Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Chronic renel failure ไตวายเรื้อรัง, สมาชิก, อ้างอิง วณิชา พึ่งชมภู.…

- - - - การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis)
        
        วิธีการ ใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปทิ้งค้างในช่องท้อง โดยอาศัยเยื่อบุช่องท้องแลกเปลี่ยนของเสียและน้ำส่วนเกินออกมาที่น้ำยาล้างไต เมื่อครบตามเวลาที่กำหนดก็จะทำการปล่อยน้ำยาล้างไตที่เต็มไปด้วยของเสียและน้ำส่วนเกินทิ้ง พร้อมทำการเปลี่ยนใส่น้ำยาล้างไตถุงใหม่เข้าไป โดยผู้ป่วยต้องมีการผ่าตัดใส่สายยางสำหรับใส่น้ำยาล้างไตทางช่องท้องให้พร้อมก่อนการล้างไต ระยะเวลา วันละ 4 รอบ ต่อเนื่องกันทุกวัน หรืออาจใช้เครื่องอัตโนมัติช่วยเปลี่ยนน้ำยาแทน
      - การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation)
        
        การผ่าตัดนำไตที่ดีจากผู้บริจาคใส่ไปในผู้รับไต โดยผู้รับไตต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานสม่ำเสมอเพื่อป้องกันภาวะปฏิเสธไตที่ปลูกถ่าย ปัจจุบันการปลูกถ่ายไตจัดเป็นวิธีบำบัดทดแทนไตที่มีประสิทธิภาพดีสุด และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีอัตราการอยู่รอดของไตที่ปลูกถ่ายมากกว่าร้อยละ 90 ในช่วงปีแรก
        
        ผู้ให้ไตแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
        
        ผู้บริจาคไตที่เสียชีวิต (Cadaveric Donor) คือ ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าสมองตาย แต่การทำงานของหัวใจและไตยังปกติ (ผ่านสภากาชาดไทย)
        
        ผู้บริจาคไตที่ยังมีชีวิต (Living Donor) คือญาติสายตรง ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก ญาติพี่น้องของผู้ป่วย หรือสามี ภรรยา
      - การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
        
        วิธีการ การนำเลือดออกทางเส้นเลือดที่แขนหรือคอ ผ่านเข้าเครื่องไตเทียมไปยังตัวกรอง เพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกินที่คั่งอยู่ในร่างกาย แล้วนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับคืนสู่ผู้ป่วย ทำให้ระดับของเสียในร่างกายลดลง โดยผู้ป่วยต้องมีการผ่าตัดเตรียมเส้นเลือดให้พร้อมก่อนการฟอกเลือด ระยะเวลา 4-5 ชั่วโมง/ครั้ง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
- - - - ความผิดปกติจากการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น โรคนิ่วในไต
        ภาวะต่อมลูกหมากโต ภาวะเนื้องอกอุดตัน หรือ ท่อปัสสาวะตีบแคบ เป็นต้น
      - โรคไตโกลเมอรูลัส ได้แก่ โรคไตอักเสบชนิดเนฟโฟรติคซินโดรม (nephritic
        symdrome) ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหต
      - ความผิดปกติแต่กำเนิดของไต ได้แก่ ไตไม่เจริญเติบโตตามปกติ(congenital
        hypoplastic kidney) หรือโรคไตเป็นถุงน้ำ (polycystic kidney disease) เป็นต้น
      - ความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง การอุดตันหรือการตีบแคบของหลอดเลือดของไต ทำให้เนื้อไตขาดเลือดมาเลี้ยง และมีการทำลายเนื้อไตอยางถาวร เกิดภาวะ
        ไตวายเรื้อรังได้
      - โรคของท่อไต (renal tubule)และเนื้อเยื่อไตอักเสบ (interstitium) ได้แก่ ภาวะกรวยไตอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โรควัณโรคที่ไต ภาวะพิษจากโลหะหนัก และพิษจากการรับประทานยาแกปวดหรือการได้รับรังสี
  - - - โรคเบาหวาน โรคเก๊าท์ โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ หรือโรคที่เกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกนหลาย ๆ ระบบ โดยมาก
        มักเป็นโรคทางเนื้อเยื่อ (collagen vascular disease) เช่น เอส แอล อี(systemic lupuserythromatosus; SLE) เป็นต้น
- - - - อาหารที่ เหมาะสมกับผู้ป่วยควรเป็นอาหารที่มีโปรตีน โปแตสเซียม โซเดียม และฟอสเฟตต่ำ หลีกเลี่ยงการ รับประทาน ไข่แดง เนื้อสัตว์ นม เมล็ดพืชต่างๆ เนื่องจากมีปริมาณฟอสเฟตสูง การรับประทาน อาหารท่ีมีฟอสเฟตตกา หรือรับประทานสารจับฟอสเฟต เช่น Calcium carbonate, Calcium acetate จะช่วยลดการดูดซึมฟอสเฟตในลำไส้ ลดอัตราการเสื่อมของไต ลดความรุนแรงของโปรตีนท่ีรั่วทาง ปัสสาวะ
      - ภาวะไขมันในเลือดสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสัตว์ หรือกะทิมาก ควบคุมปริมาณ คลอเรสเตอรอลไม่ควรให้ เกิน 300 มก./วัน ควบคุมอาหารกลุ่มโปรตีน โดยการรับประทานอาหารที่มี โปรตีนต่ำ เนื่องจากอาหารที่มีโปรตีนต่ำจะช่วยลดการทางานของไต ลดการกรอง ในโกลเมอรูลัส ลดปริมาณการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ และลดระดับฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ ในเลือด ซึ่งมีผลทาให้ ไตเสื่อมช้าลง
  - - - ปัจจุบันการรักษาไตวายทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังที่นิยมมากท่ีสุด คือ การฟอกเลือดด้วย เคร่ืองไตเทียม (hemodialysis)
- - - - Urea เป็นไนโตรเจนที่เกิดจากการเผาผลาญโปรตีนและขับออกจากร่างกายทางไตและระดับureaในเลือดใช้ประเมินการทำงานของไตได้แต่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการเพิ่มBUN เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด ไข้ ภาวะขาดน้ำ หัวใจล้มเหลว รับประทานอาหารโปรตีนสูง เลือดออกในทางเดินอาหาร เป็นต้น
    - - SCr เป็นของเสียจากการสลายครีอะตินฟอสเฟตในกล้ามเนื้อลายถูกขับออกทางไตอย่างคงที่ ระดับSCrจะไม่เปลี่ยนตามปัจจัยภายนอกเหมือน BUN ยกเว้นเป็นโรคที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อลาย ซึ่งSCrเป็นตัวชี้วัดการทำงานของไตได้ดีกว่าBUN ซึ่งเพศชายจะมีค่าSCrสูงกว่าเพศหญิงและจะพบว่าSCrสูงก็ต่อเมื่อไตถูกทำลายไปแล้วมากกว่าร้อยละ50
    - - เพื่อประเมินการทำงานของไตและระบุระยะของโรคซึ่งต้องคำนวณอัตราการกรองของไตด้วยสูตรCKD-EPIโดยใช้ค่าSCr เพศ อายุ ในการคำนวณ