Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 4 การดูแลทารกแรกเกิด - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่ 4
การดูแลทารกแรกเกิด
Assessment
การประเมิน Apgar score
ในนาทีแรกร้องเสียงดัง ทารกหายใจสม่ำเสมอ ปลายมือ ปลายเท้าเขียวเล็กน้อย เคลื่อนไหวร่างกายได้ดี
A (Appearance)= 1 คะแนน
P(Pulse) = (ไม่ได้ระบุไว้)
G(Grimace) = 2 คะแนน
A(Activity) = 2 คะแนน
R(Respiration)= 2 คะแนน
รวมได้ 7 คะแนน
แปลผล :
อยู่ในช่วง 5-7 คะแนน (mid asphyxia)คือทารกมีการขาดออกซิเจนอย่างอ่อนเกิดขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาสั้นก่อนคลอดหรือถูกกดจากยาที่มารดา ได้รับก่อนคลอดเพียงเล็กน้อยทารกจะมีอาการเขียวทั้งตัวหรือเขียวบางส่วน
แนวทางในการช่วยเหลือ :
การช่วยเหลืออาจกระตุ้นการหายใจด้วยการใช้มือตีหรือดีดฝ่าเท้าทารก หรือใช้ผ้าถูหน้าอกบริเวณ Sternum หรือหลังให้ออกซิเจนผ่าน mask ที่ถือเหนือหน้าทารก อัตรา การไหลของออกซิเจน 4 ลิตร / นาที ถ้ามารดาได้ยาแก้ปวดกลุ่ม narcotic และทารกมีอาการ หายใจถูกกด ตัวแดงไม่ active หายใจไม่สม่ำเสมอควรใน noloxzone (narcan) เพื่อแก้ฤทธิ์
ในนาทีที่ 5 หลังจากกระตุ้นผิวหนังแดงดี เคลื่อนไหว ร่างกายได้ดี ลักษณะการหายใจ เบา เร็ว สม่ำเสมอ
A (Appearance) = 2 คะแนน
P (Pulse)= 2 คะแนน
G (Grimace)= 2 คะแนน
A (Activity)= 2 คะแนน
R (Respiration) = 2 คะแนน
รวมได้ 10 คะแนน
แปลผล :
8-10 คะแนน (No asphyxia) ทารกในกลุ่มนี้ถือว่าปกติไม่ต้องให้การช่วยเหลือพิเศษ ใดๆ นอกจากสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งและให้ความอบอุ่นแก่ทารกก็เพียงพอ
การประเมิน Ballard score
ผิวหนังทารกเห็นเส้นเลือดเล็กน้อย มีขนอ่อนหลัง และ ไหล่เล็กน้อย มีลายฝ่าเท้าประมาณ 2/3 จากปลายเท้า หัวนมมีขนาด 3-4 มล. ใบหูคืนกลับพอใช้เมื่อพับใบหู พบติ่งเนื้อเล็ก ๆ บริเวณหูของทารก มีจุดสีขาวๆ บริเวณจมูก ด้านซ้าย แคมใหญ่มีขนาดเท่ากับแคมเล็ก แขน ขาของทารกแบะออก แขนงอเล็กน้อย วัดมุมข้อมือได้ 45 องศา เมื่อนำส้นเท้าของทารกจดที่ใบหูพบว่า ยกได้ถึงใบหน้า เข่างอเล็กน้อย
Neuromuscular Maturity
รวมคะแนน = 10 คะแนน
Posture แขน ขาของทารกแบะออก แขนงอเล็กน้อย = 3 คะแน
Square window วัดมุมข้อมือได้ 45 องศา= 2 คะแนน
Arm recoil แขนงอเล็กน้อย(ไม่มีข้อมูลมุมที่ข้อพับแขนด้านหน้า) = 1 คะแน
Popliteal angle เข่างอเล็กน้อย(ไม่มีข้อมูลมุมที่ข้อพับใต้เข่า) = 4 คะแนน
Scarf sign (ไม่มีข้อมูลการดึงแขนไปที่ไหล่ตรงข้าม) = คะแนน
Heel to ear เมื่อนำส้นเท้าของทารกจดที่ใบหูพบว่า ยกได้ถึงใบหน้า = 0 คะแนน
Physical Maturity
รวมคะแนน = 14 คะแนน
ผิวหนัง(skin)เห็นเส้นเลือดเล็กน้อย= 1 คะแนน
ขนอ่อน(Lanugo) มีที่หลังและไหล่เล็กน้อย= 3 คะแนน
ลายฝ่าเท้า(Plantar surface) พบ2/3 ของปลายเท้า= 3 คะแนน
