Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การรับผู้ป่วยใหม่ การย้ายหรือการส่งต่อ การจำหน่ายและการบันทึกอาการผู้ป่วย …
การรับผู้ป่วยใหม่ การย้ายหรือการส่งต่อ การจำหน่ายและการบันทึกอาการผู้ป่วย
การรับใหม่ผู้ป่วย
ระเบียบการรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
3) พยาบาลแผนกผู้ป่วยนอกมีการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยไปยังแผนกที่ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาเพื่อที่จะ เริ่มต้นได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
4) พนักงานเคลื่อนย้าย เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยตามสภาพที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
2) เจ้าหน้าที่รับผู้ป่วยใหม่และพยาบาลผู้ป่วยนอก สร้างสัมพันธภาพเชิงวิชาชีพกับผู้ป่วยและญาติ ในการซักประวัติ เริ่มตั้งแต่ ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ ประวัติครอบครัว โรคประจำตัวศาสนา อาชีพ และระบบประกันสุขภาพ ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆ
5) เจ้าหน้าที่และพยาบาลประจำแผนกหรือประจำหอผู้ป่วย พยาบาลต้องมีการต้อนรับและสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย
1) แพทย์เป็นผู้ตัดสินใจว่าผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาหรือการวินิจฉัยในโรงพยาบาล โดยแพทย์ พิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับกรรักษาในหอผู้ป่วยเฉพาะโรค เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การรับใหม่ผู้ป่วยสามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
1) ประเภทไม่รุนแรงเป็นการรับผู้ป่วยที่มีการวางแผนล่วงหน้าว่าจะต้องเข้ารับการรักษาและมักอยู่ในโรงพยาบาลระยะเวลาสั้น ๆ ได้แก่ การผ่าตัดการตรวจพิเศษการคลอดบุตรการตรวจวินิจฉัย วิเคราะห์โรคเพื่อค้นหาสาเหตุและให้การรักษา
2) ประเภทรุนแรงและเร่งด่วนเป็นการรับผู้ป่วยที่เจ็บหนักอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ได้แก่ อุบัติเหตุเพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็วเสียเลือดที่ต้องผ่าตัดทันทีหมดสติหัวใจล้มเหลวปวดท้องอย่างรุนแรงมิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การย้ายหรือส่งต่อผู้ป่วย
การย้ายผู้ป่วย
เป็นการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเช่นย้าย ผู้ป่วยจากหอผู้ป่วยหนึ่งไปอีกหอผู้ป่วยหนึ่งในโรงพยาบาลเดียวกันจากการเปลี่ยนแปลงภาวะสุขภาพของผู้ป่วยและหรือจากความต้องการ
ของผู้ป่วยและญาติดังนี้
1 ) จากการเปลี่ยนแปลงภาวะสุขภาพของผู้ป่วยที่แพทย์เจ้าของไข้พิจารณาย้ายแผนก
2) จากความต้องการของผู้ป่วยและญาติและแพทย์เจ้าของไข้ต้องพิจารณาอนุญาตก่อนจึงสามารถย้ายผู้ป่วยไปหอผู้ป่วยนั้นได้คือย้ายผู้ป่วยจากหอผู้ป่วยสามัญไปยังหอผู้ป่วยพิเศษ
การส่งต่อผู้ป่วย
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากสถานพยาบาลหนึ่งไปอีกสถานพยาบาลหนึ่งเพื่อไปรับการตรวจรักษาต่อโดยโรงพยาบาลเป็นผู้นำส่งสามารถจำแนกได้ 2 กระบวนการดังนี้
1) Refer in หมายถึงการรับย้ายผู้ป่วยจากสถานพยาบาลอื่นเพื่อมารับการตรวจหรือรักษาต่อ
2) Refer Out หมายถึงการส่งต่อผู้ป่วยเพื่อไปรับการตรวจหรือรักษาต่อยังสถานพยาบาลอื่น
การจำหน่ายผู้ป่วย
เป็นการให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเนื่องจากปัญหาสุขภาพได้รับการดูแลแก้ไขให้ทุเลาหรือหายหรือให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องใน โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลอื่นรวมถึงการที่ผู้ป่วยเสียชีวิตขณะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล
1) จำหน่ายเมื่อผู้ป่วยทุเลาจะต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นลายลักษณ์อักษรจึงจะจำหน่ายได้
2) จำหน่ายโดยไม่สมัครใจรักษาต่อในโรงพยาบาลพยาบาลจะต้องอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ป่วยแพทย์จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นและต้องเป็นชื่อเป็นหลักฐานไว้ว่าไม่สมัครใจอยู่ในใบเซ็นไม่สมัครใจรับการรักษาต่อในโรงพยาบาล
3) จำหน่ายเมื่อผู้ป่วยหนีกลับในกรณีที่ผู้ป่วยหนีกลับพยาบาลจะต้องลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานในแบบฟอร์มบันทึกทางการ
พยาบาลและแจ้งเหตุที่จำหน่ายเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นกับพยาบาล
