกติในการสื่อสารทางชีวเคมีระหว่างเซลล์ประสาททำให้เซลล์ประสาทตาย
  - - - เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด โดยพบว่าหลังอายุ 65 ปี ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเพิ่มเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 5 ปีที่อายุมากขึ้น
    - - เช่น มีญาติสายตรงในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคนี้หลายคน , มียีนบางอย่างเช่น ApoE4 เป็นต้น
    - - ผู้ป่วยถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรค เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยโรคนี้มีความผิดปกติของการสะสมของโปรตีนบางชนิดที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์เช่นกัน
    - - มีรายงานการศึกษาทางระบาดวิทยาหลายรายงานพบว่า ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมจากสาเหตุอื่น ๆ มีประวัติเคยได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะมากกว่าคนที่ไม่มีสมองเสื่อม อย่างไรก็ตามในบางการศึกษาไม่พบว่าการได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะมาก่อนเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อม
    - - พบว่าโรคอัลไซเมอร์มีส่วนที่เกิดจากโรคของหลอดเลือด รวมถึงพบร่วมกับโรคหลอดเลือดในสมองได้บ่อย ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ด้วย ดังนี้
        น้ำหนักเกินมาตรฐาน การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน
- - - - Donepezil เป็นยาในกลุ่ม Cholinesterase inhibitors ขนาดยาที่ใช้รักษาคือ 5-23 mg/วัน
        
        ผลของยาจะทำให้เกิดการเรียนรู้ ความจำดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถประกอบกิจวัตรประจำวันและเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ที่ดีขึ้น
        
        ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย นอนไม่หลับ เป็นตะคริว เหนื่อยล้า เป็นต้น
      - Rivastigmine เป็นยาในกลุ่ม Cholinesterase Inhibitors ขนาดยาที่ใช้คือ 3-12 mg/วัน แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง
        
        ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ อาการทางระบบทางเดินอาหารมักเกิดเมื่อใช้ยามากกว่า 6 mg
      - Galantamine เป็นยาในกลุ่ม Cholinesterase Inhibitors ขนาดยาที่ใช้คือ 16-24 mg/วัน แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง
        
        ผลข้างเคียงมักเป็นผลข้างเคียงทางเดินอาหาร
      - Memantine เป็นยาในกลุ่ม N-methyl-D-aspartate receptor antagonist ขนาดที่ควรใช้คือ 5-10 mg/วัน แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง
        
        Memantine จะป้องกันเซลล์ประสาทไม่ให้ถูกทำลายส่งผลให้การเรียนรู้และความจำของผู้ป่วยดีขึ้น ใบ้ร่วมกับยากลุ่มCholinesterase Inhibitors จะให้ผลที่ดีขึ้น
        
        อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ คลืรไว้ เวียนศรีษะ กระสับกระส่าย ความคืดสับสน ประสาทหลอน เป็นต้น
      - ยารักษาปัญหาด้านพฤติกรรมและอาการทางจิต ได้แก่ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้า ยาต้านอาการทางจิต ยาระงับชัก
    - - การรักษาที่เน้น cognition
        
        Cognitive training อาจทำได้หลายรูปแบบโดยใช้สถานการณ์ประจำวัน เช่น อาจพูดคุยถึงเหตุการณ์ประจำวันหรือให้ข้อมูลในเรื่องเดียวกันหลายๆรูปแบบ (หนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ เป็นต้น) เพื่อกระตุ้นผู้ป่วยด้วยการพูดคุยและซักถาม
        
        Memory training ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยที่มีความทรงจำยังใช้ได้ โดยต้องประเมินความสามารถทางระบบประสาทสัมผัสเบื้องต้นของผู้ป่วยก่อน เช่น ฝึกการจำหน้าคน เล่นเกมหลับตาทายสิ่งของ ฟังเพลงที่คุ้นเคย เพื่อรักษาระดับความสามารถของความจำให้อยู่ในระดับเดิมมากที่สุด มักใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการสมองเสื่อมไม่มากนัก
        