เต้านม(Breast) มีหัวขมขนาด 3-4 มิลลิเมตร= 3 คะแนน
หู(eye/ear) ใบหูคืนกลับพอใช้ เมื่อพับใบหู= 2 คะแนน
อวัยวะเพศ (female)แคมใหญ่มีขนาดเท่ากับแคมเล็ก = 2 คะแนน
ดังนั้น
Physical maturity ได้ 14 คะแนน บวกกับ Neuromuscular Maturity ได้ 10 คะแนน
รวมทั้งหมด = 24 คะแนน คิดเป็นอายุครรภ์ 34 สัปดาห์
การตรวจร่างกายทารกแรกเกิด
การวัดสัญญาณชีพ
BT 37.2 องศาเซลเซียส
HR 144/min
RR 62/min
อุณหภูมิร่างกาย 37.2 C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่วัดทางทวารหนักซึ่งถือว่าปกติ (ค่าปกติ 36.5-37.4 °C)
อัตราการเต้นของหัวใจ 144 ครั้ง / นาทีอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ค่าปกติ 120-160bpm)
อัตราการหายใจ 62 ครั้ง / นาทีซึ่งถือว่าเร็วผิดปกติ (ค่าปกติ 40-60 ครั้ง / นาที)
วัดศีรษะทารกได้ 33 cm. วัดรอบอกได้ 32 cm. วัดความยาวได้ 50 cm.
ขนาดศีรษะและขนาดหน้าอกมีขนาดเล็กกว่าปกติ เนื่องจากปกติขนาดศีรษะจะเท่ากับ 30.5(+/-2) ชม. และเส้นรอบศีรษะจะกว้างกว่าเส้นรอบวงอกที่วัดระดับราวนม2-3 cm ดังนั้นรอบอกควรยาว 30-31 cm ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปกติ.
ความยาวของทารก 50 ชม. ซึ่งปกติเนื่องจากปกติจะมีความยาวระหว่าง 45-52 ชม
ผิวหนังทารกเห็นเส้นเลือดเล็กน้อย มีขนอ่อนหลัง และ ไหล่เล็กน้อย มีลายฝ่าเท้าประมาณ 2/3 จากปลายเท้า หัวนมมีขนาด 3-4 มล. ใบหูคืนกลับพอใช้เมื่อพับใบหู พบติ่งเนื้อเล็ก ๆ บริเวณหูของทารก มีจุดสีขาวๆ บริเวณจมูกด้านซ้าย แคมใหญ่มีขนาดเท่ากับแคมเล็ก แขน ขาของทารกแบะออก แขนงอเล็กน้อย วัดมุมข้อมือได้ 45 องศา เมื่อนำส้นเท้าของทารกจดที่ใบหูพบว่า ยกได้ ถึงใบหน้า เข่างอเล็กน้อย
การตรวจผิวหนัง
ปกติ ผิวหนังทารกเห็นเส้นเลือดเล็กน้อย มีขนอ่อนหลังและ ไหล่เล็กน้อย มีลายฝ่าเท้าประมาณ 2/3 จากปลายเท้า
การตรวจหู
ปกติ ใบหูคืนกลับพอใช้เมื่อพับใบหู
ผิดปกติ พบติ่งเนื้อเล็ก ๆ บริเวณหูของทารก
การตรวจจมูก
ปกติ มีจุดสีขาวๆ บริเวณจมูก ด้านซ้าย
การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์
ปกติ แคมใหญ่มีขนาดเท่ากับแคมเล็ก
การตรวจกล้ามเนื้อกระดูก
ปกติ แขน ขาของทารกแบะออก แขนงอเล็กน้อย วัดมุมข้อมือได้ 45 องศา เมื่อนำส้นเท้าของทารกจดที่ใบหูพบว่า ยกได้ ถึงใบหน้า เข่างอเล็กน้อย
การซักประวัติ
มารดาตั้งครรภ์แรก G1P0A0
G1 : Gravida จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ ครั้งที่ 1
P0 : Premature การคลอดก่อนกำหนดครรภ์อายุครรภ์ระหว่าง 28
A0 : Abortion การสิ้นสุดการตั้งครรภ์หรือแท้งก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์และทารกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่มีประวัติการแท้ง
อายุ16 ปี
มารดาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งปกติสตรีวัยเจริญพันธุ์จะอยู่ที่ช่วงอายุ 20-34 ปี
