Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 3 การพยาบาลมารดาทารก หลังคลอดปกติ - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่ 3
การพยาบาลมารดาทารก
หลังคลอดปกติ
20.นักศึกษาจะกําหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาลและการวางแผน การพยาบาลแก่มารดาและทารก ในระยะ 6
สัปดาห์หลังคลอดรายนี้อย่างไร
เสี่ยงภาวะตกเลือดหลังคลอดภายหลังจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
การพยาบาล
•แนะนำให้มารดาทานอาหารที่มีประโยชน์เช่น แกงเลียงและทานน้ำประมาณ 2,000-3,000ml เพื่อการเร่งนํ้านม
•ดูแลกระเพราะปัสสาวะให้ว่างเพื่อให้มดลูกหดรัดตัวได้ดี
•สอนและให้คําแนะนำมารดาก่อนกลับบ้านเรื่องการคลึงมดลูกและการสั่งเกตความผิดปกติเช่นมีเลือดสดออกมาเป็นจํานวนมากหน้ามืดเวียนศีรษะตาพร่ามัวให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
•ในมารดาหลังคลอดท้องหลังงการตึงตัวและหดรัดตัวของมดลูกไม่ดีเท่าท้องแรกจึงต้องเฝ้าระวังมากกว่าปกติ
•แนะนําให้ดูแลความสะอาดอวัยเพศไม่สวนล้างช่องคลอดล้างทําความสะอาดจากหน้าไปหลังซับให้แห้งทันที
•งดการมีเพศสัมพันธ์ควรงดจนกว่าจะได้การตรวจหลงคลอดเมื่อครบ 4-6 สัปดาห์และ Follow up ตามนัด
ข้อมูลสนับสนุน : มารดาอ่านเพลีย
เป้าหมาย : ไม่มีภาวะตกเลือก
เกณฑ์การประเมิน : ไม่มีภาวะตกเลือด ไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีอาการอ่านเพลีย
19.จากข้อมูลในระยะ 3 วันหลังคลอด นักศึกษาจะกําหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาลและวางแผนการ พยาบาลแก่มารดาและทารกรายนี้อย่างไร
ทารกมีอาการตัวเหลืองเนื่องจากได้รับนมแม่ไม่เพียงพอ
เป้าหมาย: ทารกไม่มีอาการตัว ตาเหลือง , ทารกไม่รับอันตรายจากการที่บิลิรูบินในเลือดสูง
เกณฑ์การประเมิน
ค่าบิลิรูบินในเลือดลดลงเป็นปกติ
ผิวหนัง ตาไม่เหลือง ผิวหนังชุ่มชื้นเป็นปกติ สัญญาณชีพปกติ
ไม่มีอาการแสดงของ kernicterus ไม่ซึม ไม่ชัก ดูดนมได้ตามปกติ
ข้อมูลสนับสนุน
OD: ทารกแรกเกิดมีนัยน์ตา สีผิวบริเวณใบหน้าและหน้าอกมีสีเหลือง
พยาบาล
จัดให้ทารกดูดนมแม่โดยเร็วดูดบ่อยและดูดอย่างถูกวิธีเพื่อเป็นการขับบิลิรูบินออกจากลำไส้
แนะนําไม่ให้ทารกดูดน้ำเปล่าหรือกลูโคสเพราะจะทำให้ดูดนมแม่น้อยลงและไม่ช่วยให้ระดับบิลิรูบินลดลง
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินความก้าวหน้าของการรักษาการพยาบาล