        Skill training โดยการเรียนรู้และฝึกทักษะด้วยวิธีการใหม่ๆที่ง่าย เช่น การวาดภาพ ปั้นดินน้ำมัน เต้นรำ แต่งตัว เพื่อรักษาระดับความรู้ความสามารถให้อยู่ในระดับเดิมากที่สุดและเพื่อให้ผู้ป่วยเรียนรู้ทักษาะใหม่ๆ
      - การรักษาที่เน้น emotion
        
        Reminiscence therapy เป็นการกระตุ้นความจำและอารมณ์ โดยใช้ประสบการณ์ชีวิตในอดีตของผู้ป่วย รูปแบบอาจทำเป็นกลุ่มควรมีญาติร่วมด้วยโดยใช้อุปกรณ์ เช่น รูปภาพดนตรีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอดีตของผู้ป่วยนำไปสู่การฟื้นฟูความทรงจำช่วยให้ผู้ป่วยรู้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับสิ่งที่มมกระตุ้น ช่วยปรับพฤติกรรมอารมณ์และความจำให้ดีขึ้น
        
        Supportive psychotherapy เป็นการทำจิตบำบัดแบบประคับประคอง โดยการใ้ชเทคนิคหลายๆอย่างเพื่อสื่อสารกับผู้ป่วย การผสมผสานการรับรู้เพื่อให้มีการแสดงอารมณ์ต่อผู้อื่น
        
        Recreation therapy เป็นการรักษาที่เน้นกิจกรรมสันทนาการ เช่น การเล่นเกมต่างๆ (เกมกระดาน เกมหมากรุก เกมไพ่ เป็นต้น) การทำงานฝีมือ (art therapy) เช่น เต้นรำ วาดรูป ดนตรีบำบัด เป็นต้น
        
        Behavior oriented การรักษาที่เน้นพฤติกรรมที่เน้นการให้แรงจูงใจ การให้รางวัล การชื่นชม ชื่นชมในการกระทำเล็กๆน้อยๆของผู้ป่วย เบี่ยงเบนความสนใจของผู้ป่วยเมื่อมีพฤติกรรมก้าวร้าว เพื่อค้นหาสาเหตุของปัญหาพฤติกรรม ผลกระทบของปัญหาพฤติกรรม และเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
        
        Caregiver oriented เป็นการรักษาที่เน้นผู้ดูแล เมื่อผู้ดูแลมีสุขภาพกาย จิตและอารมณ์ที่ดี ทำให้พฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วยดีด้วยวิธีการช่วยเหลือผู้ดูแล เช่นให้ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนเป็นครั้งคราว โดยการส่งผู้ป่วยไปอยู่สถานบริบาลระยะสั้น เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลมีสุขภาพจิตและอารมณ์ดีทำให้พฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วยดีได้เช่นกัน
  - - - การรู้คิดหรือสติปัญญา
        
        มีปัญหาด้านการใช้ภาษา
        
        เรียกชื่อสิ่งของและชื่อคนที่คุ้นเคยไม่ถูก หรือสูญเสียความเข้าใจภาษา
        
        ใช้แบบทดสอบมาตรฐานในการประเมินเบื้องต้น
        
        Mini-Mental State Examination (TMSE) มีคะแนน 30 คะแนนและใช้เกณฑ์ที่ 23 คะแนนในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์
        
        ความจำระยะสั้นไม่ดี
        
        ลืมวันนัด ลืมสิ่งของบ่อยๆ พูดซ้ำ ถามซ้ำ
      - ภาวะผิดปกติของอารมณ์และพฤติกรรม
        
        มีความผิดปกติของอารมณ์และบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ซึมเศร้า หงุดหงิด ก้าวร้าว มีพฤติกรรมแปลกไม่เหมาะสมกับสถานการณ์แวดล้อม มีความเชื่อที่ผิดแปลก เห็นภาพหลอน
      - การใช้ชีวิตประจำวัน
        
        ด้านกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน เช่น ดูแลความสะอาด การขับถ่าย การกินการแต่งตัว
        
        ด้านกิจวัตรที่ต้องใช้เครื่องมือประกอบ เช่น การรับประทานยา การใช้โทรศัพท์ การใช้เงิน การประกอบอาหาร
      - การตรวจประเมินอาการจากผู้ป่วยและญาติใกล้ชิด
        
        เพื่อวินิจฉัยแยกภาวะทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรคทางกายที่มีอาการคล้ายกับโรคอัลไซเมอร์
  - - - การตรวจด้านรังสีวิทยา
        
        การตรวจภาพของสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging : MRI)
        
        การตรวจการไหลเวียนของเลือดสู่สมอง
        
        การตรวจคอมพิวเตอร์สมอง (CT-brain scan)
      - การตรวจทางห้องปฎิบัติการพื้นฐาน
        
        การตรวจที่ค วรทา ในผู้ป่วยทุก รายที่สงสัยภาวะสมองเสื่อม ได้แก่ การตรวจนับเม็ดเลือด (complete blood count) ระดับน้ำตาล อิเล็กโทรไลต์ การทำงานของตับ-ไต ระดับ TSH และฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ การติดเชื้อซิฟิลิส การตรวจอื่น ที่แนะนำในรายที่มีข้อบ่งชี้จาเพาะ หรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ระดับแคลเซียม การติดเชื้อเอซไอวี การเจาะหลังและตรวจ น้าไขสันหลัง ระดับวิตามินบี ๑๒ การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง ๑๑
      - การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทำให้ให้แพทย์แยกแยะสาเหตุของการสูญเสียความจำจากสาเหตุอื่น เช่น ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์หรือการขาดวิตามิน นอกจากนี้ยังมีการตรวจทางพันธุกรรมและการตรวจสารชีวภาพจากในเลือดและน้ำไขสันหลัง
- - - - สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
    - - สอบถามอาการ ความรู้สึกของผู้ป่วยอยู่เสมอ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพื่อทราบอาการและความรู้สึกของผู้ป่วยในขณะนั้น
      - ประเมิน/พิจารณาสิ่งแวดล้อมว่ามีสิ่งใด หรืออะไรที่เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของผู้ป่วยและสามารถจัดการหรือลดสิ่งกระตุ้นนั้นได้
      - ขณะผู้ป่วยมีอาการก้าวร้าว ด่าทอ ไม่ควรโต้ตอบหรือโต้แย้งต่อหน้าผู้อื่น และอย่าทำโทษผู้ป่วย
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพราะการโต้ตอบต่อหน้าผู้อื่นจะทำให้ผู้ป่วยอับอาย และการทำโทษผู้ป่วย จะทำให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกผิดนำไปสู่อาการทางจิตได้
      - ดูแลจัดสิ่งแวดล้อม เก็บสิ่งของที่จะเป็นอันตรายไว้ห่างจากมือ เช่น แก้วน้ำ ของมีคม เป็นต้น
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพื่อความปลอดภัย ป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นให้กับผู้ป่วยและคนรอบข้าง เนื่องจากหากผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่รุนแรงมากขึ้น อาจควบคุมตนเองไม่ได้ และนำสิ่งของไปทำร้ายร่างกายตนเองหรือผู้อื่น
      - บอกให้ผู้ป่วยเข้าใจ ว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่ไม่เหมาะสม ไม่ควรใช้คำพูดหยาบคายด่าทอผู้อื่น
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมซ้ำอีก
      - ให้ผู้ป่วยฝึกสมาธิ โดยการ นั่งสมาธิ สวดมนต์ และแนะนำให้ผู้ดูแลพาผู้ป่วยไปพบปะสังสรรค์กับคนในวัยเดียวกัน แต่ต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในสายตาเสมอ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เนื่องจากการนั่งสมาธิและสวดมนต์จะทำให้จิตสงบ ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น และการได้พบปะสังสรรค์กับบุคคลในวัยเดียวกันจะเป็นการฝึกสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีต่อผู้อื่นให้กับผู้ป่วย และการที่ต้องให้อยู่ในสายตาเสมอเพื่อป้องกันการแสดงอารมณ์รุนแรงของผู้ป่วยที่อาจมีปัญหากับผู้อื่นได้หากไม่มีใครคอยควบคุมดูแล
    - - บางครั้งผู้ป่วยทะเลาะกับลูกค้าที่มาซื้อของ ใช้คำพูดหยาบคายด่าทอลูกค้า (ก่อนเป็นอัลไซเมอร์ผู้ป่วยเป็นคนสุภาพ มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับทุกคน)
    - - ผู้ป่วยสงบลง ไม่ใช้คำพูดหยาบคายด่าทอผู้อื่น ไม่เสร้างอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเองและผู้อื่น
  - - - ลดความเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักเกิน
      - ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
    - - สังเกตว่าผู้ป่วยรับประทานอาหารตามเวลาไปแล้วหรือไม่ หากผู้ป่วยรับประทานไปแล้วแต่ขอรับประทานอาหารอีกให้บอกผู้ป่วยว่าผู้ป่วยรับประทานอาหารไปแล้ว
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เนื่องจากการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารซ้ำๆอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเกินความจำเป็น อาจนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน
      - เน้นคุณค่าและปริมาณอาหารแต่ละมื้อ ได้แก่
        
