Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พาราไดม์ทางรัฐประศาสนศาสตร์ - Coggle Diagram
พาราไดม์ทางรัฐประศาสนศาสตร์
1.แบ่งตามพัฒนาการระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
พาราไดม์ที่ 1 การบริหารแยกจากการเมือง (Politics Administration Dichotomy, 1900-1926)
หลักคิด
การบริหารภาครัฐจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด “เมื่อการเมืองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารเลย” โดยเน้นที่การบริหารราชการแผ่นดินควรมีความชัดเจน
นักวิชาการคนสำคัญ
Woodrow Wilson
ข้อโต้แย้ง
ทำให้เป็นที่รู้จักในฐานะการเมือง/การปกครองแบบแบ่งขั้ว ทำให้เกิดการโต้แย้งถึงคุณค่าและข้อเท็จจริงของแนวความคิดทางการเมือง
พาราไดม์ที่ 2 หลักการบริหาร (The Principle of Administration, 1927-1937)
หลักคิด
เชื่อว่าหลักการทางวิทยาศาสตร์ของการบริหารมีอยู่ โดยสามารถค้นพบได้และผู้บริหารจะสามารถทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญหากประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง
นักวิชาการคนสำคัญ
Herbert A. Simon
ข้อโต้แย้ง
ควรจะต้องมีนักวิชาการทางรัฐประศาสนศาสตร์ 2 ประเภทที่ทำงานในลักษณะเป็นการกระตุ้นทางวิชาการซึ่งกันและกันและประสานกันอย่างกลมกลืน โดยแบ่งเป็นนักวิชาการประเภทที่สนใจเกี่ยวกับการพัฒนา “ศาสตร์บริสุทธ์ของการบริหาร” ที่ต้องอาศัยพื้นฐานทางจิตวิทยาสังคม
พาราไดม์ที่ 3 รัฐประศาสนศาสตร์คือรัฐศาสตร์ (ค.ศ. 1950- ค.ศ. 1970)
หลักคิด
สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ในลักษณะที่เป็น “ขอบเขตความสนใจ” หรือความคล้ายคลึงกับ “รัฐศาสตร์” เนื่องจากการขาดกรอบแนวคิดที่เป็นอัตลักษณ์อย่างชัดเจน และได้ถูกลดระดับกลับไปสู่ใต่ร่มของ “รัฐศาสตร์”
นักวิชาการสำคัญ
Dwight Waldo
ข้อโต้แย้ง
เนื่องจากการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ยังไม่นำไปสู่คำตอบที่ชัดเจนถึงการปรับปรุงการบริหารจัดการภาครัฐ จึงทำให้ในช่วงปี 1970 วิชารัฐประศาสนศาสตร์เปรียบเทียบไม่ถูกพูดถึงในวงวิชาการ
พาราไดม์ที่ 4 รัฐประศาสนศาสตร์คือการจัดการ (Public Administration as Management, 1956-1970)
หลักคิด
การบริหารนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐประศาสนศาสตร์ การบริหารธุรกิจ หรือการบริหารสถาบันต่างๆ ไม่ได้มีความแตกต่างกันเพราะล้วนแต่ต้องอาศัยการบริหารทั้งสิ้น
นักวิชาการคนสำคัญ
Benn และ Gaus : นิยามความเป็นสาธารณะ
ข้อโต้แย้ง
การเคลื่อนไหวเพื่อพยายามสร้างทฤษฎีและเรียกร้องความเป็นอิสระทางวิชาการและเชื่อว่าทฤษฎีมีความสำคัญมากกว่าการบริหารเพื่อต้องการที่จะแยกตัวเองออกจากรัฐศาสตร์และการจัดการ
2.แบ่งตามหลักการและแนวคิดการบริหารจัดการ
1) พาราไดม์การบริหารจัดการภาครัฐแนวเก่า (Old Paradigm)
1.1) การบริหารที่แยกกับการเมือง
1.2) การบริหารตามหลักวิทยาศาสตร์การจัดการ
1.3) การบริหารราชการในอุดมคติ
2) การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management)
New Public Administration (NPA) มีการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมทั้งในภาคการเมืองและการบริหารภาครัฐ
New Public Management (NPM) เป็นการประยุกต์ใช้การบริหารจัดการลดขนาดและบทบาทของภาครัฐและให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการบริการสาธารณะ
New Public Service (NPS) ในยุคนี้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน “ประชาชนคือลูกค้า”
3) การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หรือหลักธรรมาภิบาล
1) หลักนิติธรรม
2) หลักคุณธรรม
3) หลักความโปร่งใส
4) หลักการมีส่วนร่วม
5) หลักความรับผิดชอบ
6) หลักความคุ้มค่า