ประเมินอาการตัวเหลืองของทารกเพื่อประเมินความรุนแรงและเพื่อหาสาเหตุของอาการตัวเหลือง
มีภาวะหัวนมแตกเนื่องจากขาดความรู้และประสบการณ์ในการให้นมบุตร
เป้าหมาย: ภาวะหัวนมแตกลดลง
เกณฑ์การประเมินผล:
ระดับคะแนนความปวดลดลง
3 . ลูกดูดนมได้ถูก
หัวนมไม่แตกเพิ่มขึ้นจากเดิม
ข้อมูลสนับสนุน SD: -
OD:มีตุ่มน้ำบริเวณหัวนมข้างขวา มีรอยแตกและมีเลือดซึมๆ
การพยาบาล
อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้หัวนมแตก คือ การอุ้มลูกดูดนมไม่ถูกวิธีลูกอมหัวนมไม่ลึกถึงลานนม
2.แนะนําให้บีบน้ำนมทาบริเวณหัวนมที่แตกแล้วปล่อยให้แห้งเองแล้วค่อยใส่ยกทรงเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น 3. ช่วยให้อุ้มลูกได้ถนัดก่อนให้ลูกดูดนมแม่เพราะการดูดนมแต่ละครั้งในระยะที่มีหัวนมแตกแม่จะเจ็บมาก
ช่วยให้อุ้มลูกได้ถนัดก่อนให้ลูกดูดนมแม่เพราะการดูดนมแต่ละครั้งในระยะที่มีหัวนมแตกแม่จะเจ็บมากถ้าแม่อุ้มได้ถนัดและสบายจะทำให้สร้างความมั่นใจ
สอนและช่วยจัดท่าอุ้มให้ลูกดูดนมแม่โดยการสอนท่าฟุตบอลเพื่อทําให้ลูกอมหัวนมได้ลึกขึ้นให้ลูกดูดนมข้างที่ไม่เป็นแผลการที่ลูกดูดนมแรงในระยะแรกจะทำให้ Oxytocin reflex ทํางานได้ดี
น้ำนมก็จะไหลดีขึ้นเมื่อย้ายลูกมาดูดข้างที่เป็นแผลนานมก็จะไหลสะดวกมารดาหลังคลอดจะเจ็บน้อยลง
ช่วยให้ลูกอ้าปากกว้างที่สุดเคลื่อนศีรษะลูกเข้าหาเต้านมโดยเร็วเพื่อจะได้งับลานหัวนมลึกพอเคลื่อนไหวมือทั้ง 2 ข้างที่จับเต้านมและมือที่ประคองบริเวณท้ายทอยลูกจนกว่าลูกจะดูดติดจึงปล่อยมือได้
เพื่อให้แม่ให้นมลูกได้ถูกวิธี
แนะนำให้บีบน้ำนมออกก่อนให้ลานนมนิ่มเพื่อให้ลูกอมหัวนมได้ลึกถึงลานหัวนมหลีกเลี่ยงการดูดถูกหัวนมที่แตกไม่ควรใช้ครีมทาแผลที่หัวนมเพราะอาจทำให้แผลเป็น
แนะนำวิธีการถอนหัวนมจากปากอย่างถูกวิธี คือ ให้สอดนิ้วก้อยลงไปที่มุมปากลูกเพื่อให้อากาศเข้าไปช่วยคลายผนึกที่ลูกดูดติดอยู่กับหัวนมทำให้มารดาหลังคลอดไม่เจ็บหัวนมและหัวนมไม่แตกเพิ่มขึ้น
ให้ญาติและสามีเข้ามามีส่วนร่วมในการให้นมบุตร เช่น การบีบน้ำนมทาบริเวณที่หัวนมแตก
จากข้อมูลแรกรับท่ีตึกหลังคลอดสัญญาณชีพของมารดารายนี้เป็นอย่างไรจงอธิบายและควรให้การพยาบาลอย่างไร
BP 120/88 mmHg ปกติ (120-139/80-88 mmHg)อาจพบภาวะ orthostatic hypotension ภายใน 48 ชั่วโมงแรก หลังคลอด : แนะนำมารดาค่อยๆ ลุกนั่งค่อยๆลุกยืน
PR 100 bpm. (50-60bpm.) เกิดจาก อาจเกิดจากเสียเลือดมากขาดน้ำ เหนื่อยล้า วิตกกังวล หรือเจ็บปวด
RR 18 bpm. ปกติ (12-20 bpm.)
