Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อสอบปรนัย - Coggle Diagram
ข้อสอบปรนัย
แบบตอบสั้นๆ (short answer test)
ลักษณะข้อสอบ
ประกอบด้วยคำถามที่สมบูรณ์
กำหนดให้ผู้ตอบแสดงความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยการเขียนตอบ
คำตอบจะมีลักษณะเป็นคำเดี่ยว ๆ หรือประโยคสั้น ๆ
หลักการสร้าง
ตั้งปัญหาเป็นรูปคำถาม และต้องการคำตอบเพียงสั้น ๆ
ต้องเป็นคำถามที่มีคำตอบตายตัวแน่นอน
ข้อจำกัด
บางครั้งอาจเกิดปัญหาในการตรวจให้คะแนน เช่น ผู้ตอบใช้ภาษาผิดพลาด
ตรวจยากกว่าข้อสอบปรนัยประเภทกำหนดคำตอบมาให้
ไม่เหมาะที่จะวัดพฤติกรรมขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินค่า
ยากที่จะเขียนคำถามเพื่อให้ได้เพียงคำตอบเดียว
ข้อดี
สร้างง่าย สะดวกรวดเร็ว
สามารถเขียนคำถามได้มากข้อ
ขียนคำตอบได้ง่ายกว่าข้อสอบอัตนัย
เหมาะสำหรับวัดพฤติกรรมความรู้-ความจำ เช่น การถามคำศัพท์ กฎ นิยาม เป็นต้น
ข้อสอบแบบเติมคำ (completion test)
ลักษณะข้อสอบ
จะเขียนประโยคหรือข้อความตอนนำไว้ แล้วเว้นว่าง
ข้อความหรือท้ายข้อความสำหรับให้เติมคำ เพื่อให้ข้อความนั้นถูกต้องสมบูรณ์
การเว้นช่องว่างให้เติมอาจเว้นมากกว่าหนึ่งแห่งก็ได้
หลักการสร้าง
พยายามเขียนปัญหาให้แจ่มชัด เฉพาะเจาะจงไม่กำกวม เพราะจะทำให้
ผู้ตอบเสียเวลาในการตีความ
อย่าเว้นช่องว่างสำหรับเติมหลายที่ จนกระทั่งไม่ทราบว่าโจทย์ต้องการอะไร
คำที่นำมาเติมในช่องว่าง ควรเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่สิ่งปลีกย่อย
ควรเว้นช่องว่างไว้ท้ายข้อความดีกว่าไว้ข้างหน้าหรือตอนกลาง
ไม่ควรลอกข้อความจากหนังสือมาเขียนถาม โดยการตัดข้อความบางตอนออกเพราะจะเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนตอบด้วยวิธีท่องจำ
ควรสร้างประโยคคำถามเพื่อให้ได้คำตอบที่สั้นที่สุด
พยายามถามในสิ่งที่มีคำตอบถูกเพียงคำตอบเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการตรวจ
เว้นที่ว่างสำหรับเติมคำตอบให้เพียงพอ และช่องว่างในแต่ละข้อควรมีขนาดเท่า ๆ กัน เพื่อป้องกันการแนะคำตอบ
คะแนนในแต่ละช่องควรให้เท่ากัน
ข้อดี
สร้างง่ายสะดวกและรวดเร็ว
โอกาสที่ตอบถูกโดยการเดามีน้อย
สามารถสร้างคำถามวัดในเรื่องหนึ่ง ๆ ได้หลายข้อ
ข้อจำกัด
วัดพฤติกรรมความรู้-ความจำ ซึ่งเป็นความรู้ขั้นต่ำ
ถ้าส่วนที่ต้องการเติมมีหลายเรื่อง ก็ไม่เหมาะที่จะสร้างข้อสอบประเภทนี้ เพราะการเว้นที่อาจเป็นการแนะคำตอบ
ขาดความเป็นปรนัยในกรณีที่เขียนประโยคนำไม่ดี
ข้อสอบแบบจับคู่ (matching test)
ลักษณะข้อสอบ
ประกอบไปด้วยภาคคำถาม และภาคคำตอบ
โดยผู้ตอบจะต้องจับคู่ระหว่างคำถามและคำตอบที่กำหนดให้ตรงกัน หรือสัมพันธ์กันอย่างมีเหตุผล
หลักการสร้าง
คำสั่ง หรือคำชี้แจงที่จะให้ผู้ตอบปฏิบัติอย่างไร ควรเขียนให้ชัดเจน
จำนวนข้อความในภาคคำตอบควรมีจำนวนมากกว่าข้อความในภาคคำถาม 3-5 ข้อ
