Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

เคสกรณีศึกษาที่1 Known case Thalassemia, S/P Splenectomy - Coggle Diagram

- - - - ประเมินอาการและสังเกตอาการแสดงที่บ่งบอกว่าร่างกายของเด็กได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอโดยการประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงโดยเฉพาะอัตราการหายใจจับชีพจรและการตรวจวัดระดับ saturation ประเมินอาการชิตของสีผิวเยื่อบุตาริมฝีปากอาการเหนื่อยอ่อนเพลียและ capillary filling time เพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะพร่องออกซิเจนและให้การพยาบาลที่เหมาะสมหรือรายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือได้ทัน
      - 2.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ Folic acid 5 mg 1 tab oral OD และ MTV 1 tab oral bid pc เพื่อช่วยในการกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น
      - 3.ดูแลจัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อให้กะบังลมเคลื่อนต่ำลงเพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนแก๊สได้ดีขึ้น
      - ดูแลให้เด็กป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอลดกิจกรรมที่ไม่จําเป็นเพื่อลดการใช้ออกซิเจน
      - 5.ดูแลให้ได้รับเลือดตามแผนการรักษาเพื่อเพิ่มตัวนำออกซิเจนและให้การดูแลเด็กตามหลักการให้เลือด
      - 6.ดูแลให้เด็กป่วยได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษาเพื่อให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
      - 7.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการดูระดับ Hb และ Hct
  - - - ดูแลความสะอาดของสิ่งแวดล้อมและข้าวของเครื่องใช้ให้สะอาดเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
      - แนะนำและสอนการล้างมือก่อนหลังการรับประทานอาหารและเข้าห้องน้ำเพื่อลดการนำเชื้อเข้าร่างกาย
      - แนะนำการได้รับวัคซีนให้ครบโดยครั้งต่อไปที่จะได้รับอยู่ในช่วง 11-12 ปีคือ td และ HPV และแนะนำให้เด็กได้รับวัคซีนโควิด-19
      - แนะนำการรับประทานอาหารที่สะอาด ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ
      - แนะนำและสอนการทําความสะอาดอวัยวะเพศหลังขับถ่ายจากหน้าไปหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
      - แนะนำการใส่หน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดเพื่อลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ
      - ประเมินสัญญาณชีพเพื่อประเมินภาวะติดเชื้อรวมทั้งให้คําแนะนำผู้ปกครองในการสังเกตอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นบ่งบอกภาวะติดเชื้อได้
      - ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น WBC
  - - - ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนจากเหล็กเกิน ได้แก่
        
        1.1 ตับแข็ง มีอาการดังนี้ อ่อนเพลีย ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักลด ขาบวม ท้องโต ตัวตาเหลือง คันบริเวณผิวหนังอย่างรุนแรง
        
        1.2 เบาหวาน มีอาการดังนี้ กระหายน้ำมาก ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย
        
        1.3 หัวใจวาย มีอาการดังนี้เหนื่อยง่าย ชีพจรเบา หัวใจเต้นเร็ว บวมข้อเท้าปลายเท้ากดบุ๋ม ฟังปอดพบ Crepitation หอบเป็นพักๆช่วงกลางคืน (Paroxysmal nocturnal dyspnea)
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาขับเหล็กตามแผนการรักษาและชี้แจงผู้ป่วย จะมีปัสสาวะสีชาปนแดง ซึ่งเป็นลักษณะปกติของผู้ที่ได้รับยาขับเหล็ก
        
