Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Streptococcus pneumonia meningitis., นางสาวบุษยารัตน์ ผิวผ่อง 62105341…

- - - - Subdural effusion ของเหลวคั่งในช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง
        
        จากเคสกรณีศึกษา : พบ Subdural effusion หนา 3mm ที่บริเวณ frontal lobe รักษาโดยทำ subdural tapping
      - Subdural empyema หนองในเยื่อหุ้มสมอง
        
        จากเคสกรณีศึกษา : ตรวจพบเชื้อ gram postsitive
        รักษาโดย subdural irrigation
    - - ติดเชื้อแบคทีเรีย streptococcus ที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน เชื้อลุกลามเข้ากระแสเลือดผ่านเข้าสู่ระบบประสาท
  - - - ไข้สูง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเผาผลาญของเซลล์ประสาทสมอง
      - พบว่ามีภาวะ Na ต่ำ ทำให้ osmolarityในเลือดลดลง จึงอาจเกิดอาการทางระบบประสาทอาจนำไปสู่ภาวะชักได้
- - - - focal neurological deficit
      - บ่งชี้ถึงภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะอย่างรุนแรง
      - สูญเสียการรับรู้สติระดับรุนแรงทำให้การตรวจร่างกายไม่ชัดเจน
      - มีอาการชักซ้ำๆ เฉพาะที่
- - - - กรณีศึกษา : 6/158 = 0.038 บ่งชี้ถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย
- - - - เคสกรณีศึกษารายนี้สรุปได้ว่า : ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
- - - - มีไข้สูง BT = 38.5 องศาเซลเซียส
      - กระหม่อมโป่งตึง
      - ความรู้สึกตัวลดลง ซึมลง
      - ผล CTbrain พบว่ามี subdural effusion หนา 3 mm ที่บริเวณ frontal lobe ทั้งสองข้าง
    - - ไม่เกิดภาวะ IICP
      - ไม่เกิดอันตรายจากภาวะ IICP
    - - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
      - Neuro sign ปกติ
      - เส้นรอบศีรษะไม่เพิ่มขึ้น กระหม่อมไม่โป่งตึง
      - ไม่มีอาการของความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น ปวดศีรษะ ระดับความรู้สึกตัวลดลง เป็นต้น
    - - จัดให้นอนศีรษะสูง 30 องศา ส่งผลให้มีการ แพร่กระจายของน้าไขสันหลังสู่ช่องว่างไขสันหลังอย่างอิสระ และมีการไหลกลับของเลือดดาสู่หัวใจได้ สะดวก
      - ประเมิน O2sat และป้องกันการขาดออกซิเจน เช่น ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ถ้าหายใจเองไม่ได้ต้องใส่ท่อ หายใจ (endotracheal tube) หรือใช้เครื่องช่วยหายใจดูดเสมหะตามความจาเป็นและไม่นานเกิน 15 วินาที และให้ออกซิเจน 100% ก่อนการดูดเสมหะ
      - ป้องกันการเกิด valsava maneuver โดยการป้องกันการไอ การจาม การเบ่งถ่าย อุจจาระ (งดสวนอุจจาระ) ควรให้ยาระบายหรือล้วงอุจจาระ จะทำให้ความดันในทรวงอกและช่องท้อง เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เลือดดำไหลกลับสู่หัวใจไม่สะดวก จึงเกิดภาวะเลือดดำคั่งในสมอง และทำให้เกิดภาวะ ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น
      - การลดอาการไข้ ในกรณีที่อุณหภูมิเกิน 38 องศาเซลเซียส เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส ทำให้ metabolism สูงขึ้นร้อยละ 10-13 เป็นผลให้ต้องใช้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น และภาวะไข้สูงทาให้ หลอดเลือดมี Vasodilation
      - จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่รบกวนผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น พร้อมทั้งให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล
      - ประเมิน V/S และ neuro sign ทุก 1 ชม. .ในระยะแรก จนอาการคงที่จากนั้นประเมินทุก 2 และ 4 ชม. เพื่อประเมิน ติดตามอาการและให้การพยาบาลได้ทันท่วงที
      - 7 .เฝ้าระวังภาวะ cushing reflex เช่น PP กว้างมากกว่า 60 mmHg ,RR น้อยกว่า 12 bpm ,HR น้อยกว่า 60 mmHg.
  - - - ฺBT 38 องศาเซลเซียส
      - WBC 11,500 cell/mm3
      - Neutrophil 88%
      - ผลเพาะเชื้อพบ Penicillin restant streptococcus pneumonia
      - ผลย้อมสีแกรมพบ gram positive diplococcic ,lancet - shape
    - - ติดเชื้อลดลง
      - ไม่เกิดอันตรายต่อเซลล์สมอง
    - - ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง เช่น ซึม ไข้สูง กระสับกระส่าย
      - BT ( ทางรักแร้ ) 34.7-37.3 องศาเซลเซียส
        ( สำนักงานสาธารณสุข )
      - WBC 5000 - 19,500 cell/mm3
      - Neutrophil 54-62%
      - เพาะเชื้อในเลือดส่งตรวจไม่พบเชื้อ
    - - ดูแลให้เด็กได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
        
