Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการและเทคนิคปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลแบบองค์รวม ดูแลด้วยความเอื้ออาทร…
หลักการและเทคนิคปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลแบบองค์รวม ดูแลด้วยความเอื้ออาทร ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
ดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลทุกวัย (Personal Hygiene)
การดูแลผม
กำจัดสิ่งสกปรก ไขมัน ลดจำนวนเชื้อโรคที่สะสมที่หนังศีรษะ
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตที่หนังศีรษะ
กระตุ้นต่อมไขมันให้ขับไขมันออกมาหล่อเลี้ยงผม
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบาย
การดูแลความสะอาดช่องปาก (mouth care)
ทำให้ปากและฟันสะอาด
ลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปาก และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่น
สังเกตการณ์ติดเชื้อ แผลในช่องปาก
การดูแลความสะอาดของผิวหนัง
การอาบน้ำบนเตียงแบบสมบูรณ์ (complete bed bath)
รอาบน้ำ ที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำเองได้ทั้งหมด พยาบาลต้องเป็นผู้ทำให้ทั้งหมด
การอาบน้ำที่ห้องน้ำ (self bath)
ผู้ป่วยสามารถไปอาบน้ำได้เองในห้องน้ำที่มิดชิด (self bath)โดยสามารถอาบน้ำได้เอง หรือในผู้ป่วยบางรายอาจต้องให้ผู้อื่นช่วยบ้าง
การอาบน้ำบางส่วนของร่างกาย (partial bath)
การอาบน้ำที่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย ซึ่งถ้าไม่อาบแล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สุขสบาย ในส่วนที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำได้เอง
หลักการดูแลด้านความปลอดภัย (Patient safty)
หลักการดูแลด้านความปลอดภัย (Patient safty) การลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภัยหรืออันตรายทื่ไม่ควรเกิดขึ้นจากการบริการสุขภาพให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่สามารถยอมรับได้ (WHO, 2014)ส่วนในประเทศไทยมาประยุกต์ใช้ในสถานบริการสุขภาพคือ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. ที่ถ่ายทอดเป้าหมายความปลอดภัยลงมาให้โรงพยาบาลต่างๆ
Safe Surgery
แนวปฏิบัติ
การเตรียมผู้รับบริการให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการเข้ารับการผ่าตัด และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ตรวจสอบรายชื่อผู้รับบริการ ชนิดของการผ่าตัด วัน เวลาที่กำหนดผ่าตัด หอผ่าตัด
ตรวจสอบชื่อ-นามสกุล ป้ายข้อมือของผู้รับบริการให้ถูกต้องตรงกัน
ตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสาร ได้แก่ ใบรายงานการเตรียมผ่าตัด ใบยินยอมรับการผ่าตัด ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ครบถ้วน
ตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์/สิ่งของที่ต้องเตรียมไปพร้อมกับผู้รับบริการให้ครบถ้วน
ประเมินความพร้อมด้านร่างกาย ได้แก่ สัญญาณชีพ อาการและอาการแสดง การงดน้ำงดอาหาร ความสะอาดของร่างกาย การเตรียมผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัด รวมทั้งตรวจสอบฟันปลอม และกายอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการแจ้งเตือนประวัติที่ผิดปกติของผู้รับบริการ เช่น แพ้ยา
