Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการแก้ปัญหาเหตุรําคาญ: กรณีศึกษาเทศบาลตําบลเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่…
กระบวนการแก้ปัญหาเหตุรําคาญ: กรณีศึกษาเทศบาลตําบลเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษากรณี กระบวนการแก้ปัญหาเหตุรําคาญที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลตําบลเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ด้านฝุ่นละออง เขม่า หรือควัน เสียง กลิ่นและขยะ
วิธีการดำเนินการ
ใช้แบบสอบถามเชิงลึกเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลตําบลเชียงดาว อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
บทนำ
เหตุรำคาญเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน การจัดการปัญหาจำเป็นต้องดำเนินการที่สาเหตุของปัญหา จากข้อมูลสถิติการร้องเรียนพบว่าปัญหาเหตุรำคาญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่โดยตรงในการแก้ไขปัญหาเหตุรำคาญ เพื่อช่วยป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยต้องมีกระบวนการ วิธีการ หรือแนวทางการจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ
อภิปรายผล
ปัญหาเหตุรำคาญและมูลเหตุในการร้องเรียนปัญหาเหตุรำคาญที่เกิดขึ้น
1.1.ปัญหาเหตุรำคาญที่เกิดขึ้นด้านฝุ่นละออง เขม่า ควัน
• เกิดจากการเผาขยะในที่โล่ง
• เทศบาลได้แก้ปัญหาโดยแจ้งหนังสือขอความร่วมมือให้หยุดเผาขยะและทิ้งขยะในที่เทศบาลจัดให้ รวมทั้งให้ความรู้เรื่องการลดปริมาณขยะและการนำขยะมารีไซเคิล
1.2.ปัญหาเหตุรำคาญที่เกิดขึ้นด้านเสียง และสุนัข
• ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสุนัขและการใช้เสียงในเวลากลางคืนของเพื่อนบ้าน
• เทศบาลแก้ปัญหาโดยการให้คำแนะนำในการควบคุม กักกัน สุนัขไม่ให้ออกมาคุกคามประชาชน มีมาตรการทางกฎหมายมาควบคุมและลดระดับเสียงจากเดิม
1.3.ปัญหาเหตุรำคาญที่เกิดขึ้นด้านกลิ่นและขยะ (ร้องเรียนมากที่สุด)
•เทศบาลแก้ไขตามสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และอาจประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการจัดการปัญหา
2.การรับเรื่องร้องเรียนเหตุรำคาญ
ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนประจำหน่วยงาน เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อประสานงาน
มีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและหน่วยงานต่างๆ เช่น ทางโทรศัพท์
มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานรับเรื่องร้องเรียนโดยเฉพาะ
มีการกำหนดขั้นตอนการรับเรื่องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร
3.กระบวนการแก้ปัญหาเหตุรำคาญของเทศบาลตำบลเชียงดาว
3.1การร้องเรียนทางโทรศัพท์หลังตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่จะแจ้งผู้ถูกร้องเรียนและสอบถามถึงการแก้ไข
หากสามารถแก้ไขหากสามารถแก้ไขได้จะมีการติดตาม ดำเนินการภายใน 15-30 วันและบันทึกข้อ และบันทึกข้อร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร
หากไม่หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จะแจ้งผู้ร้องเรียนมาเขียนบันทึกคำร้อง เพื่อนำเรื่องเข้าระบบรับเรื่องร้องเรียนปัญหาเหตุรำคาญติดตามประเมินผลแล้วไม่มีการแก้ไขจะมีการตักเตือนสอบถามถึงปัญหาที่ยังไม่สามารถทำได้และให้คำแนะนำเพิ่มเติม
3.2จากกรณีศึกษาพบว่าจากการดำเนินเรื่องแก้ไขปัญหาเหตุรำคาญของเจ้าหน้าที่ไม่มีกรณีใดที่ต้องส่งเรื่องถึงฝ่ายปกครอง
ผลการวิจัย