        อาหารที่มีไลโคปีนสูง เช่น มะเขือเทศ แตงโม แคร์รอต มะละกอ ฟักข้าว ฯลฯ
        
        อาหารที่มีกรดโอเมก้า 3 สูง เช่น ธัญพืชชนิดต่างๆ ปลาแซลมอน ปลาแมคคาเรล ปลาทูน่า ปลาทู
        
        อาหารที่มีวิตามินบีรวมสูง เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว บรอกโคลี กะหล่ำปลี กล้วย ส้ม แอปเปิล ฯลฯ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        ไลโคปีนเป็นสารสำคัญที่มีมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก ซึ่งมีอยู่ในผักและผลไม้ที่มีสีแดง สีส้ม และสีเหลือง ช่วยชะลอการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและเซลล์สมองไม่ให้เสื่อมลง
        
        อาหารที่มีกรดโอเมก้า 3 สูง เป็นที่มีบทบาทในการช่วยบำรุงสมองและป้องกันโรคซึมเศร้า เสริมสร้างพัฒนาการของสมองและความจำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยปรับปรุงระบบไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น
        
        อาหารที่มีวิตามินบีรวมสูง โดยเฉพาะวิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 สารอาหารในกลุ่มนี้มีความจำเป็นต่อสมอง บรรเทาอาการทางประสาทและอาการหลงลืม มีส่วนสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทในสมองที่ใช้เก็บความทรงจำ
      - กำหนดการกินอาหารแบบเดิม ๆ อาหารที่คุ้นเคย รวมทั้งทั้งเรื่องของเวลาที่เริ่มจัดหาอาหาร ถ้วยชาม ตำแหน่งของโต๊ะเก้าอี้ พร้อมกับคอยเตือนผู้ป่วยล่วงหน้าเมื่อใกล้ถึงเวลาอาหาร
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพราะการทำเรื่องเดิมๆวางสิ่งของไว้ตำแหน่งเดิมจะสร้างความเคยชินและการเตือนผู้ป่วยล่วงหน้าเป็นการกระตุ้นความจำผู้ป่วยให้นึกได้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ
      - จัดอาหารชนิดที่เคี้ยวง่าย คอยบอกวิธีรับประทานให้ค่อย ๆ เคี้ยวแล้วค่อย ๆ กลืนช้า ๆ บางครั้งจำเป็นที่จะต้องบดอาหารหรือทำอาหารเหลว
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพราะผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุประสิทธิภาพการเคี้ยวอาหารลดลง การให้รับประทานของเคี้ยวยากจะทำให้ผู้ป่วยเคี้ยวไม่สะดวกและเคี้ยวไม่ละเอียด อาจเกิดอาหารติดคอได้ และการให้เคี้ยวช้าๆกลืนช้าๆให้กินอาหารบดหรืออาหารเหลวเพื่อป้องกันการสำลักอาหาร
      - อาหารบนโต๊ะไม่ควรจัดมาเสิร์ฟหลายอย่างพร้อมกัน
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพราะการจัดอาหารหลายอย่างเกินไปให้ผู้ป่วยจะสร้างความสับสนให้ผู้ป่วยและอาจกินอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีกได้
    - - มักจะลืมว่ารับประทานอาหารไปแล้วหรือไม่ และจะขอรับประทานอีกทั้งที่เพิ่งรับประทานเสร็จ
    - - ผู้ป่วยรู้ตัวว่ารับประทานอาหารไปแล้ว และไม่ขอรับประทานอาหารอีก
      - ผู้ป่วยไม่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ไม่มีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน
  - - - ผู้ดูแลรู้สึกเครียดน้อยลง
    - - ให้กำลังใจและเปิดโอกาสให้ญาติหรือผู้ดูแลได้ระบายความคับข้องใจ รับฟังอย่างตั้งใจ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เนื่องจากการให้กำลังใจและได้ระบายความคับข้องใจให้ผู้อื่นฟังจะช่วยลดความเครียด รู้สึกว่ามีคนคอยรับฟังและแบ่งเบาปัญหาได้
      - ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินไปของโรคและแนวทางในการจัดการกับปัญหาและพฤติกรรม อารมณ์ของผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เนื่องจากการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินของโรคจะทำให้ผู้ดูแลเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ป่วยมากขึ้น และยอมรับ เต็มใจในการจะดูแลผู้ป่วยต่อ อีกทั้งยังทำให้ผู้ดูแลมีความสะดวกในการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
    - - บุตรสาวเครียดเพราะต้องขายของและต้องคอยตอบคำถามซ้ำๆ