ลงบันทึกการตรวจสอบความพร้อมต่างๆ และเขียน Nurses’ note ให้เรียบร้อย
แนวปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
หากประเมินพบว่าผู้รับบริการไม่พร้อมในการเข้ารับการผ่าตัดทั้งด้านร่างกายหรือจิตใจ และช่วยให้ผู้รับบริการมีความพร้อมก่อนการส่งผ่าตัด
กรณีที่เอกสารใบยินยอมรับการผ่าตัดของผู้รับบริการไม่สมบูรณ์ ให้ประสานงานกับศัลยแพทย์/ส่งต่อข้อมูลให้พยาบาลห้องผ่าตัดเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง
อุปกรณ์/สิ่งของที่ต้องเตรียมไปพร้อมกับผู้รับบริการไม่ครบถ้วน ให้ตรวจสอบยืนยันความถูกต้องอีกครั้ง
Infection Prevention and Control
แนวปฏิบัติ
ประเมินและวางแผนการพยาบาลในการดูแลผู้รับบริการที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและ/หรือผู้รับบริการที่อาจเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อ
ปฏิบัติการพยาบาลโดยคำนึงถึงหลักในการแยกกักและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ปฏิบัติการพยาบาลตามหลักการแยกกักและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ (Isolation Precautions)อย่างเคร่งครัด
แนวปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
เขียนรายงานเหตุการณ์ ตามแบบฟอร์มในแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ
วิเคราะห์สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดพลาด พร้อมกำหนดแนวทางป้องกันและเฝ้าระวังมิให้เกิดความผิดพลาดซ้ำ
Medication & Blood Safety
ยา
ก่อนจัดยาต้องตรวจสอบว่า Medical Administration Record (MAR) ได้รับการตรวจสอบและลงนามจากพยาบาลหัวหน้าเวรผู้รับผิดชอบแต่ละเวรแล้ว
จัดและให้ยาแก่ผู้รับบริการภายใต้หลักพื้นฐาน 7 R (ให้ยาถูกชนิด ถูกคน ถูกยา ถูกขนาด ถูกทาง ถูกเทคนิค ถูกเวลา)
3.เฝ้าติดตามอาการไม่พึงประสงค์ (Adverse Drug Reaction : ADR)
บันทึกหรือลงนามเกี่ยวกับการให้ยา อาการและอาการแสดงภายหลังได้รับยาของผู้รับบริการในใบบันทึกทางการพยาบาล
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
แนวปฏิบัติ
ตรวจสอบชนิดของสารละลาย อัตราการไหลของสารละลาย เตรียมและ/หรือให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ ภายใต้หลักพื้นฐาน 7 R
เฝ้าระวังอาการผิดปกติและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นขณะผู้รับบริการได้รับและหลังได้รับสารละลาย
บันทึกรายงานเกี่ยวกับการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำและอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นขณะและหลังได้รับสารละลายบันทึกรายงานเกี่ยวกับการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำและอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นขณะ
และหลังได้รับสารละลาย
การให้เลือด
แนวปฏิบัติ
ตรวจสอบชนิดของเลือด หรือส่วนประกอบของเลือด หมู่เลือด อัตราการไหลของเลือด หรือส่วนประกอบของเลือด แบบ double check
เตรียมและ/หรือให้เลือด หรือส่วนประกอบของเลือด ภายใต้หลักพื้นฐาน 7 R
ประเมินภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นขณะให้ และหลังให้เลือด หรือส่วนประกอบของเลือด
ตรวจสอบอัตราการไหลของเลือด หรือส่วนประกอบของเลือดเป็นระยะ
แนวปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
ตรวจสอบและประเมินอาการ อาการแสดง และสัญญาณชีพของผู้รับบริการอย่างใกล้ชิด