        Cefotaxime 300mg/kg/day
        
        กลุ่มยา :Ceftriaxone
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งกระบวนการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย
        
        ผลข้างเคียง : การเกิดผื่นบริเวณผิวหนัง , เกิดอาการท้องเสีย ,
        
        Vancomycin 60mg/kg/day
        
        กลุ่มยา : antibiotic กลุ่ม Glycopeptides
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย
        
        ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง เป็นต้น
      - ประเมิน V/S และอาการทางระบบประสาทอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง หรือตามแผนการรักษา หากพบอาการผิดปกติให้ รายงานแพทย์ทันที ได้แก่BT=36.5-37.3 องศาเซลเซียส, RR=25- 50 bpm, PR=100-120 bpm, SBP=70-95 mmHg DBP=50-60 bpm
      - ประเมินอาการเเละอาการแสดงของภาวะติดเชื้อได้แก่ หายใจเร็วขึ้น ซึม รู้สีกตัวน้อยลง
      - ดูแลทําความสะอาดร่างกายทารก โดยเฉพาะในช่องปากให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อเเละภาวะแทรกซ้อน
      - ให้การพยาบาลโดยยึดหลักปราศจากเชื้อ (aseptic technique) พร้อมทั้งล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  - - - เกร็งกระตุกแขนขาทั้งสองข้าง ไม่รู้สึกตัวนาน 1-2 นาที
      - ซึมลง
      - ไข้สูง BT = 38.5 องศาเซลเซียส
    - - ไม่เกิดอาการชักจากไข้สูง
    - - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
      - ไม่เกิดอาการชักซ้ำจากไข้สูง
      - ไม่มีอาการของภาวะพร่องออกซิเจน
    - - ติดตามวัดสัญญาณชีพและอุณหภูมิกายทุก 4 ชั่วโมง และอาการแสดงอื่น ๆ เช่น ตัวร้อน หน้าแดง มึน งง สับสน กระสับกระส่ายและร้องกวน เป็นต้น เพ่ือประเมินภาวะไข้
      - หากเด็กมีไข้ต่ำ ( อุณหภูมิกายระหว่าง 37.5 - 37.9 องศาเซลเซียส ) ให้จัดการเรื่องไข้ ดังนี้
        
        2.1 ดูแลให้เด็กได้รับน้ําทางปากอย่างเพียงพอหรือควบคุมสารน้ําที่ให้ทางหลอดเลือดดําให้ตรงตามแผนการรักษา เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ํา ( dehydration ) จากภาวะไข้และน้ําช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายทางปัสสาวะ
        
        2.2 เช็ดตัวลดไข้ (sponging) ด้วยน้ําอุณหภูมิห้อง นาน 15 – 20 นาทีและต้องระมัดระวังไม่ให้เด็กมี อาการหนาวสั่น ( shivering ) เพราะจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย และหลอดเลือดหดตัวความร้อนจึงไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้
        
        2.3 สวมเสื้อผ้าที่บาง ไม่ห่มผ้าหากเด็กไม่มีอาการหนาวสั่น เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย
        
        2.4 จัดให้เด็กนอนพัก ไม่รบกวนเกินความจําเป็น เพื่อลดอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย จึงลดการผลิตความร้อนในร่างกายด้วย
        