จากการศึกษาข้อมูลกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเหตุรำคาญและเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้นและสัมภาษณ์เชิงลึกจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและเจ้าพนักงานสาธารณสุข สามารถสรุปผลการศึกษาได้ ดังนี้ เหตุรำคาญที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเหตุที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างซึ่งสามารถจัดการและแก้ไขปัญหาได้ โดยมีสาเหตุที่อาจมาจากการขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ การขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อนบ้านไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือบางครั้งอาจเกิดจากการมีเหตุอื่นที่มีข้อพิพาทกันอยู่แล้ว กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นมีทั้งหมด 12 กรณี มีรายละเอียด ดังนี้
ด้านฝุ่นละออง เขม่า หรือควัน
กรณีที่ 1.1
โรงเรียนในเขตพื้นที่ชุมชนหมู่ที่ 8 มีการเผาขยะมูลฝอยและเศษวัสดุทางการเกษตรและเศษวัสดุอื่น ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นซึ่งมีผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมและสุขภาพอนามัยโดยรวมของประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจสอบและตักเตือนไปแล้วแต่ยังมีการเผาขยะมูลฝอยอยู่ทางเทศบาลจึงได้ทำหนังสือขอความร่วมมืองดเผาขยะมูลฝอยและกิ่งไม้ใบไม้หรือเศษวัสดุอื่นในที่โล่ง
ด้านเสียง และสุนัข
กรณีที่ 2.1
ประชาชนหมู่ที่ 6 ได้รับความเดือดร้อนจากสุนัขจรจัดและสุนัขไม่ทราบเจ้าของจำนวนหลายตัว มีพฤติกรรมดุร้ายกัดสัตว์เลี้ยงในบ้านและคุกคามประชาชน เจ้าหน้าที่จึงมีการประกาศแจ้งให้เจ้าของสุนัขควบคุมและกักกันสุนัขไม่ให้ออกมาคุกคามและทำลายทรัพย์สินของประชาชน โดยหากพันระยะเวลา 7 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ ยังมีสุนัขออกมาสร้างความเดือดร้อน ทางเทศบาลจะดำเนินการกักสุนัขไว้เป็นเวลา 30 วัน เมื่อพ้นกำหนดแล้ว ไม่มีผู้ใดมาแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของเพื่อรับสุนัขคืน เทศบาลจะจัดส่งสุนัขให้อยู่ในความดูแลและควบคุมของมูลนิธิพิทักษ์รักษ์สัตว์เพื่อสังคมต่อไป
กรณีที่ 2.3
ประชาชนหมู่ที่ 6 ในบริเวณที่อยู่อาศัยมีสมาชิกในชุมชนหลังหนึ่งทำการเชื่อมเหล็กและตัดเหล็ก เวลา 21.00 น. ของทุกวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและให้คำแนะนำผู้กระทำแล้ว พบว่ามีการแก้ไขปัญหาได้
กรณีที่ 2.2
บ้านของชาวบ้านคนหนึ่งได้เลี้ยงสุนัขหลายตัวส่งเสียงรบกวนชาวบ้านในเวลากลางคืนและไล่กัดชาวบ้านที่สัญจรไปมาในบริเวณนั้น ซึ่งทางเทศบาลได้ทำการตรวจสอบแล้วได้รับแล้วไม่พบเจ้าของบ้าน พบสุนัขปล่อยไว้บริเวณบ้านจำนวน 4 ตัว และขังไว้หน้าบ้าน 1 ตัว ทางเทศบาลได้ทำหนังสือแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน และประชาชนให้ทราบ พร้อมทั้งประสานงานทางโทรศัพท์กับเจ้าของสุนัข ดังนี้
1.สุนัขที่ไล่กัดประชาชนจำนวน 2 ตัว ให้เจ้าของซื้อตะกร้อครอบปาก อย่าให้ไล่กัดประชาชนอีก และได้อธิบายถึงโทษทางกฎหมายถ้ามีผู้แจ้งความดำเนินคดี
2.ห้ามคล้องโซ่สุนัขไว้ในบริเวณทางเดินสาธารณะที่ประชาชนใกล้เคียงสัญจร
3.หากเกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง เทศบาลตำบลเชียงดาวและปศุสัตว์อำเภอเชียงดาว จะร่วมกันพิจารณาการเคลื่อนย้ายสุนัขออกจากพื้นที่
3.ด้านกลิ่นและขยะ
กรณี 3.1 ประชาชนหมู่ 8 แจ้งว่าได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นสารเคมีจากการทำสวนกระเทียม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าได้รับผลกระทบจริงอันตรายต่อชีวิตได้ในอนาคต เทศบาลจัดประชุมหาทางแก้ไขร่วมกันและทำสัญญาต่อกัน
กรณี 3.2 ประชาชนหมู่ 6 แจ้งว่าให้เทศบาลตรวจสอบและตัดแต่งกิ่งไม้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีกอหญ้ารกตามถนนจึงแก้ไขและแจ้งผู้ร้องเรียน