BT 38° ปกติ : ในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดอุณหภูมิอาจสูงถึง 38°C เรียกว่า Reactionary fever เกิด จากการสูญเสียน้ําและการออกแรงเบ่งมากระหว่างการคลอด และ ประมาณวันที่ 3 หรือ 4 หลังคลอดอาจมีอุณหภูมิร่างกาย สูงขึ้นได้อีกจากอาการคัดตึงเต้านม เรียกว่า milk fever ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่เป็นปกติ โดยเชื่อว่าเกิดจาก vascular และ " lymphatic engorgement ซึ่งไข้มักเป็นไม่นานเกิน 24 ชั่วโมง
Pain score 7 คะแนน (ปวดมากที่สุด)
จงอธิบายหลักการประเมินแผลฝีเย็บด้วย REEDA scale
ว่าประเมินอะไรบ้างและแปลผลอย่างไร
Redness : R ดูว่าแผลมีลักษณะสีชมพูแดงอักเสบ หรือแผลชีดขาวหรือไม่
Edema : E ดูว่าแผลบวมหรือไม่เป็นการบวมลักษณะบวมใส ซึ่งเกิดจากยาชาที่ฉีดให้กับมารดาก่อนการเย็บแผลหรือบวมช้า เป็นสีม่วงกดเจ็บซึ่งแสดงถึงการบวมจากการบาดเจ็บและมีเลือดออกบริเวณแผลฝีเย็บ
Ecchymosis : E ดูว่าแผลมีลักษณะหรือมีจําเลือดหรือไม่ซึ่งแสดงว่าอาจมีเลือดออกใต้นผิวหนังหรือใต้แผลฝีเย็บ
Discharge or Drainage: D ดูว่าแผลแห้งหรือมีสารคัดหลั่งเช่นน้ำเหลืองเลือด หรือ หนองไหลซึมออกมาจากแผลหรือไม่
Approximation : A ดูว่าขอบแผลเรียบชิดหันหรือไม่ดูว่าแผลแยกลึกถึงกันแผลหรือไม่
ภายหลังคลอด 45 นาที พยาบาลนําทารกแรกเกิดไปดูดนมมารดานักศึกษาคิดว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
เหมาะสมเนื่องจาก หลังคลอดเป็นการกระตุ้นการดูดนมของทารกคุณแม่ต้องให้นมบ่อย ๆ อย่างน้อย 8-12 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมงและยิ่งบ่อยยิ่งดี ทั้งนี้เพื่อที่จะให้ทารกได้"น้ำนมเหลือง"เต็มที่ ช่วยกระตุ้นการผลิเน้ำนมให้มากขึ้นและช่วยป้องกันปัญหาเต้านมคัดอักเสบด้วยและยังช่วยให้มดลูกมีการหดรัดตัวได้ดีขึ้นเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
มารดาปวดแผลฝีเย็บ Pain score = 7 คะแนน
ควรให้การพยาบาลอย่างไร
ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาอาการปวด เพื่อช่วยลดอาการปวดแผลฝีเย็บ
แนะนำให้มารดาลดแรงกดที่ฝีเย็บ โดยท่านั่งควรนั่งลงแก้มก้นด้านใดด้านหนึ่งหรือนั่งพับเพียบ
ไม่ควรนั่งทับแผลฝีเย็บโดยตรงมารดาหลังคลอดควรหาห่วงยางเล็กๆ หรือหมอนโดนัทรองนั่งเพื่อไม่ให้แผลฝีเย็บถูกกดทับให้การไหลเวียนเลือดปกติ ส่งเสริมการหายของแผลและหลีกเลี่ยงท่านั่งที่ทำให้ขาหนีบแยกออกจากกัน เช่น ท่านั่งขัดสมาธิเพราะจะทำให้แผลลงงเกิดการเจ็บปวดเพิ่ม
ประคบเย็นให้แก่มารดาใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดโดยเฉพาะหลังเย็บแผลฝีเย็บเสร็จความเย็น 10-14 องศาเซลเซียส
โดยประคบนาน 15 นาทีและประคบทุก 15 นาที การประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวม ลดความเจ็บปวดของแผลฝีเย็บ
เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือดบริเวณที่ประคบเกิดการหดรัดตัวและยังช่วยลดการนำกระแสประสาท ลดการถูกกระตุ้นของประสาทจึงทำให้ความเจ็บปวดลดลง