วิเคราะห์สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดพลาด พร้อมกำหนดแนวทางป้องกันและเฝ้าระวัง
เขียนรายงานเหตุการณ์ ตามแบบฟอร์มในแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริกา
การผูกยึด (Restraint)
การประเมินก่อนตัดสินใจผูกยึดผู้ป่วยและวางแผนการดูแลเบื้องต้น
1.การซักประวิฃัติจากผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับประวัติโรคหรือภาวะเสี่ยงต่อการผูดยึด สิ่งกระตุ้นให่เกิดความโกรธและวิธีระงับความโกรธที่เคยได้ผล
2.การตรวจร่างกาย วัดสัญญาณชีพและสภาพจิต การรับรู้ สติปัญญา การทรงตัว การเดินและการเคลื่อนไหว
3.พยายามให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วมในการวางแผนการรักษาให้มากที่สุด อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจถึงนโยบายการใช้การผูกยึด
4.มีการทดสอบและตรวจสอบการใช้แผนการปฏิบัติงาน ประเมินผู้ป่วย การออกคำสั่งว่ามีความเหมาะสมเพียงใด
5.จำเป็นต้องมีการบันทึกให้ชัดเจนว่าได้มีการพยายามใช้วิธีการอื่นๆแล้ว ก่อนตัดสินใจใช้การผูดยึดกับผู้ป่วย
การใช้แนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการผูดยึด
1.ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น และค้นหาปัจจัยทางกาย จิตใจ หรือ อารมณ์ในการตัดสินใจผูกยึด
2.การแก้ไขเบื้องต้นก่อนตัดสินใจผูกยึด เช่น การพูดคุยกับผู้ป่วย การเคลื่อนย้ายผู็ป่วยไปตำแหน่งที่เฝ้าระวังง่าย ฯลฯ
3.กรประเมินหลังจากไดด้รับการแก้ไขเบื้องต้น ถ้าการช่วยเหลืออื่นไม่ได้ผล จึงใช้การผูกยึด
4.หลักการพิจารณการใช้วิธีผูกยึด คือ ใช้การผูกยึดน้อยที่สุด เลือกเครื่องมือที่อ่อนนุ่ม ระวังตำแหน่งของเครื่องมือบนตัวผู้ป่วยว่าจะเกิดอันตรายกับผู้ป่วย และไม่ขวางการดูแล
5.การประเมินผู้ป่วยหลังตัดสินใจผูกยึด
ผู้ป่วยมีอาการเพ้อ สมองเสื่อม หรือโรคทางกาย
ผู้ป่วยมีอาการทางจิตเวช
6.การพยาบาลผู้ป่วยระหว่างการผูกยึด
ไม่ผูกรัดแน่นจนเกิดผลเสียต่อการไหลเวียนของโลหิต มีผ้านุ่มรองบริเวณปุ่มกระดูกเพื่อเลี่ยงการกดรัด
จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สบายที่สุดและอวัยวะที่ไม่ได้ถูกผูกยึดเคลื่อนไหวได้
คลายเครื่องผูกยึดออกทุก 2 ชั่วโมง เพื่อดูแลผิวหนังและการไหลเวียนเลือด
ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยอย่างน้อยทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อสังเกตสิ่งปกติที่อาจเกิดขึ้นและวัดสัญญาณชีพต่างๆ
ดูแลผู้ป่วยได้รับสารอาหารและสารน้ำอย่างเพียงพอ
ดูแลเรื่องสุขอนามัยร่างกายและเสื้อผ้าของผู้ป่วยให้สะอาด ถามความต้องการของผู้ป่วย และอธิบายให้ผู้ป่วยทราบวิธีขอความช่วยเหลือ
ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยว่าจะสามารถยุติการผูกยึดได้หรือไม่ และบันทึกข้องมูลต่างๆจากการประเมินลงในแบบบันทึกการรักษาพยาบาล
7.การยุติการผูกยึด
ประเมินผู้ป่วยไม่มีข้อบ่งชี้สำหรับการผูกยึด
คลายการผูกยึดทีละจุด โดยคลายขาก่อนแขนโดยคลายแขนที่ไม่ถนัดก่อนและวประเมินซ้ำ และบันทึกเหตุผลหรือหลักฐานที่นำไปสู่การยุติการผูกยึด
8.ประเมินหลังจากการผูกยึด ทำทุก8 ชั่วโมง โดยประเมินระดับสติสัมปชัญญะ บริเวณที่ถูกผูกยึด การขับถ่าย ความไม่สุขสบาย
ทำเตียง และสิ่งแวดล้อม (Unit care)
การจัดการสิ่งแวดล้อม
