Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Neurogenic bladder - Coggle Diagram
Neurogenic bladder เป็นภาวะที่พบบ่อย แต่มักจะถูกหลงลืม หรือ ถูกมองข้ามซึ่งสามารถพบได้ในภาวะต่างๆ เช่น spinal cord injury, CVA, Peripheral neuropathy มักพบในผู้ป่วยเบาหวาน neurogenic bladder โดยคำจำกัดความคือ ภาวะที่มีความผิดปกติของการขับถ่ายปัสสาวะ เนื่องจากระบบประสาทเสื่อมหน้าที่หรือถูกทำลาย
-
-
-
-
การทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง แบ่งเป็นสองระยะ คือ การกักเก็บและการขับถ่ายโดยการทำงานที่ปกติต้องอาศัยกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หูรูด และระบบประสาทที่ควบคุม ทั้งหมดจะทำงานประสานกัน หากเกิดความผิดปกติที่ระบบประสาททำให้การทำงานผิดปกติไป เราจะเรียกภาวะนี้ว่า Neurogenic bladder
การเก็บและการขับถ่ายปัสสาวะส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทอัตโนมุติ แต่สมองสามารถควบคุมได้ตามต้องการ
-
-
-
-
-
การพยาบาล
1.การซักประวัติ เกี่ยวกับอายุ อาการสาเหตุของการเจ็บป่วย
2.ดูแลให้ได้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
3.วัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่งโมงและทุกครั้งที่มีไข้ดูแลเช็ดตัวลดไข้ ให้ยาลดไข้และประเมินอุณหภูมิร่างกายซ้ำหลังเช็ดตัวหลังให้ยาลดไข้ 30 นาที
4.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาของแพทย์
-
การรักษา Neurogenic bladder ควรรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุ มักเป็นการรักษาตามอาการโดยเราจะเน้นในเรื่องเหล่านี้ คือ
- อาการปัสสาวะไม่ออกหรืออกได้ไม่หมด วิธีที่ใช้ในการระบายปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะมีหลายวิธี เช่น
- การใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้
- การใส่ท่อระบายทางหน้าท้อง
- การสวนปัสสาวะเป็นครั้งๆ
- การกดหน้าท้อง
- การใช้ยาเพิ่มการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ
- อาการปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นไม่อยู่ ส่วนมากรักษาด้วยการใช้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น
- Anticholinergic ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ
- Tricyclic antidepressant มีฤทธิ์กดการทำงานของระบบประสาท
- การฝึกกระเพาะปัสสาวะให้เก็บปัสสาวะได้นานขึ้น
- การปัสสาวะตามเวลาก่อนที่จะเกิดปัสสาวะราด
- ลดปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวัน
- งดอาหารบางอย่างเช่น ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ผลไม้พวกส้ม และอาหารรสเผ็ด
การดูแลรักษาในระยะยาว กรณีที่โรคทางระบบประสาทเป็นอยู่นานหรือเรื้อรัง จะมีปัญหาที่อาจต้องดูแลเป็นการเฉพาะ คือ
- การตรวจการทำงานของไต ด้วยการตรวจเลือดและคลื่นเสียงความถี่สูงเป็นระยะๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความดันในกระเพาะปัสสาวะสูงทำให้มีความดันย้อนไปยังไต
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ถ้าไม่มีอาการไม่ควรให้ยาปฏิชีวนะ เพราะมักจะเกิดเชื้อดื้อยา จะให้ยาเมื่อมีอาการเท่านั้นเช่น มีไข้ ปวดแสบท่อปัสสาวะ หรือปัสสาวะขุ่นมาก
-
-