    - - ผู้ดูแลมีความผ่อนคลาย ยิ้มแย้แจ่มใส และบอกว่ารู้สึกเครียดน้อยลง ยอมรับอาการของผู้ป่วย และมีแรงจูงใจ กำลังใจ ในการจะดูแลผู้ป่วยต่อ
  - - - ไม่ชอบอาบน้ำ มีประวัติการไม่อาบน้ำเป็นสัปดาห์
    - - ดูแลสุขภาพตนเองเพิ่มขึ้น
    - - ระวังอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ โดยควรเฝ้าผู้ป่วยอาบน้ำ มีเก้าอี้ให้ผู้ป่วยนั่งหรือราวให้จับขณะอาบ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        ต้องระวังอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ เนื่องจากการลื่นล้มอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงขั้นรุนแรง พิการและเสียชีวิตได้ เพราะผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุร่างกายจึงอาจสูญเสียการทรงตัว จากสมอง กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อเกิดความเสื่อม การได้ยินและมองเห็นที่ลดลง การเฝ้าผู้ป่วยจึงเป็ฯการให้ผู้ป่วยอยู่ในสายตาและช่วยเหลือทันหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น การให้นั่งอาบบนเก้าอี้หรือให้จับราวเป็นการป้องกันการเสียการทรงตัวเพราะมีสิ่งที่คอยยึดหรือประคองไว้
      - จัดเตรียมอุปกรณ์ตามลำดับก่อนหลัง ใช้อุปกรณ์ที่คุ้นเคย สะดวก ไม่ซับซ้อน บอกเป็นขั้นตอน ช้า ๆ จัดตารางการอาบน้ำในเวลาเดิมของทุกวันไม่ค่ำเกินไปและควรใช้น้ำอุ่นในการอาบน้ำ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        การจัดเตรียมอุปกรณ์ตามลำดับก่อนหลังจะสร้างเข้าใจในลำดับขั้นตอนการอาบน้ำได้ง่ายและไม่ซับซ้อนแก่ผู้ป่วย อีกทั้งการอาบน้ำเวลาเดิมทุกวันจะสร้างความเคยชินให้แก่ผู้ป่วย ใช้น้ำอุ่นในการอาบเพราะน้ำเย็นอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหนาวสั่นจนไม่อยากอาบน้ำ อีกทั้งน้ำอุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เกิดความผ่อนคลาย
      - ช่วยผู้ป่วยทำความสะอาดตามความจำเป็น ช่วยเช็ดตัวผู้ป่วยโดยเฉพาะบริเวณที่ผิวพับย่น ใต้ราวนม ขาหนีบ และซับให้แห้ง
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพราะหากซับไม่แห้งความชื้นอาจจะทำให้เกิดเชื้อราได้
    - - ผู้ป่วยอาบน้ำตามเวลาที่กำหนด และไม่มีอาการไม่อยากอาบน้ำ
  - - - ผู้ป่วยจำบุตรสาวไม่ได้ และมีการถามคำถามซ้ำๆ
      - มักจะลืมว่ารับประทานอาหารไปแล้วหรือไม่ และจะขอรับประทานอีกทั้งที่เพิ่งรับประทานเสร็จ
    - - เพื่อชะลอความเสื่อมของการรู้คิด
    - - ทบทวนวัน เวลา สถานที่ให้ผู้ป่วยรับทราบเป็นครั้งคราวหรือบ่อยๆและกำหนดรูปแบบกิจวัตรให้เหมือนกันทุกวัน ตรงเวลา ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพื่อให้ผู้ป่วยรับรู้วันเวลา สถานที่ที่ผู้ป่วยอยู่ และไม่ให้ผู้ป่วยเกิดความสับสน เนื่องจากการให้ผู้ป่วยรับรู้วันเวลา สถานที่ที่ผู้ป่วยอยู่ และทำกิจวัตรเป็นแบบแผนซ้ำเดิม ๆ จะช่วยกระตุ้นความจำ ความคิด การรับรู้ของผู้ป่วยให้เพิ่มมากขึ้น
      - เมื่อพูดคุยกับผู้ป่วย ให้แทนตัวเองด้วยชื่อ และเรียกผู้ป่วยด้วยชื่อผู้ป่วยเสมอ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพราะการแทนตัวเองด้วยชื่อจะสร้างความคุ้นเคย และเป็นการเตือนความจำของผู้ป่วยให้จำชื่อผู้ดูแลได้ การเรียกผู้ป่วยด้วยชื่อผู็ป่วยเองก็จะเป็นการเตือนความจำของผู็ป่วยว่าตัวเองนั้นชื่ออะไรป้องกันการลืมชื่อตนเอง
      - พูดให้ช้าลงด้วยคำสั้นๆ ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ออกเสียงให้ชัดเจน ควรใช้ภาษากายร่วมด้วย เช่นสบตา ยิ้ม รวมถึงใช้สิ่งของประกอบการพูด เช่น นาฬิกา ภาพถ่าย
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพื่อให้เข้าใจในเรื่องที่พูดง่ายขึ้น
      - ดูแลช่วยเหลือให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายตามสมควร
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        เพิ่มกำลังของมัดกล้ามเนื้อ ลดข้อติด
      - บอกให้ญาติหรือผู้ดูแลติดตาม สังเกต และประเมินระดับความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย อย่างสม่ำเสมอ
        