คำที่อยู่ในภาคคำถามและคำตอบควรเป็นชนิดเดียวกัน หรืออาจสร้างเป็นประโยค วลี เครื่องหมายใด ๆ รูปภาพ ตัวเลข หรือตัวอักษรที่ทำให้ข้อความสอดคล้องกัน
คำที่เข้าคู่กันควรจะวางตำแหน่งให้อยู่สลับกันหรืออาจจะจัดเรียงลำดับ หรือจากมากไปหาน้อย เพื่อที่จะได้สะดวกในการพิจารณาคำตอบและลดการเดา
พยายามให้ภาคคำถาม และภาคคำตอบสมดุลย์กัน จำนวนข้อย่อยในภาคคำถามควรอยู่ระหว่าง 5-8 ข้อย่อย
ทั้งภาคคำถามและภาคคำตอบจะต้องอยู่หน้าเดียวกัน
ข้อดี
สร้างง่ายและประหยัดเวลา
สามารถถามได้มากข้อในเวลาจำกัด
เหมาะสำหรับการวัดความจำ
ตรวจให้คะแนนสะดวกรวดเร็ว เพราะสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจได้
สามารถพัฒนาเป็นข้อสอบเลือกตอบแบบตัวเลือกคงที่ได้
ข้อจำกัด
ป็นการยากที่จะสร้างข้อคำถามให้เป็นเอกพันธ์กัน
วัดความสามารถชั้นสูงได้น้อย
ข้อสอบข้อท้าย ๆ มีโอกาสตอบถูกได้ง่าย
ข้อสอบแบบถูกผิด (true-false items)
ลักษณะข้อสอบ
ให้พิจารณาข้อความที่เป็นปัญหานั้นว่าถูกหรือผิดตามหลักวิชา
ผู้ตอบต้องทำรหัสหรือเครื่องหมายลงที่ข้อความนั้น ๆ ตามที่โจทย์กำหนด
หลักการสร้าง
เขียนข้อสอบที่ต้องการจะถามให้อยู่ในรูปประโยคบอกเล่า โดยข้อความที่ถามไม่ควรจะยากเกินไป
ควรใช้ภาษาง่าย ๆ ไม่คลุมเครือหรือกำกวม เพราะจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นักเรียนทำ
ข้อสอบผิด
หลีกเลี่ยงการใช้คำบางประเภทที่อาจเป็นการชี้แนะคำตอบได้
พยายามใช้ข้อความที่แสดงปริมาณมากกว่าข้อความแสดงคุณภาพ เพราะการใช้คำว่า มาก น้อย ดี เลว เป็นสิ่งที่ตัดสินใจลำบาก
ข้อความแต่ละข้อควรถามประเด็นเดียว ไม่ใช่ว่าส่วนแรกผิดส่วนหลังถูกเพราะจะทำให้ลำบากในการตอบ
หลีกเลี่ยงการใช้คำที่เป็นคำสั่ง เพราะไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าถูกหรือผิด
หลีกเลี่ยงการใช้คำปฏิเสธซ้อน เพราะจะทำให้เด็กตีความลำบาก แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้คำปฏิเสธควรจะขีดเส้นใต้ด้วย
ในกรณีออกข้อสอบประเภทถูกผิดทั้งหมดควรสร้างคำถามให้มีจำนวนข้อมาก ๆ ควรวางตำแหน่งข้อถูก-ผิด สลับกันอย่างไม่มีระบบ เพื่อป้องกันการเดา
ควรกำหนดคะแนนไว้ในคำชี้แจงให้แน่นอน เช่น กำหนดข้อละ 1 คะแนน และไม่ควรหักคะแนนหรือติดลบข้อที่ทำผิด
ข้อดี
ตรวจง่าย รวดเร็ว ยุติธรรม มีความเป็นปรนัย
สามารถวัดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความรู้ความจำได้ดี
สามารถสอบเนื้อหาวิชาได้มากกว่าข้อสอบแบบอื่นในเวลาที่เท่ากัน
สามารถพัฒนาเป็นแบบทดสอบเลือกตอบได้
ออกข้อสอบง่าย และได้จำนวนมากข้อ แต่ผู้สอบใช้เวลาทำน้อย
ข้อจำกัด
นักเรียนได้คะแนนเนื่องจากการเดามีค่อนข้างสูง เพราะเลือกจากหนึ่งในสองอย่าง
ไม่สามารถที่จะวินิจฉัยได้ว่า สาเหตุที่นักเรียนทำข้อสอบผิดเนื่องมาจากอะไร
มีความเชื่อมั่นต่ำ ดังนั้นควรออกข้อสอบไม่น้อยกว่า 50 ข้อ
ส่วนมากวัดได้เฉพาะพฤติกรรมความรู้-ความจำ
ส่งเสริมการเรียนที่ไม่ดีแก่นักเรียน เพราะว่านักเรียนทำข้อสอบเพียงแค่ทำเครื่องหมายถูกผิดเท่านั้น