Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่2 การพยาบาลในระยะคลอด
ผู้คลอด G1P0A0 อายุ 28 ปี อายุครรภ์ 38…
กรณีศึกษาที่2 การพยาบาลในระยะคลอด
ผู้คลอด G1P0A0 อายุ 28 ปี อายุครรภ์ 38 wks by LMP ญาตินําส่ง รพ. เวลา 01.00 น. ด้วยอาการเจ็บครรภ์ร่วมกับมีมูกเลือดออก ทางช่องคลอด ผลการตรวจครรภ์และตรวจภายใน มีดังนี้
-
- อธิบายหลักการหายใจอย่างมีแบบแผนเพื่อบรรเทาปวดในระยะ Latent ระยะ Active และระยะ Transitional
ระยะ Latent
1) การหายใจช้ำโดยใช้ทรวงอก(Slowchestbrcathing) ใช้ในระยะ latent ตั้งแต่ปากมดลูกเปิดจนถึง
3 เชนติเมตร สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้ไปที่จุดใดจุดหนึ่ง ต่อนาที การผ่อนคลายเต็มที่ นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ร่างกายทุกส่วนผ่อนคลายเต็มที่ ลืมตาเพ่งความสนใจ
- ขณะมดลูกเริ่มหดรัดตัว หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง
- หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ และผ่อนลมออกทางปากช้าๆ หายใจประมาณ 6-9 ครั้ง
- มดลูกคลายตัว หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง ขณะที่มดลูกหดรัดตัว การหายใจจะต้องช้า จังหวะสม่ำเสมอ เงียบและเบา
ระยะ transition
3.) การหายใจแบบตื้นๆ และเป่าออก (Pant-blow breathing) การหายใจวิธีนี้ใช้ ในระยะ transition
คือ ปากมดลูกเปิด 8-10 เชนติเมตร ซึ่งระยะนี้มดลูกหดรัดตัวแรง นาน และถี่มากขึ้น ผู้คลอดบางรายอาจรู้สึกอยากเบ่ง เนื่องจาก ศีรษะทารกเคลื่อนต่าลงมากดกับผนังช่องคลอดและพื้นเชิงกราน ความรู้สึกอยากเบ่งนี้ มักเกิดขึ้นก่อนที่ปากมดลูกเปิดหมด ซึ่งผู้คลอดต้องพยายามไม่เบ่งเพราะอาจทำให้ปากมดลูกบวม ส่งผลให้การคลอดล่าช้า การหายใจแบบนี้คล้ายกับแบบที่ 2 แต่มีการเป่าออกทางปากเหมือนเป่าเทียน ซึ่งการเป่าออก มีจุดประสงค์เพื่อลดแรงดันจากมดลูกและเพื่อไม่ให้เกิดการเบ่ง
วิธีปฏิบัติ
-
- เมื่อมดลูกคลายตัวให้หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง
- หายใจแบบตื้นๆ เร็วๆ 4 ครั้ง แล้วเป่าลมออกทางปาก 1 ครั้ง ลักษณะการ หายใจจะเป็น อา-คี-อา-คี-อา-คี-อา-คี-พู่
- ขณะมดลูกเริ่มหดรัดตัว หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง
- นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ร่างกายทุกส่วนผ่อนคลายเต็มที่ ลืมตา เพ่งความความสนใจไปที่จุดหนึ่ง
ระยะ Active
2) การหายใจตื้น โดยใช้ทรวงอก (Shallow chest breathing )ใช้เมื่อมดลูกมีการ หดรัดตัวแรงขึ้น นานขึ้นและถี่ขึ้น ตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 3 เชนติเมตรขึ้นไปจนถึง 8 เชนติเมตร สามารถปฏิบัติได้ ไปที่จุดใดจุดหนึ่ง
- นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ร่างกายทุกส่วนผ่อนคลายเต็มที่ ลืมตาเพ่งความสนใจ
- ขณะมดลูกเริ่มหดรัดตัว หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง
- เมื่อมดลูกเริ่มคลายตัว ให้กลับมาใช้การหายใจช้าๆ (แบบที่ 1) จนกระทั่งมดลูก คลายตัวให้หายใจเข้าออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง
หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ และผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ (แบบที่ 1) จนกระทั่งมดลูกหดรัดตัวเต็มที่ จึงเปลี่ยนเป็น การหายใจเข้าและออกผ่านทางปากและจมูกตื้นๆ เร็วๆ ขณะ หายใจเข้าให้นึกถึงคำว่า "อา" หายใจออกให้นึกถึงคำว่า "ดี" ลักษณะการหายใจจะเป็น อา-คี-อา-คี-อา-คี....