กรณี 3.3 ประชาชนอำเภอเชียงดาวร้องเรียนผ่านเว็บไซต์เรื่องการจัดเก็บขยะของเทศบาลว่าถังขยะสาธารณไม่เพียงพอเพราะต้องใช้ถุงขยะจากเทศบาลเท่านั้นถึงจะเก็บ ผู้ร้องเรียนอาศัยอยู่นอกเขตจึงไม่มีการเก็บขยะ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสรุปผล ปัญหาไม่มีถังขยะที่สาธารณะเคยมีการจัดวางแต่ขยะจากที่อื่นเยอะเกินไป ผู้ร้องเรียนอยู่นอกเขตเป็นหน้าที่ของ อบต.เชียงดาวที่ต้องแก้ไขต่อไป
กรณี 3.4 ประชาชนหมู่ 6,7 ร้องเรียนว่าเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นจากร้านอาหารทะเล เดิมเคยตรวจสอบและแก้ไขแล้ว แต่ยังเดือดร้อนอยู่ซึ่งเป็นปัญหาต่อสุขภาพทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชน เทศบาลจึงจัดประชุมกับผู้ประกอบการและผู้เดือดร้อนเพื่อแก้ไข เทศบาลแจ้งปิดร้านชั่วคราวภายใน 7 วัน และทางร้านไม่มีใบประกอบกิจการจำหน่ายอาหาร จึงให้ร้านติดต่อจ่ายค่าธรรมเนียมตามเวลากำหนดหรือตำบลเชียงดาวสั่งหยุดกิจการ
กรณี 3.5 อำเภอเชียงดาวรับเรื่องว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างใช้วัสดุไม่สามารถย่อยสลายได้บริเวณทางเข้าวัดหมู่ 8 ตรวจสอบแล้วพบว่าอยู่นอกเขตรับผิดชอบจึงแจ้งผู้ร้องเรียนและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กรณี 3.6 ประชาชนหมู่ 7 ร้องเรียนว่าผู้ประกอบการแผงลอยขายของสดและอาหารสำเร็จได้ชำระล้างเศษอาหารและน้ำทิ้งแช่เนื้อสุกรลงถนนสาธารณะด้านหลังร้านเกิดความสกปรก กลิ่นเหม็นรบกวน เทศบาลตรวจสอบและแนะนำแม่ค้าให้ใช้ถังรองน้ำทิ้งหรือต่อสายยางลงรางระบายน้ำให้รักษาความสะอาดใน 30 วัน เจ้าหน้าที่ติดตามผลและปัญหาแก้ไขแล้ว
กรณี 3.7 ประชาชนหมู่ 7 ร้องเรียนว่าพื้นทีว่างเปล่ามีหญ้ารกและขยะอาจเป็นที่อยู่สัตว์มีพิษและอาจเกิดเพลิงไหม้ เทศบาลตรวจสอบและแจ้งมาตรการแก้ปัญหาให้ผู้ใหญ่บ้านและปรธานชุมชนทราบ โดยแนะนำให้เจ้าของที่จ้างคนตัดหญ้าภายใน 7 วัน จากการติดตามพบว่าแก้ปัญหาเรียบร้อย
กรณี 3.8 ประชาชนหมู่ 13,7 ร้องเรียนว่าผู้ประกอบการนำเปลือกผลไม้หรือผลไม้เน่าเสียทิ้งบริเวณทางสาธารณะ เกิดความสกปรกและส่งกลิ่นเหม็น ขวางทางระบายน้ำและเกิดน้ำเน่าเสีย เทศบาลทำหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้ามทิ้งในที่สาธารณะ ขยะที่ย่อยสลายได้สามารถทิ้งที่ที่เทศบาลกำหนดให้ทิ้งได้
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาวิจัย
ควรมีการสรุปการรับเรื่องร้องเรียนและจัดทำรายงานสรุปประเด็นการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาเหตุรำคาญให้กับผู้บริหารหน่วยงานรับทราบ เพื่อความสะดวกในการนำข้อมูลไปดำเนินงานในการจัดการปัญหาเหตุรำคาญและเป็นข้อมูลในการติดตามการทำงานได้อย่างเป็นระบบ
ควรมีการรวบรวมข้อมูล จัดทำสถิติ และรายงานสถานการณ์เหตุรำคาญในภาพรวมที่เกิดขึ้นในพื้นที่
ควรจัดให้มีมาตรการเตรียมความพร้อมในการจัดระบบป้องกันเหตุรำคาญ เพื่อให้กระบวนการ จัดการปัญหาสัมฤทธิ์ผลมาก
สารสำคัญ
ประเด็นที่ 1 : การจัดการสุนัขมีพฤติกรรมดุร้ายไล่กัดประชาชนและส่งเสียงรบกวนในเวลากลางคืน แก้ปัญหาโดย
แนะนำให้เจ้าของซื้อตะกร้อครอบปาก เพื่อไม่ให้สุนัขไล่กัดประชาชน
ห้ามคล้องโซ่สุนัขไว้บริเวณทางเดินสาธารณะ
ควบคุมและกักกันสุนัขไม่ให้ออกมาคุกคามและทำลายทรัพย์สินของประชาชน
ประเด็นที่2 : ผู้ประกอบการแผงลอยขายของสดและอาหารสำเร็จได้ชำระล้างเศษอาหารและน้ำทิ้งแช่เนื้อสุกรลงถนนสาธารณะ แก้ปัญหาโดย
เทศบาลตรวจสอบและแนะนำแม่ค้าให้ใช้ถังรองน้ำทิ้งหรือต่อสายยางลงรางระบายน้ำ
ให้รักษาความสะอาดใน 30 วัน และเจ้าหน้าที่มีการติดตามผล