        2.5 ไม่พยายามลดอุณหภูมิกายเด็กอย่างรวดเร็ว เช่น เปิดพัดลม เพราะจะกระตุ้นให้มีอาการหนาวส่ัน และเพื่ออัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายเช่นกัน
      - หากเด็กมีไข้สูง ( อุณหภูมิกายมากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเซลเซียส ) ซึ่งโอกาสที่เด็กจะชักซ้ำมีมากข้ึน ให้ปฏิบัติดัง ข้อ 2 ร่วมกับบริหารยาลดไข้แก่เด็กตามแผนการรักษา คือ Acetaminophen ในปริมาณ 15 mg/kg/ ครั้ง ห่างกันทุก 4-6 ชั่วโมง ( Leung AKC, Hon KL, Leung TNH, 2018 ) เนื่องจากยาลดไข้มีฤทธิ์ยับยั้งศูนย์ควบคุมความร้อนใน Hypothalamus จึงลดอุณหภูมิแกนกลาง ของร่างกาย ทั้งยังบรรเทาอาการไม่สุขสบายของเด็กด้วย
      - ติดตามวัดอุณหภูมิกายหลังเช็ดตัวลดไข้ 30 นาทีหรือหลังให้ยาลดไข้ 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินและติดตามอาการ
      - ดูแลให้เด็กได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา หากชักจากไข้สูงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ( bacterial febrileconvulsion ) เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบและปอดอักเสบเป็นต้น เพื่อกําจัดสาเหตุของการติดเชื้อ
        
        Cefotaxime 300mg/kg/day
        
        กลุ่มยา : Ceftriaxone
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งกระบวนการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย
        
        ผลข้างเคียง : การเกิดผื่นบริเวณผิวหนัง , เกิดอาการท้องเสีย , thrombocytosis
        
        Vancomycin 60mg/kg/day
        
        กลุ่มยา : antibiotic กลุ่ม Glycopeptides
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย
        
        ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง เป็นต้น
      - ดูแลให้ทารกได้รับยากันชักตามแผนการรักษา
        
        Diazepam 3 mg rectal suppository diazepam
        
        ยากลุ่ม : benzodiazepines
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : เพิ่มระดับGABA เพื่อยับยั้งการส่งกระแสประสาท
        
        อาการข้างเคียง : ง่วงซึม สับสน มึนงง เวียนศีรษะ ชีพจรเต้นเร็ว
  - - - : 1. มารดามีสีหน้าวิตกกังวล
    - - มารดามีความวิตกกังวลลดลง
    - - มารดายอมรับความพิการของบุตรแรกเกิด
      - มารดาแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยบุตร
      - มารดาคลายความวิตกกังวล
    - - การจัดสิ่งแวดล้อมและสร้างบรรยากาศ เพื่อกระตุ้นให้แสดงความรู้สึกให้มีแสง ,เสียงรบกวนน้อยที่สุด โดยเน้นมารดาเป็นศูนย์กลาง
      - ส่งเสริมความผูกพันและสัมพันธภาพของมารดาและบุตร ด้วยการเยี่ยมและสอบถามอาการบุตรที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤต พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการของบุตรแก่มารดาทราบตามสิทธิผู้ป่วย
      - ช่วยเหลือให้มารดาได้สัมผัสและโอบกอดบุตรที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตโดยเร็วที่สุด และให้สามีช่วยเหลือใกล้ชิดพร้อมทั้งแสดงออกถึงการยอมรับบุตร แสดงให้เห็นความมีคุณค่าของทารก
      - อธิบายให้มารดาและครอบครัวทราบในรายละเอียดที่สำคัญ เกี่ยวกับแนวทางการดูแลรักษาบุตรของแพทย์และประสานกับกุมารแพทย์ เพื่อให้ความรู้ตามขอบเขตวิชาชีพ
      - ตอบคำถามมารดาและครอบครัวด้วยท่าทีที่จริงใจ เต็มใจช่วยเหลือ สนับสนุน มีเมตตา และ ตอบให้ตรงกับความจริงมากที่สุดที่จะเป็นไปได้
      - ให้มารดา-บิดามีส่วนร่วมในการดูแลบุตร โดยเร็วจะช่วยส่งเสริมสัมพันธภาพ ความรับผิดชอบที่มีต่อบุตร แนะนำมารดา-บิดาให้เข้าใจและให้ความสนใจผู้เป็นปู่ ย่า ตา ยายให้เข้าร่วมรับฟังการสอนเกี่ยวกับการดูแลบุตรด้วย เพราะสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่เข้มแข็งได้
  - - - ไข้สูง BT = 38.5องศาเซลเซียส
      - เกร็งกระตุกแขนขาทั้งสองข้าง ไม่รู้สึกตัวนาน 1-2 นาที
      - ซึมลง
      - ผล CTbrain พบว่ามี subdural effusion หนา 3 mm ที่บริเวณ frontal lobe ทั้งสองข้าง
    - - ไม่มีภาวะพร่องO2
    - - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
      - ไม่เกิดอาการชักซ้ำจากไข้สูง
      - ไม่มีอาการของภาวะพร่องออกซิเจน เช่น กระสับกระส่าย ,ปลายมือปลายเท่าเขียว ,ระดับความรู้สึกตัวลดลง ,หายใจเร็ว
    - - ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
      - จัดให้เด็กนอนตะแคง ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ดูดเสมหะในปากและจมูก เพื่อป้องกันการอุดตันและการสําลัก
      - ดูแลให้ออกซิเจนแก่เด็กที่มีอาการชัก เพราะกล้ามเนื้อทรวงอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องมีอาการ เกร็ง ทําให้การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ และขณะที่มีอาการชักร่างกายต้องการออกซิเจนช่วยในการเผาผลาญเพิ่มขึ้น
      - หากทารกมีอาการชัก คอยสังเกตและดูแลระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บจากการชัก
        