- การหดตัวของมดลูก (Interval duration intensity) การ Dilatation และ Effacement ของมดลูก ในระยะที่ 1 มีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
เหมาะสม เพราะว่า การสั้นบางและการถ่างขยายของปากมดลูกในครรภ์แรกของหญิงรายนี้ มีการเปิดปากมดลูกและ effacement เป็นไปตามข้อบ่งชี้การถ่างขยายของปากมดลูก (dilatation) กล้ามเนื้อมดลูกส่วนบนมีการหดรัดตัว ดึงให้กล้ามเนื้อมดลูกส่วนล่างถูกดึงรั้งให้ยืดออก ทําให้ส่วนต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงยืดตามออกไปด้วย นอกจากนี้ความดันในถุงน้ำทูนหัวและแรงถ่างดันจากส่วนนาของทารกในครรภ์ ก็มีส่วนช่วยให้ปากมดลูกถ่างขยายออกไปด้วย การที่มดลูกส่วนล่างถูกยืดขยายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน Oxytocin ทำให้มดลูกหดรัดตัวเพิ่มขึ้น มีผลให้ปากมดลูกถ่างขยายและบางมากขึ้นเป็นวงจร เรียกว่า Feruson's reflex การถ่างขยายของปากมดลูกจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งขยายกว้างพอ ส่วนนำของทารกในครรภ์จะสามารถผ่านออกมาได้ เรียกว่ามี fully dilatation คือ ปากมดลูกเปิดกว้างประมาณ 10 เซนติเมตรก็จะสิ้นสุดระยะที่ 1 ของการคลอดการสั้นบางของปากมดลูก (effacement) คือ การหดสั้นเข้าของคอมดลูกเกิดจาก internal os ซึ่งติดต่อกับบริเวณปากมดลูกถูกดึงรั้งขึ้นไปตามการยืดขยายของมดลูกส่วนล่าง ทําให้คอมดลูกมีความบางมากขึ้นตามลำดับ โดยปกติแล้วคอมดลูกมีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ถ้าคอมดลูกสั้นลงเหลือประมาณ 1 เซนติเมตรถือว่ามีความบาง 50% เรียกว่ามี effacement 50% ถ้าตรวจพบว่าคอมดลูกบางเพียง 1-2 มิลลิเมตรถือว่ามี effacement สมบูรณ์คือ 100%
9.หลังคลอดทารก 20 นาที ผู้คลอดบอกว่าปวดท้อง มีเลือดเป็น Blood clot สีแดงคล้ำออกทางช่องคลอด 50 ซีซี และสังเกตเห็นก้อนกลมบริเวณเหนือสะดือเยื้องไปด้านขวาเล็กน้อย นักศึกษาคิดว่า...
9.1ปกติหรือไม่ อย่างไร
ปกติ เพราะเลือดที่ออกมาตลอดการคลอดปกติจะมีเลือดออกไม่ควรเกิน 500 ml. หรือในระยะ 2 ชั่วโมงหลังคลอด ใน 1 ชั่วโมงแรกปกติแล้วไม่เกิน 60 ml. และในชั่วโมงที่สองไม่ควร เกิน 30 ml. หรือหลังคลอด 2 ชั่วโมงไม่ควรเกิน 100 ml.
-
-
- หากผู้คลอดรายนี้ตั้งครรภ์ครั้งที่3ปากมดลูกน่าจะเปิดหมดช่วงเวลาใด
ปากมดลูกของผู้คลอดครรภ์ครั้งที่ 3 ปากมดลูกน่าจะเปิดหมดช่วงเวลา 09.30น. เฉลี่ย 2.5 ชั่วโมงนับจากครรภ์แรก
-
5.ผู้คลอดปากมดลูกเปิด 1 ซม. บาง 75 % ส่วนนําอยู่ระดับ -2
ผู้คลอดบอกว่าตนเองรู้สึกกลัวการเจ็บและกังวลเรื่องการคลอด นักศึกษาจะวางแผนการพยาบาลอย่างไร
ผู้คลอดอยู่ในระยะ Latent (ปากมดลูกเปิด 1-3 ซม.) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคลอด แผนการรักษาต่างๆ และความรู้หรือคำแนะนำต่างๆ แก่ผู้คลอด เช่น วิธีการบรรเทาความปวด การนวดหรือการลูบหน้าท้อง การหายใจเพื่อลดความปวด
โดยนำแนวคิดของ Dick Read ที่เชื่อว่า การเจ็บครรภ์คลอดเกิดจากวงจรของความเจ็บปวด 3 อย่าง คือ ความกลัว ความเครียดและความเจ็บปวด การลดความเจ็บปวดคือการตัดวงจรของความเจ็บปวด โดยการลดความความกลัวโดยอาจจะสร้างความคุ้นเคย ให้ความรู้ คำแนะนำและกำลังใจกับสตรีตั้งครรภ์หรือลดความเครียด โดยการจัดสถานที่สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศให้ผ่อนคลาย อาจใช้เสียงดนตรีที่ผ่อนคลาย กลิ่นน้ำมันหอมระเหยหรือใช้แสงที่พอเหมาะกับการพักผ่อน
- ใช้เทคนิคการหายใจแบบ slow-chest breathing คือ การหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปากช้า ๆ ขณะมดลูกหดรัดตัว (Adams &Bianchi, 2008) การใช้เทคนิคการหายใจร่วมกับการผ่อนคลาย ช่วยลดการใช้ยาบรรเทาปวด มีความปลอดภัยต่อผู้คลอค ทำให้ผู้คลอดมีสุขภาพที่ดีและทำให้การรับรู้ความเจ็บปวดลดลง (Lothian, 20 11 ) ซึ่งการรับรู้ความเจ็บปวดลดลงอาจส่งผลให้ลดความกลัวการคลอดบุตรได้