4.ใช้โคมไฟแสงอินฟาเรดส่องที่แผลฝีเย็บโดยตรงระยะห่าง 1 ฟุตครึ่ง อบนาน 15 นาทีหรือทำการนั่งแช่น้ำอุ่น (hot seat bath) ควรทำหลังคลอด 3 วันเป็นต้นไปโดยนั่งแช่น้ำอุ่นวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ 10-20 นาทีเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดี
แนะนำให้ทำ kegel exercise โดยการขมิบช่องคลอดพยายามขมิบค้างไว้นานที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วคลายหลังจากนั้นให้เพิ่มระยะเวลาให้ขมิบนานขึ้นสามารถขมิบได้นาน 8 ถึง 10 วินาทีต่อครั้ง โดยให้ขมิบ 8 ถึง 12 ครั้งต่อ 1 ชุด
และปฏิบัติให้ได้ 3 ชุดต่อวันเพื่อช่วยส่งเสริมการหายของแผลและช่วยให้กล้ามเนื้อรอบช่องคลอดและฝีเย็บหดรัดตัวดี
พยาบาลจะเตรียมมารดารายนี้อย่างไร เพื่อให้ทารกแรกเกิดได้รับน้ํานมมารดา
•Retracted nipple หมายถึงหัวนมมีการดึงรั้ง ทดสอบโดยใช้นิวชี้และนิ้วกัวแม่มือจับบริเวณหัวนมแล้วดึงขึ้น (nipple pulling) หากจับ ไม่ติดหรือดึงไม่ขึ้นแสดงว่าหัวนมมีการดึงรั้งการตรวจความผิดปกติของหัวนม แบ่งเป็น หัวนมบอดหรือบุ๋ม หมายถึง หัวนมที่มีความยาวน้อยกว่า 1.0มิลลิเมตร หรือบุ๋มลึกลง ไปจากลานหัวนม
• pseudo-inverted nipple หมายถึง หัวนมที่ยื่นออกมาในสภาวะปกติแต่เมื่อทดสอบ โดยบีบบริเวณขอบนอกของลานหัวนมเข้าหากันด้วยนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือ (pinch test) พบว่าหัวนม บุ๋มลึกลงจากลานหัวนมคล้ายปล่องภูเขาไฟ
ลานห้วนมมีความยืดหยุ่นดี หมายถึง สามารถใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือจับบริเวณลานหัวนมติดและสามารถดึงลานหัวนมขึ้นมาได้
การแปลผล : หัวนมสั้นหมายถึง ความยาวหัวนมสั้นกว่า 7.0มิลลิเมตรโดยแบ่งความรุนแรง ออกเป็น 2 ระดับ
1.หัวนมสั้นไม่มาก หมายถึง ความยาวมากกว่าหรือเท่ากับ4.0มิลลิเมตร แต่น้อยกว่า 7.0 มิลลิเมตร
2.หัวนมสั้นมาก หมายถึง ความยาวน้อยกว่า 4.0 มิลลิเมตรแต่มากกว่า 1.0 มิลลิเมตร )
มารดาบอกว่า "เมื่อทารกดูดนมข้างซ้ายจะมีน้ำนมไหลจากเต้านมข้างขวาด้วย
และมีอาการปวดมดลูกขณะลูกดูดนม" ควรให้คําแนะนําและการพยาบาลแก่มารดารายนี้อย่างไร
เมื่อทารกดูดนมจะเกิดการกระตุ้น OXYTOCIN ทำให้มดลูกมีการหดร้ดตัวและเส้นเลือดมีการหดรดตัวทำให้เวลาทารกดูดนมมารดาจะปวดมดลูก
การพยาบาล
อธิบายให้มารดาทราบว่าเป็นปฏิกิริยาปกติที่เกิดขึ้นได้ปกติ
แนะนำให้มารดาให้ทารกดูดนมบ่อยๆทุก 2-3 ชม. เพื่อกระตุ้นให้นมไหลเพิ่มขึ้น
แนะนำวิธีการดูดนมอย่างถูกวิธีแก่มารดามี 4วิธีคือ ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี ดูดเกลี้ยงเต้า
แนะนำให้มารดาทานน้ำเยอะ ๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยในการสร้างน้ำนม
เช่น แกงเลียง แกงจืด ก๋วยเตี๋ยว
ขณะที่มารดาแจ้งว่าไม่อยากให้ลูกดูดนมสีเหลือง พยาบาลจะให้คําแนะนํามารดารายนี้อย่างไร
แนะนำและอธิบายถึงประโยชน์ของการให้ทารกได้ดูดนมเร็วเนื่องจากน้ำนมสีเหลือง (COLOSTRUM)
