ถอดคำประพันธ์
หน้า 38
คำศัพท์ยาก
1.)ไอศวรรย์ หมายถึง ความเป็นใหญ่
2.)บรรลัย หมายถึง สูญสิ้น
3.)เสนี หมายถึง เสนา
4.)บุรี หมายถึง เมือง
5.)เพลิงกัลป์ หมายถึง ไฟล้างโลก
7.)ครั่นคร้าม หมายถึง กลัว
8.)สี่หมู่ หมายถึง สี่เหล่า(ช้าง ม้า รถ ราบ)
6.)สีหนาท หมายถึง พระราชดำรัสอันน่าเกรงขาม
ถอดคำประพันธ์ ได้ว่า
บทที่ 3
ถอดคำประพันธ์ ได้ว่าท้าวกะหมังกุหนิงได้ยินจึงโกรธมากก็พูดออกมา
เลยว่า ถึงกษัตริย์ทั้ง 4เมืองจะมาช่วยกับรบ กูก็ไม่กลัวใคร จะฆ่าให้เป็น
ผุยผงและได้สั่งทหารทั้งหมดให้เกณฑ์กำลังพลที่เก่งในสงคราม มาให้
ครบทั้ง 4เหล่า เกณฑ์มาอย่างน้อย 3แสนคน จัดทัพโดยให้วิหยาสะกำ
เป็นกองหน้า แล้วน้องชายทั้งสองเป็นกองหลัง ท้าวกะหมังกุหนิงจะเป็น
ทัพหลวง และได้ประกาศเกล้าว่าไม่กลัววงเทวาของอิเหนา แล้วเรียก
โหรามาทำนายทายทักว่า จะยกพลไปตีในวันพรุ่งนี้ดีหรือไม่
บทที่ 1
ถอดคำประพันธ์ ได้ว่าถ้าเกิดว่าไม่ได้นางบุษบา
มาก็จะไม่กลับเมืองและจะสู้จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่
บทที่ 2
ถอดคำประพันธ์ ได้ว่าสองทูตทูลความอีกครั้ง
ข้าได้ยินและตระหนักในใจว่าท้าวดาหาตรัส
ให้เสนารีบไปแจ้งเหตุแก่ เชษฐา กับเมืองสิง
หัสส่าหรี อีกทั้งพระอนุชาแห่งกาหลัง ทั้งยัง
เมืองระตูจรกา เห็นว่ากษัตริย์ทั้งสี่เมืองนั้นมา
ช่วย ต้องการเมืองดาหา เมื่อตอนที่ข้าออกมา
จากเมืองนั้น เสนาก็ไปพร้อมกันด้วย
ลีลาที่ใช้ในการแต่ง
พิโรธวาทัง
เมื่อนั้น
ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์
ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง
กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใคร
ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขัน
จึงกระชั้นสีหนาทประภาษไป
จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่
จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง
เป็นบทพิโรธวาทังแสดงความโกรธ
โวหารภาพพจน์
อุปมาโวหาร
(กล่าวเปรียบเทียบ)
ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์
อติพจน์โวหาร(กล่าวเกินจริง)
ไปจนกว่าชีวันจะบรรลัยฯ
รสวรรณคดี
รุทรรส/เราทรรส(รสแห่งความโกรธเคือง)
ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง จะมาช่วยรบพุงเป็นศึกใหญ่
กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง
วีรรส(รสแห่งความกล้าหาญ)
อันกองหลังรั้งพลมนตรี ทั้งสองศรีอนุชาผู้ใจภักดิ์
กูจะเป็นจอมพลโยธา หนุนทัพลูกยาเข้าโหมหัก
⭐
⭐
⭐
⭐
⭐