        ยาที่ได้รับ คือ Desferal 1000 mg + 5% D/NSS/2 200 ml v drip in 24 hr x 7 days และยาที่ต้องรับประทานต่อเนื่อง เมื่อ Plan D/C หลังจากให้ยาครบ คือ Deferiprone 500 mg 2x3 tid ac
  - - - ประเมิน และบันทึกสัญญาณชีพ 15 นาที หลังการให้เลือดแต่ละถุง หรือ ทุก 30 นาที จนเลือดหมดเพื่อประเมินอาการแพ้เลือด เช่น อาการเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ผื่นลมพิษ ไข้ หนาวสั่น ปวดเอวหากพบความผิดปกติพยาบาลควรหยุดเลือดทันทีและรายงานแพทย์รับทราบ
      - ตรวจสอบหมู่เลือดของผู้ให้ และของผู้รับ ให้ตรงกันเพื่อป้องกันการให้เลือดผิดหมู่
      - ดูแลการให้ได้รับยาแก้แพ้ หรือยาลดไข้ก่อนการให้เลือดตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับเลือด โดยยาที่ได้รับ : CPM 1 tab oral ก่อนให้เลือด และดูแลให้ได้รับ ยา lasix 30 mg ก่อนให้เลือด
      - ให้เลือดและตรวจประกอบของเลือดในอัตรา ปริมาณ ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อป้องกันการได้รับเลือดมากหรือเร็วเกินไป โดยเลือดที่ได้รับ PRC v drip 600 ml in 4 hr
      - ประเมินภาวะ HCC syndrome (Hypertension convulsion cerebral hemorrhage syndrome) ประกอบด้วย ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ อาการชักและมีเลือดออกภายในสมอง หากพบความผิดปกติใดใดพยาบาลควรหยุดเลือดทันทีและรายงานแพทย์รับทราบ
      - 6.ติดตามดูผลการขับธาตุเหล็กโดยติดตามดูระดับเฟอร์ริตินในเลือดทุก 2-3 เดือน
  - - - 1) ประเมินภาวะกระดูกบางโดยซักประวัติเกี่ยวกับการเจ็บป่วยที่เกิดจากกระดูกหัก
        
        2) ให้การพยาบาลผู้ป่วยเด็กด้วยความระมัดระวังยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การ
        
        3) จัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการสะดุดหกล้ม
        
        5) ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีแคลเซียม ได้แก่ นม ผักใบเขียว และปลาเล็กปลาน้อย เพื่อส่งเสริมการสร้างกระดูก
        
        6)ติดตามผลการตรวจภาพถ่ายรังสีกระดูกตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อประเมินอาการกระดูกหัก
        
        4) อธิบายให้ผู้ป่วยเด็กและบิดามารดาผู้เลี้ยงดูทราบว่าผู้ป่วยเด็กเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักง่ายกว่าเด็กทั่วไปจึงควรระมัดระวังอุบัติเหตุต่างๆและเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายหากเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มและมีอาการเจ็บปวดรุนแรงให้รีบมาพบแพทย์
  - - - สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างพยาบาลกับครอบครัว เพื่อสร้างความไว้วางใจ
      - เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้ระบายความรู้สึก ซักถามข้อสงสัย และพูดคุยถึงปัญหาความวิตกกังวล เพื่อประเมินปัญหา และความต้องการของผู้ป่วยและผู้ปกครอง
      - ประสานงานให้บิดา มารดาได้พบแพทย์ผู้ให้การรักษา พูดคุยเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยและวางแผนการรักษาร่วมกัน
      - อธิบายเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วย และการดูแลที่ผู้ป่วยได้รับขณะอยู่โรงพยาบาล ให้ข้อมูลแก่บิดามารดาตามความต้องการ เพื่อให้คลายความวิตกกังวล และให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาล
      - ให้กำลังใจผู้ป่วยและ บิดามารดาอย่างสม่ำเสมอและจัดกิจกรรมการเล่นให้เหมาะสมกับภาวะโรคของผู้ป่วยเด็ก
      - เตรียมบิดามารดาและผู้ดูแล ให้พร้อมที่จะดูแลบุตรที่บ้าน โดยแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการ การรับประทานยา การพักผ่อน การรับวัคซีนต่างๆตามวัย การมาตรวจตามนัด รวมทั้งการกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการเพื่อให้บิดามารดา มีความพร้อม และมั่นใจการดูแลเด็กเพิ่มขึ้น