Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นวัตกรรมพื้นบ้านเพื่อการสอน - Coggle Diagram
นวัตกรรมพื้นบ้านเพื่อการสอน
ทฤษฎี
จิตวิทยาเพื่อชีวิตไว้ 6 ประการ คือ
(4) ทฤษฎีคุณ-โทย อธิบายว่าบุคคลจะให้ความสนใจในสิ่งที่เป็นคุณแก่ตนเองมากกว่าโทย
(5) ทฤษฎีมโนทัศน์ อธิบายว่าบุคคลที่สามารถดำรงความเป็นมนุษย์ได้อย่างบูรณ์จะต้องมีการควบคุมความรู้สึกนึกคิด การพัฒนาบุคลิกภาพและปรุงแต่งของตนให้เป็นที่พึงประสงค์ของสังคม
(3) ทฤษฎีอิสระเสรี เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยความเต็มใจบุคคลจะเต็มใจกระทำสิ่งต่าง ๆ ในสภาวะอิสระเสรีมากกว่าสภาวะที่ไร้อิสระเสรี
(2) ทฤษฎีเย็น-ร้อน เป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงความพอใจและความตื่นเต้นของบุคคล บุคคลจะพอใจสิ่งที่อยู่ในสกาวะเข็นมากกว่าร้อน แต่จะตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ในสภาวะร้อนมากกว่าเย็น หากนำสิ่งที่อยู่ในสภาวะเย็นและร้อนมาผสม
(6) ทฤษฎีรุกมาต เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่าการปฏิบัติการใด ๆ จะได้ผลดีเพียงใด ขึ้นกับการพิจารณาตำแหน่งหน้าที่ของตนและการวางแผน
(1) ทฤษฎีดำขาว เป็นทฤษฎีที่อธิบายเกี่ยวกับความสนใจของบุคคล กล่าวคือ บุคคลมักให้ความสนใจสิ่งที่อยู่ในสภาวะดำมากกว่าขาว สนใจสิ่งที่ซ่อนเร้นมากกว่าสิ่งที่เปิดเผย สนใจสิ่งที่เคลื่อน
ธนู บุณยรัตนพันธุ์ ยังได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่
ถือว่าเป็นนวัดกรรมทางการเรียนการสอนอีกหลายชิ้นซึ่งเรียกว่า "เครื่องสมองธนู" ปัจจุบันมีอยู่ถึง 11 ชิ้น เช่น สม
สมองธนูหมายเลข4
เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ตรวจสอบความบริสุทธิ์ของน้ำและอัตราส่วนของปุ๊ยที่ละลายในน้ำ
สมองธนูหมายเลข 5-10
เป็นเครื่องสอนและเครื่องสอบที่ใช้กับบทเรียนและข้อสอบ
แบบต่าง ๆ ซึ่งตอบสนองคำตอบที่ถูกต้องได้ด้วยเสียง
สมองธนูหมายเลข 1 เป็น
อุปกรณ์กำหนดจังหวะที่ประดิษฐ์จากกระป้องนม เพื่อใช้สอนวิชาคนตรี
นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมาก เช่น
กระดานกล บัตรคำหมุน ห้องสมุดปี๊บ กะลาภาพ เครื่องสอนกระป้อง
เครื่องอ่านบัตรคำ ชุดการฟัง และแผงสัมผัส เป็นต้น
ธนู บุณยรัตนพันธุ์ ได้นำแนวคิดทั้ง 6 ประการดังกล่าวไปใช้ในการสร้าง
นวัตกรรมด้านการเรียนการสอนขึ้นจำนวนมาก ดังนี้
บทเรียนแบบกลบทล้อเลื่อน เป็นบทเรียนที่นำเนื้อหาวิชาการมาจัดในรูป
ของกลบท คือ นำข้อความปกติมาสลับที่กัน และให้รหัสสำหรับการหาคำตอบ
บทเรียนแบบวิเคราะห์ด้วยแม่เหล็ก เป็นบทเรียนที่ฝังแผ่นเหล็กไว้ที่บัตรเนื้อหาที่มีความถูกต้องและฝังแผ่นทองแดงไว้ที่บัตรเนื้อหาที่เป็นคำตอบที่ผิด ผู้เรียนจะต้องแยกเนื้อหาด้วยตนเอง แล้วจึงตรวจสอบโดยใช้แม่เหล็ก แม่เหล็กดูดบัตรใด แสดงว่าบัตรนั้น
เป็นบัตรเนื้อหาที่ถูกต้อง
บทเรียนแบบกระดาษวิเศษ เป็นบทเรียนที่ปิดบังเนื้อหาบางส่วนไว้ ต้อง
นำไปส่องกับแสงสว่างจึงจะมองเห็น
บทเรียนแบบฤๅษีแปลงสาร เป็นบทเรียนที่ให้ผู้เรียนอ่านและจัดทำส่วนที่สำคัญของเรื่องให้มีลักษณะเป็นกลบทคือสลับที่ตัวอักษรหรือคำ เพื่อให้ผู้เรียนหยุดคิดไตร่ตรอง ช่วยให้ผู้เรียนจำส่วนนี้ได้ดีขึ้น
บทเรียนแบบกล เป็นบทเรียนที่จัดทำบัตรโปรแกรมที่เจาะช่องไว้ชุดหนึ่งเมื่อนำไปช้อนบนบัตรเนื้อหาที่ทำไว้อีกชุดหนึ่ง คำตอบก็จะปรากฎในช่องนั้น
บทเรียนแบบคำผวน เป็นบทเรียนแบบเดียวกันกับแบบฤๅษีแปลงสาร ใช้คำผวนแทนการสลับที่ตัวอักษรหรือคำ