        4.1 จัดให้เด็กนอนบนเตียง ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช่น ผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวหนุนบริเวณใต้ศีรษะ ระวังแขนขา กระแทกกับของแข็ง ของมีคม และไม่ควรเคลื่อนย้ายเด็กขณะชัก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บตามส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย
        
        4.2 ไม่ผูกยึดเด็กขณะชัก เพราะอาจทําให้เกิดการบาดเจ็บ เช่น กระดูกหักหรือข้อเคลื่อนได้
        
        4.3 ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ข้าง และดูแลสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการพลัดตกจากเตียงและการบาดเจ็บจากข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
        
        4.4 จัดให้เด็กอยู่ใกล้เคาเตอร์พยาบาล เพื่อให้การช่วยเหลือได้ทัน พร้อมทั้งหมั่นสังเกตอาการของเด็กบ่อยๆ
      - ประเมิน V/S และวัด O2sat ทุก 4 ชม พร้อมทั้งประเมินอาการ อาการแสดงของภาวะสมองขาด O2 เพื่อประเมิน ติดตาม และให้การพยาบาลได้ทันท่วงที
      - จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่รบกวนโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอและลดการใช้ O2
  - - - ดูดนมมารดาน้อยลง
      - 3.ซึม
      - ไข้สูง BT = 38.5 องศาเซลเซียส
    - - ไม่มีภาวะพร่องโภชนาการ
    - - 1.มีน้ำหนักตามเกณฑ์ที่กำหนดตามช่วงอายุคือ 6000 กรัม
      - ไม่มีอาการและอาการแสดงภาวะขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง การตึงตัวของผิวไม่ดี
      - ได้รับนมมารดาทุก 2 - 3 ชม.
      - ทารกน้ำหนักลดลงไม่เกินร้อยละ 10 ของน้ำหนักแรกเกิด
      - ปริมาณสารน้ำเข้าและออกมีความสมดุล
    - - ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
      - พิจาณาดูแลให้ Retain OG tube ต่อลง bag หากทารกทานเองไม่ได้ เพื่อให้อาหารและยา โดยก่อนใส่ต้องแจ้งวัตถุประสงค์และข้อบ่งชี้ในการใส่สาย OG Tube ให้แก่ บิดา มารดาทราบ
      - กระตุ้นให้ทารกได้รับนมมารดาทุก 2 - 3 ชม และให้นมทารกอย่างถูกวิธี เพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
      - 4.ประเมินอาการและอาการแสดงภาวะพร่องสารน้ํา และอิเล็คโตรไลท์ ได้แก่ ซึม ,ตัวเย็น ,ผิวแห้ง ,ปัสสาวะน้อย
      - ดูแลชั่งน้ําหนักเด็กวันละ 1 ครั้ง น้ำหนักต้องลดลงไม่เกินร้อยละ 10 ของน้ำหนักแรกเกิด เพื่อติดตามน้ําหนักของเด็ก
      - หากทารกไม่สามารถรับนมได้ตามปกติ รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาใส่สายให้อาหารทางปาก หรือให้สารน้ําทางหลอดเลือดดํา
      - ประเมิน และบันทึกสัญญาณชีพ พร้อมทั้งปะเมิน Bowel sound เพื่อประเมินและติดตามอาการ และประเมินภาวะท้องผูก
      - บันทึกปริมาณสารน้ําเข้า-ออกของเด็ก เพื่อประเมินการขาดน้้าของเด็กทุกเวร
      - ติดตามผลตรวยทางห้องปฏิบัติการ เช่น electrolyte เพื่อประเมินและติดตามผลการรักษาของแพทย์