เป็นน้ำนมที่มีประโยชน์เปรียบเสมือนวัคซีนชั้นดีที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายลูกให้แข็งแรงในน้ำนมเหลืองมีภูมิคุ้มกันโรคต่างอยู่มากที่สําคัญคือแกมมาโกลบูลิน-จีซึ่งทําหน้าที่ระงับการขยายตัวของเชื้อโรคทั้งยังมีโปรตีนซึ่งมีธาตุเหล็กที่เรียกว่าทรานสเฟอร์รินซึ่งช่วยนําธาตุเหล็กไปใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง
จากข้อมูลที่ตึกหลังคลอด พยาบาลคลําพบลอนนิ่มบริเวณระดับสะดือ
ภายหลังคลอดมารดายังไม่ถ่ายปัสสาวะ ถือเป็นภาวะปกติหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย
เป็นภาวะผิดปกติที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น มดลูกหดรัดตัวได้ไม่ดีทำให้ตกเลือดหลังคลอดหรือเกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
มารดารายนี้เกิดกลไกการสร้างและหลังน้ำนมหรือยังจงอธิบาย
มีการสร้างกลไกและการหลั่งน้ำนมแล้วโดยมีการเกิดทารกมีการดูดนมมารดาเมื่อทารกดูดที่หัวนมปลายประสาทรับความรู้สึกไปยัง hypothalamus กระตุ้นให้ Pituitary gland หลัง Hormone Prolactin ซึ่งเรียกว่าปฏิกิริยาสะท้อนในการสร้างน้ำนม (Prolactin reflex) และเมื่อทารกดูดนมข้างซ้าย จะมีน้ำนมไหลจากเต้านมข้างขวา
ซึ่งเกิดจากกลไกการหลั่งของน้ำนม let down reflex โดยเมื่อทารกดูดจะมีการกระตุ้นให้ Posterior pituitary gland หลั่งhormone Oxytocin ออกมา ทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่บุผนังของต่อมผลิตน้ำนมและท่อน้ำนมทำให้น้ำนมพุ่งออกมา
น้ํานมในระยะ 2 วันหลังคลอดอยู่ในระยะใด มีส่วนประกอบใดบ้าง
ระยะแรกเกิด ส่วนประกอบ โปรตีน ,สารระบบภูมิคุ้มกัน, เกลือแร่ วิตามินโดยเฉพาะวิตามิน A , วิตามิน K และสารช่วยในการเจริญเติบโตมีปริมาณไขมันและน้ำตาลต่ำกว่านมระยะหลัง ปริมาณ โปรตีนที่สูงส่วนใหญ่เป็นสาร immunoglobulin โดยเฉพาะ secretary IgA
มารดามีแผลฝีเย็บบวมเล็กน้อยREEDA scale = 2 คะแนน ปกติหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย และควรให้การพยาบาลอย่างไร
ประคบเย็นให้แก่มารดาใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
โดยเฉพาะหลังเย็บแผลฝีเย็บเสร็จที่ความเย็น 10-14 องศาเซลเซียสโดยประคบนาน 15 นาทีและประคบทุก 15 นาทีการประคบเย็นเพื่อจะช่วยลดอาการบวม
พยาบาลจะใช้หลักการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยแม่เพื่อให้เกิดความสําเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เเก่มารดารายนี้อย่างไร
ชี้ให้มารดาเห็นพฤติกรรมที่ดีของทารก เช่น การตื่นตัว การพยายามค้นหาเต้านมของทารก หากวางทารกบนหน้าท้องหรือบนหน้าอกมารดา ทารกจะคลานเข้าหาเต้านมด้วยตนเอง ( breast crawl) และช่วยให้มารดาได้เรียนรู้สื่อสัญญาณที่แสดงว่าทารกหิว (feeding cues) เพื่อที่มารดาสามารถให้นมแก่ทารกได้ตามความต้องการของทารก
4.ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับมารดา โดยให้กำลังใจและชมเชย
เมื่อมารดาทำได้ถูกต้อง
3.ช่วยมารดาในการเลือกท่าในการให้นมที่สะดวกสบาย
จัดเวลาและบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะสมในการนำทารกมาดูดนม
1.ประเมินความพร้อมของมารดาและทารก หลีกเลี่ยงการเร่งรีบนำ
ทารกมาดูดนมหรือการพยายามใส่หัวนมเข้าไปในปากทารกควรให้ทรกดูดนมแม่เมื่อพร้อม และแนะนำมารดาในการให้ทารกอมหัวนม (latch on) ให้ถูกต้องโดยทำอย่างนุ่มนวลไม่รีบเร่ง
จากข้อมูล 2 วันหลังคลอดคลำพบมดลูกกลมแข็งต่ำกว่าระดับสะดือ 1 นิ้ว น้ำคาวปลาเป็นสีแดงจางๆ เป็นภาวะปกติหรือไม่อย่างไรและควรให้การพยาบาลอย่างไร
-เป็นภาวะปกติเนื่องจากระดับยอดมดลูก 1 วันหลังคลอดจะลอยสูงขึ้นไปเหนือสะดือเล็กน้อย จากนั้นจะลดระดับลงวันละ 1 ซม.เป็นภาวะปกติเนื่องจากในระยะแรกภายใน 3 วันหลังคลอดน้ำคาวปลาจะมีสีแดงเรียกว่า lochia rubra
ในวันที่ 3 – 10 หลังคลอดน้ำคาวปลาจะจางลง สีค่อนข้างใสเรียกว่า lochia serosa และหลังวันที่ 10 น้ำคาวปลาจะลดน้อยลงมีสีขาวหรือสีเหลืองขาวเรียกว่า
lochia albaน้ำคาวปลามักจะยังคงมีอยู่ได้นานถึง 4 – 8 สัปดาห์หลังคลอด
การพยาบาล
แนะนำให้มารดาคลึงมดลูกทุก 30 นาทีเพื่อป้องกันการตกเลือกในระยะหลัง
คลอด และแนะนำเรื่องการทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์เช็ดจากหน้าไปหลัง หลังทำความสะอาดควรซับให้แห้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
พยาบาลควรส่งเสริมบทบาทบิดารายนี้อย่างไร
ส่งเสริมการปรับบทบาทการเป็นบิดาโดยการให้ความมั่นใจ และ ชื่นชมที่ให้ความร่วมมือสอนและสาธิตบิดาเกี่ยวกับวิธีการอุ้มบุตร อาบน้ำบุตร การช่วยเหลือภรรยาในการให้นมบุตร
และให้คู่มือหรือสื่อต่าง ๆ ในการนำไปปฏิบัติในกรณีที่กลับบ้าน
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบิดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อเป็นการสร้างสายใย
และความผูกพันระหว่างบิดา มารดาและทารก
การแนะนำการคุมกำเนิดที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำ
ดังนั้นพยาบาลควรให้ข้อมูลกับบิดาและมารดาเกี่ยวกับการงดมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดเป็น
ระยะเวลา6 สัปดาห์และเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวรเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ช้ำ
เมื่อพยาบาลสอนวิธีการอาบน้ำทารกมารดาบอกว่าทำไม่ถูกกลัวลูกจมน้ำ
การปรับตัวด้านจิตสังคมระยะหลังคลอดเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย
และควรให้การพยาบาลอย่างไร
ไม่เหมาะสมเนื่องจากมารดาอยู่ในช่วง 2 วันหลังคลอดซึ่งในช่วงนี้จะอยู่ในระยะ TAKING IN PHASE เป็นระยะที่เริ่มเข้าสู่บทบาทการเป็นมารดาหรือระยะพึ่งพามารดาจะยังมีความไม่สุขสบายจากการปวดแผลฝีเย็บอยู่
แต่มารดาก็ต้องเริ่มเรียนรู้ในการดูแลทารกอาจจะมีการพึ่งพาในบางอย่าง
แต่ก็ต้องพยายามเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเพื่อพัฒนาไปในระยะถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การพยาบาล
ดูแลช่วยเหลือประคับประคองและตอบสนองความต้องการของมารดาหลังคลอดทั้งทางด้านร่างกายและด้านจิตใจเพื่อให้สุขภาพร่างกายและจิตใจกลับมาดีขึ้น