        เหตุผลการพยาบาล
        
        การติดตาม สังเกต และประเมินระดับความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
    - - ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือดูแลตนเองได้
      - ญาติหรือผู้ดูแลติดตาม สังเกต และประเมินระดับความสามาถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย อย่างสม่ำเสมอ
      - ถามคำถามเดิมซ้ำๆน้อยลง
- - - - 1.อาการเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและมีการ เปลี่ยนแปลงระหว่างวัน โดยอาการคงอยู่ได้นานเป็น ชั่วโมงหรือเป็นวัน แต่จะไม่นานเกินสัปดาห์
      - 2.อาการขาดสมาธิ จะขาดความ สนใจ ไม่เอาใจใส่ต่อสิ่งกระตุ้นหรือสภาวะแวดล้อม
      - 3.สูญเสียกระบวนการคิดแบบเป็นระบบ
      - 4.ความผิดปกติของวงจรการหลับ-ตื่น
      - 5.สูญเสียการรับรู้เวลา สถานที่ บุคคล และสูญเสียความจำระยะสั้น
      - 6.การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมด้าน การเคลื่อนไหว พบได้สองแบบคือเคลื่อนไหวลดลง และแบบกระสับกระส่าย กระวนกระวาย
  - - - เมื่อโรคดำเนินไปจะทำให้เกิดความบกพร่องของการรู้คิดด้านอื่นร่วมด้วย เช่น หลงทาง คิดเลขไม่ได้ ไม่สามารถจัดการกิจวัตรประจำวันขั้นพื้นฐานได้เอง มีปัญหาด้านอารมณ์ ปัญหาพฤติกรรม และความผิดปกติทางจิตตามมา เช่น หงุดหงิด เฉื่อยชาและเฉยเมย ขาดการยับยั้งชั่งใจ มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน เป็นต้น
      - ผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านความจำเป็นอาการหลัก ผู้ป่วยจะไม่สามารถจดจำ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ จึงมักจะลืมว่าวางของไว้ที่ไหนทั้งที่พยายามจำ ถามซ้ำ ๆ พูดซ้ำ ๆ เป็นต้น