4) จำหน่ายเมื่อถึงแก่กรรมพยาบาลจะต้องลงบันทึกในแบบฟอร์มบันทึกทางการพยาบาลตลอดเวลาที่ผู้ป่วยเข้ารับการ
รักษาตั้งแต่อาการแรกรับถึงอาการรุนแรงผู้ป่วยสามารถจำแนกออกเป็น 4 ประเภทดังนี้
ตัวอย่างรูปแบบการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย
รูปแบบ C3THER+HELP
C3-THER
C ตัวแรก Care. การดูแลการตรวจวินิจฉัยรวมทั้งการรักษาผู้ป่วย
C ตัวที่สอง คือ Communication การสื่อสารสองทางระหว่างผู้ป่วยญาติและทีมผู้ดูแลอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการประสานงานระหว่างโรงพยาบาลและแหล่งบริการสุขภาพใกล้บ้านด้วย
C ตัวที่สามคือ Continuity - การวางแผนให้ผู้ป่วยและญาติสามารถดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ยังหมายถึงการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะอีกด้วย
Team การร่วมกันดูแลผู้ป่วย โดยสหสาขาวิชาชีพเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างครอบคลุม
Human resource การเพิ่มความรู้และทักษะในการดูแลของทีมงานในการดูแลผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
Environment & Equipment การจัดสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยรวมทั้งการใช้อุปกรณ์ที่ให้มีความปลอดภัยและสุขสบายเหมาะสม
Record การบันทึกเวชระเบียนและข้อมูลต่างๆของผู้ป่วยให้ครบถ้วนสมบูรณ์
HELP Holistic การดูแลแบบองค์รวมทั้งทางด้านจิตใจสังคมจิตวิญญาณและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย
Empowerment – การเสริมพลังอำนาจแก่ผู้ป่วยและครอบครัวในการดูแลอย่างเพียงพอและเหมาะสม
Lifestyleการดูแลผู้ป่วยโดยคำนึงถึงแบบแผนการดำเนินชีวิตและข้อ จำกัด ทางสิ่งแวดล้อม
Prevention & Patient Rightการป้องกันการกลับเป็นช้ำและการคำนึงถึงสิทธิของผู้ป่วย
รูปแบบการจำหน่ายตามหลัก D-METHOD ดังนี้
D-Diagnosis การให้ความรู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่ถึงสาเหตุอาการการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
M-Medication การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยายาที่ต้องรับประทานต่อเนื่องวิธีการใช้ยายากินยาฉีด
E-Environment and Economic สิ่งแวดล้อมเมื่อกลับไปอยู่อาศัยที่บ้านเป็นอุปสรรคหรือมีความปลอดภัยเกี่ยวกับโรคที่เป็นหรือไม่อย่างไรหรือแนะนำแหล่งประโยชน์ในชุมชนเช่นแนะนำการทำความสะอาดพรมในผู้ป่วยที่มีการแพ้ฝุ่นละอองเป็นต้น
T-Treatment สาธิตหรือแนะนำทักษะเกี่ยวกับการดูแลตนเองและให้อธิบายหรือสาธิตย้อนกลับเช่นแนะนำการทำแผลการดูแลตนเองเมื่อมีไข้เป็นต้น
H-Health teaching ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะสุขภาพเช่นแนะนำการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงภาวะแทรกช้อนของโรคต่างๆเป็นต้น
O-Outpatient refer อธิบายเกี่ยวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลต่อเนื่องหรือในกรณีฉุกเฉินติดต่อขอความช่วยเหลืออย่างไรเช่นแนะนำการทำความสะอาดแผลที่สถานพยาบาลหรือหน่วยบริการสุขภาพใกล้บ้าน รพ.สต. เป็นต้น
D-Diet-อธิบายเกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทานหรือรับประทาน จำกัด หรืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นแนะนำอาหารที่มีไขมันน้อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดไขมันอุดตันเป็นต้น
บันทึกทางการพยาบาล
รูปแบบการบันทึกทางการพยาบาล
การบันทึกแบบบอกเล่าเรื่องราว (Narrative charting)
การบันทึกโดยใช้คอมพิวเตอร์ (Computer assisted charting)
การบันทึกโดยใช้กระบวนการพยาบาล (Nursing process charting)
การบันทึก โดยใช้ระบบปัญหา (Problem oriented medication record: POMR)
การบันที่กระบบขี่เฉพาะ (Focus charting)
การบันทึกทางการพยาบาลให้มีคุณภาพ
ครอบคลุมต่อเนื่องตั้งแต่แรกรับจนถึงจำหน่าย
ชัดเจน ในกระบวนการพยาบาลทุกขั้นตอน
แบบฟอร์มบันทึกมาตรฐาน
ผลการบันทึกสามารถสะท้อนคุณภาพการพยาบาล
ประโยชน์
ช่วยให้เกิดความร่วมมือในการดูแลผู้รับบริการจากเจ้าหน้าที่หลาย ๆ ฝ่าย
ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้รับบริการได้รับการกระทำชำ ๆ ในเรื่องเดิมโดยไม่จำเป็นเช่นการซักประวัติการสอนการแนะนำในเรื่องต่างๆ
ช่วยส่งเสริมให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลถูกต้องมากขึ้นและช่วยลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นจากการขาดข้อมูล ในการประเมินปัญหาการบันทึกทางการพยาบาลให้มีคุณภาพ