ให้การพยาบาลด้วยท่าทีที่อบอุ่นเห็นอกเห็นใจเพื่อให้มารดาหลังคลอดมีความรู้สึกว่ามีผู้สนใจเอาใจใส่เกิดความอบอุ่นใจ
เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึกและซักถามเกี่ยวกับข้อสงสัยที่มารดามีเพื่อลดความวิตกกังวลในการดูแลทารก
จัดเวลาให้มารดาและทารกได้อยู่ด้วยกันโดยให้มารดาได้ฝึกอุ้มและสัมผัสตัวทารกเพื่อให้มารดาเกิดความผูกพันธ์และลดความวิตกกังวล
ปฏิบัติการพยาบาลด้วยความนุ่มนวลเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่มารดาในการดูแลทารก
มารดามีสีหน้าวิตกกังวลหงุดหงิดง่ายบางครั้งร้องไห้คนเดียวมารดารายนี้มีภาวะใดจงอธิบายและควรให้การพยาบาลอย่างไร
มีภาวะ Postpartum blues หรือ Baby blues เนื่องจากมารดามีอาการในข่วง 2 วันหลังคลอดซึ่งยังไม่ถึง 2 สัปดาห์ จึงไม่จัดว่าเป็น Postpartum depression และ มารดามีสีหน้าวิตกกังวลหงุดหงิดง่ายบางครั้งร้องไห้คนเดียว แต่อาการเหล่านี้จะดีขึ้นเองและหายได้เองตามธรรมชาติ
การพยาบาล
แนะนำแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือในการดูแลตนเองและบุตรเพื่อให้มารดาได้รับการช่วยเหลืออย่างเพียงพอ
จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อให้มารดาที่เคยซึมเศร้าหลังคลอดมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ช่วยดูแลทารกเมื่อมารดายังไม่พร้อมในการดูแลบุตรหรือพบว่ามีอารมณ์เศร้า
เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึก เพื่อให้มารดาได้ระบายความอึดอัด
การประเมินภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เพื่อลดและป้องกันภาวะซึมเศร้าของมารดาหลังคลอดได้อย่างทันการณ์
จงสรุปการประเมินสุขภาพมารดาหลังคลอดด้วยหลักการ 13B
Background ศึกษาถึงภูมิหลังของมารดาสิ่งที่ต้องประเมิน
Body Condition ประเมินภาวะร่างกายทั่วไป
Body Temperature and blood pressure สัญญาณชีพ
Breast and Lactation เต้านมและการหลั่งน้ำนม
Belly and Fundus หน้าท้องและยอดมดลูก
Bladder กระเพาะปัสสาวะ
Bleeding & Lochia เลือดและน้ำคาวปลา
Botton ฝีเย็บและทวารหนัก
Bowel Movement การทํางานของลำไส้ประเมินจากการขับถ่ายอุจจาระใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
Blues ภาวะด้านจิตใจการปรับตัวของมารดา
Baby ทารกมีการประเมินและตรวจร่างกาย
Boning & Attachment ประเมินสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารกและพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงสัมพันธภาพที่ไม่ดี
นักศึกษาคิดว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้มารดารายนี้มีนํ้านมไหลน้อย
การคุมกำเนิดโดยการใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมน
มีปัญหาที่ฮอร์โมนหรือต่อไร้ท่อ
มารดามีภาวะเคลียดและไม่ให้ลูกดูดนม
เนื้อเยื่อสําหรับการผลิตน้ำนมน้อยหรือไม่เพียงพอ
เคยผ่านการผ่าตัดเต้านม
การกินยาหรือสมุนไพรบางอย่าง
ลูกดูดนมลำบากหรือมีปัญหาทางกายวิภาค