Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
องค์ประกอบของดนตรี imagesca9hhd5q, เด็กชายจิรเวช จีรบุณย์ มัธยมศึกษา3/3…
องค์ประกอบของดนตรี
เสียง(TONE)
คือพลังงานที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของของวัตถุหรือแหล่งกําเนิดเสียง เมื่อวัตถุสั่นสะเทือนก็จะทําให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของคลื่นเสียง และถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ ไปยังหู
มีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ ระดับเสียง ความยาวของเสียง ความเข้มของเสียง และคุณภาพของเสียง
1.ระดับเสียง(pitch) หมายถึง ระดับความสูง-ต่ำของเสียง ซึ่งเกิดจากความถี่ของการสั่นสะเทือนของวัตถุ ถ้ามีความถี่สูง สั่นสะเทือนเร็วจะมีเสียงสูง ถ้ามีความถี่ต่ำ สั่นสะเทือนช้าจะมีเสียงต่ำ
2.ความยาว-สั้นของเสียง(Duration) หมายถึงเสียงแต่ละเสียงที่เกิดขึ้นจะต้องใช้ระยะเวลาซึ่งจะทำให้เกิดเสียงยาวเสียงสั้น และสามารถแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ทางดนตรีที่มีคุณสมบัติเกี่ยวกับความสั้น-ยาวของเสียง
3.ความเข้มของเสียง(Intensity) หมายถึง น้ำหนักความดังเบาของเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ ถ้าวัตถุสั่นมากจะเสียงดัง ถ้าวัตถุสั่นน้อยจะเสียงเบา และความเข้มของเสียงยังขึ้นอยู่ความแรงที่ส่งมาจากแหล่งกำเนิดเสียง
4.คุณภาพของเสียง(Quality) หมายถึง คุณลักษณะของเสียงที่ได้ยินว่าไพเราะหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีหลายๆปัจจัยด้วย
จังหวะ(rhythm)
-
จังหวะสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1.จังหวะหลัก(beat) หมายถึง การเคาะหรือการนับจังหวะอย่างสม่ำเสมอเท่าๆกัน
2.ความเร็วของจังหวะหลัก(temple) หมายถึง ความเร็วของบทเพลง มีหน่วยเป็นครั้งต่อนาที
3.จังหวะของทำนอง(melodic rhythm) หมายถึง จังหวะที่เกิดขึ้นตามทำนองโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดีบเสียง
4.รูปแบบของจังหวะ(rhythmic pattern) หมายถึง รูปแบบของจังหวะที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน เช่น จังหวะสามช่า จังหวะรำวง
ทำนอง(melody)
คือ การจัดระเบียบของเสียงที่เกี่ยวข้องกับความสูง-ต่ำ ความสั้น-ยาว และความดัง-เบา เป็นองค์ประกอบของดนตรีที่ผู้ฟังสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุด
ตัวอย่างทำนอง เช่นเพลงฮัม เพลงhappy birthday ซึ่งเพลงพวกนี้จะไม่มีเนื้อร้อง แต่ก็ยังเข้าใจอยู่ดีว่าเป็นเพลงอะไร โดยส่วนมากเพลงทำนองจะนำไปcoverเป็นดนตรีประกอบอยู่บ่อยครั้ง
เสียงประสาน
(harmony)
คือ เสียงดนตรีต่างๆ อย่างน้อย 2 เสียงที่ถูกกำหนดให้บรรเลงขึ้นพร้อมกัน และจะทำห้มีการเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน 2 เสียง เรียกว่า"ขั้นคู่" แต่ถ้ามากกว่า 2 เสียงขึ้นไปเรียกว่า"คอร์ด"
1.เสียงขั้นคู่(intervals) หมายถึง เสียง 2 เสียงที่เขียนเรียงกันในแนวตั้งและเปล่งออกมาพร้อมๆกัน การนับระยะห่างของเสียงตามลำดับขั้นของโน้ตในบันไดเสียง ขั้นคู่เสียงถือว่าเป็นเสียงประสานที่มีความสำคัญในการเขียนเพลง
2.คอร์ด(chords) หมายถึง กลุ่มเสียงตั้งแต่ 3 เสียงขึ้นไปเรียงกันในแนวตั้ง และเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน
พื้นผิวของเสียง(texture)
คือ ลักษณะหรือรูปแบบของเสียงทั้งที่ประสานสัมพันธ์และไม่ประสานสัมพันธ์ โดยอาจจะเป็นการนำเสียงมาบรรเลงซ้อนกันหรือพร้อมกันจนเกิดเป็นพื้นผิวทางดนตรี
ลักษณะรูปแบบของพื้นผิวเสียงมี 4 รูปแบบ
1.monophonic texture เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน
2.polyphonic texture เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบด้วยแนวทำนองตั้งแต่สองแนวทำนองขึ้นไป
3.homophonic texture เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมีกลุ่มคอร์ดทำหน้าที่สนับสนุน
4.heterophonic texture เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนองแต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว
สีสันของเสียง(tone color)
คือ คุณลักษณะเฉพาะของเสียงนั้นๆ ที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติของเสียงนั้นๆ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดคุณลักษณะของเสียงแตกต่างออกไปมี 3 รูปแบบ
1.วิธีการบรรเลง หรือการผลิตเสียง อาจจะเป็นวิธี ดีด สี ตี เป่า โดยเป็นคุณลักษณะของเสียงจากเครื่องดนตรี
2.วัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรี แล้วแต่ตามวัฒนธรรม สภาพแวดล้อมของสังคมและยุคสมัย เช่น canadaมีไม้สนเยอะก็นำไม้สนมาทำเป็นกีตาร์ เป็นต้น
3.ขนาดและรูปทรง เครื่องดนตรีที่ขนาดไม่เหมือนกัน จะทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน
-