- ขณะมดลูกเริ่มหดรัดตัว หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้งต่อนาที
- หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ และผ่อนลมออกทางปากช้าๆ หายใจประมาณ 6-9 ครั้งต่อนาที
- มดลูกคลายตัว หายใจเข้าและออกยาวๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง ขณะ ที่มดลูกหดรัดตัว การหายใจจะต้องช้า จังหวะสม่ำเสมอ เงียบและเบา มีการผ่อน คลายเต็มที่ และการลดความเจ็บปวดอย่างอื่น เช่น การลูบหน้าท้อง การสัมผัสและการนวด
- นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ร่างกายทุกส่วนผ่อนคลายเต็มที่ ลืมตาเพ่งความ สนใจไปที่จุดใดจุดหนึ่ง
- การให้ผู้คลอดได้รับประทานอาหารและน้ำ การให้เดิน (Kashanian etal, 2010) กระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนท่าทางที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระยะของการคลอด เช่น ท่านอน ตะแคงช้ายกึ่งคว่ำ ช่วยป้องกันการกดทับกระดูก (Adams & Bianchi, 2008 ) ท่าลำตัวตั้งขึ้น ช่วยให้ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ของการคลอดสั้นลง มีความเจ็บปวดระดับรุนแรงลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับท่านอนหงายชันเข่าหรือท่านอนขึ้นขาหยั่ง (Priddis, Dahlen, &Schmied, 2012 )การส่งเสริมการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงท่าทางส่งผลให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการคลอดและประสบการณ์ในการคลอดทางด้านบวก
-
- จงอธิบายหลักการป้องกันการตกเลือดหลังคลอดในระยะที่ 3 ของการคลอด
-
- จากการตรวจภายในท่านจะทราบได้อย่างไรว่ามีกลไกFlexionและกลไกInternal rotation of
head เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
กลไก Flexion
การก้มของศีรษะทารกในขณะเคลื่อนผ่านลงมาในช่องทางคลอด การก้มของศีรษะจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนคางจรดหน้าอก เรียกว่ มีการก้มเต็มที่ หรือ complete flexion ทําให้ occiput มาเป็นจุดนํา ในการคลอด ขณะคลอด occiput จะคลอดออกมาก่อน แล้วศีรษะคลอดออกมาโด เส้นผ่าศูนย์กลาง SOB ซึ่งเป็นเส้นที่สั้นที่สุดของศีรษะทารก
การตรวจสอบกลไก Flexion
- ตรวจทางหน้าท้องโดยหา cephalic prominence ถ้า sinciput prominence ชัดเจนและอยู่สูงกว่าระดับ occiput มากก็แสดงว่ามี Flexion มาก
- ตรวจทางช่องคลอดคลําหาตําแหน่งของ fontanelle โดยเฉพาะ small fontanelle ถ้า small fontanelle ยิ่ง ต่ำมากเท่าไรแสดงว่าทารกมี Flexion มากเท่านั้น
-
-
-
- ขณะคลอดศีรษะทารกในกลไกการ Extension ทารกที่ก้มเต็มที่จะเอาเส้นผ่านศูนย์กลางใดออกมาทางช่องคลอดตามลําดับ
Sub occipito - bragematic diameter(SOB) วัดจากใต้ occipital protuberance ไปยัง กึ่งกลาง anterior frontanelles เป็นเส้นผ่าศูนย์กลางหน้า-หลัง ที่คลอดผ่านช่องคลอดออกมา เมื่อทารกก้มศีรษะคางชิดอก
Sub occipito - frontal diameter (SOF) วัดจากใต้ occipital protuberance ไปยังจุดกึ่งกลางของ sinciput เป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง-หน้าหลัง ที่คลอดผ่านช่องคลอด ออกมาเมื่อทารกก้มศีรษะไม่เต็มที่
occipito - frontal diameter (OF) วัดจากบริเวณ occipital protuberance ไปยังจุดนูนสุดบนกระดูกหน้าผาก เป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง-หน้าหลัง ที่คลอดผ่านช่องคลอดออกมา เมื่อทารกเงย เล็กน้อย
occipito - mentum diameter (OM) วัดจากบริเวณคางไปยัง occipital protuberance เป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง-หน้าหลังที่คลอดผ่านช่องคลอดออกมา เมื่อทารกแหงนปานกลาง
Sub mento - bregmatic diameter (SMB) วัดบริเวณใต้คางไปยังขม่อมหน้า เป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง-หน้าหลัง ที่คลอดผ่านช่องคลอดออกมา เมื่อทารกแหงนเต็มที่