จัดให้อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน มีความปลอดภัย
ดูแลให้สิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยให้สะอาด เป็นระเบียบ สวยงาม มีการทำลายเชื้อและกำจัดขยะอย่างถูกวิธี
อุณหภูมิที่เหมาะกับการพักผ่อนของผู้ป่วยแต่ละราย
แสงสว่างพอเหมาะ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป
การถ่ายเทอากาศที่ดี ไม่อับทึบหรือลมโกรกแรงเกิน
เสียง ไม่ควรมีเสียงรบกวนการพักผ่อน
กลิ่น ควรกำจัดกลิ่นที่รบกวนผู้ป่วย
สภาพแวดล้อมมิดชิด มีความเป็นส่วนตัว การปฏิบัติการพยาบาลต้องไม่เปิดเผยร่างกายผู้ป่วยเกินจำเป็น
การทำเตียง
4ประเภท
Open bed
1.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบว่าจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้
2.ให้ผู้ป่วยลุกออกจากเตียงนำเครื่องใช้วางไว้บนโต๊ะหรือเก้าอี้ที่สะอาด
3.รื้อผ้าปูที่นอนออก เช็ดทำความสะอาดที่นอน
4.ปูเตียงตามวิธีการปูเตียงว่าง
5.พับผ้าห่มวางไว้ที่ปลายเตียง เปลี่ยนปลอกหมอน
การทำเตียงว่าง (closed bed/ ordinary bed)
1.รื้อผ้าเก่าออกทีละชั้นโดยม้วนผ้าเข้าด้านใน ทิ้งลงถังผ้า
2.เช็ดทำความสะอาดเตียงด้วยน้ำยา น้ำ และเช็ดให้แห้ง
3.วางผ้าปูที่นอนอให้จุดศูนย์กลางของผ้าวางทับบนจุดกึ่งกลางของที่นอน
4.คลี่ผ้าปูที่นอนไปหัวเตียงและปลายเตียง ให้กระชับ เรียบตึง
5.สวมปลอกหมอน วางหมอนลงด้านหัวเตียง
6.วางผ้าห่มเช่นเดียวกับการวางผ้าปูที่นอน
occupied bed
1.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบว่าจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ นำเครื่องใช้วางไว้บนโต๊ะหรือเก้าอี้ที่สะอาด ล็อกล้อเตียงทั้ง 4 ล้อ ปรับเตียงในอยู่ในแนวราบ และเลื่อนราวกั้นเตียงด้านที่พยาบาลยืนอยู่ลง
2.พลิกตัวผู้ป่วยเข้าหาพยาบาล จัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคง
ในท่าที่สุขสบาย ปลอดภัย ยกราวกั้นเตียงขึ้น
3.เดินไปฝั่งตรงข้าม ลดราวกั้นเตียงลง รื้อผ้าออกทีละชั้น เช็ดเตียง ปูเตียงตามวิธีการปูเตียงว่าง ให้เสร็จทีละชั้น ปูเตียงตามวิธีการปูเตียงว่าง
4.พลิกตัวผู้ป่วยหันมาด้านที่ปูผ้าเสร็จแล้ว ยกราวกั้น
เตียงขึ้น เดินมายังด้านที่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้า เลื่อนราวกั้นเตียงลง รื้อผ้า และปูผ้า
5.จัดท่านอน และห่มผ้าให้ผู้ป่วย ยกราวกั้นเตียงขึ้น
ether bed
1.ปูเตียงตามวิธีการปูเตียงว่าง ปูผ้ายางและผ้าขวาง
บริเวณศีรษะ และบริเวณที่มีการผ่าตัด
2.วางผ้าห่มบนเตียงเช่นเดียวกับการทำเตียงว่างแต่ให้
พับชายบนของผ้าให้อยู่ระดับเดียวกับไหล่ผู้ป่วย
การนวด (Massage)
ท่าที่1 Stroking
วางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างบนหลังในแนวตรงลูบขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอแล้ววกกลับมาตามไหล่
ท่าที่2 Kneading
ดึงกล้ามเนื้อเข้ามาอยู่ในอุ้งมือทั้ง2 ข้างบีบและคลายมือสลับกันเลื่อนมือจากหัวไหล่ลงมาตามแนวด้านข้างของลำตัว สะโพก แล้วยกขึ้นไปหาหัวไหล่ด้านไกลตัว
ท่าที่3 Hacking
ว่างสันมือทั้ง 2 ข้างบนหัวไหล่ใช้สันมือสับสลับกัน เร็วๆ โดยให้แรงที่สับเกิดจากข้อมือของผู้ทำเลื่อนมือจากหัวไหล่ลงมาแนวเดียวกับท่าKneading
ท่าที่ 4 Clapping
ห่อมือทั้ง 2 ข้างให้ปลายนิ้วชิดกัน ตบเบาๆ ทั้ง 2 มือสลับกันเร็วๆทำในแนวเดียวกับท่า Hacking