ธนวัฒน์ รุ่งศิริวัฒนกิจ (2561) ได้ศึกษาถึงการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นจังหวัดเพชรบุรี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองของ หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นจังหวัดเพชรบุรี
พบว่าความรู้ในการปฏิบัติตนขณะตั้งครรภ์ การรับรู้ต่อภาวะสุขภาพตนเองขณะตั้งครรภ์ การรับรู้ต่อความสามารถตนเองในการดูแลสุขภาพขณะตั้งครรภ์ การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากบุคคลในครอบครัวมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองอย่างมีนัยสําคัญ
Getachew Mullu Kassa, Arowojolu, Odukogbe , and Alemayehu Worku Yalew (2019). ได้ศึกษาถึง Adverse neonatal outcomes of adolescent pregnancy in Northwest Ethiopia
ได้ทำการศึกษานี้เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ของ
ทารกแรกเกิดของการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นในเอธิโอเปียตะวันตกเฉียงเหนือ
จากการวิจัย พบว่าสตรีวัยรุ่นมีโอกาสน้อยที่จะได้รับบริการ ANC ทารกที่เกิดจากสตรีวัยรุ่นมีโอกาสเกิดผลเสียต่อทารกแรกเกิด เช่น LBW และการคลอดก่อนกำหนดมากกว่าทารกที่เกิดจากสตรีวัยผู้ใหญ่ ขอแนะนำให้ใช้โปรแกรมการแทรกแซงตามชุมชนและสถานพยาบาลที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และลดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ของทารกแรกเกิดในวัยรุ่นหญิง
ไม่ได้ฝากครรภ์
การฝากครรภ์มีความสำคัญของภาวะสุขภาพทั้งของมารดาและทารก โดยกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยมีนโยบายให้มีการฝากครรภ์ในสตรีตั้งครรภ์ทุกราย แนะนำครั้งแรกก่อนอายุครรภ์ 12 week อย่างน้อย 5 ครั้ง เพื่อจะได้รับการคัดกรอง การประเมิน การจัดการภาวะแทรกซ้อน เตรียมร่างกาย และการวางแผนครอบครัวในกรณศึกษารายนี้ไม่ได้มีการฝากครรภ์จึงอาจจะขาดการประเมิน การตรวจในประเด็นต่างๆ
คลอด Normal labor
อายุครรภ์ครบกำหนด คืออายุครรภ์ตั้งแต่ 37 สัปดาห์ ขึ้นไปจนถึง 42 สัปดาห์
2.ทารกมียอดศีรษะเป็นส่วนนำ Vertex presentation
3.ขบวนการคลอดทั้งหมดเป็นไปตามธรรมชาติ
4.ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเจ็บครรภ์จริงจนกระทั่งคลอดรวมกันไม่เกิน 24 ชั่วโมง
5.ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ เกิดขึ้นในระยะคลอด เช่น การตกเลือดในระยะคลอด รกค้าง และมดลูกปลิ้น เป็นต้น
การตรวจระบบ Refex
เมื่อใช้มือตบบริเวณเบาะนอนของทารกทารกมีท่าทาง
ผวาลักษณะการหายใจ เบา เร็ว สม่ำเสมอ
เป็นภาวะปกติ เนื่องจากการตบเบาะของพยาบาลเป็นการทดสอบMoro Reflex หรือการประเมินระบบประสาทของทารก
ผิดปกติ ไม่พบMoro reflex ในทารกแรกเกิดหรือพบมากกว่า 6 เดือน ต้องนึกถึงภาวะสมองได้รับอันตราย การกางของแขนขาไม่เท่ากันทั้งสองข้างอาจเนื่องจาก Brachial plexus ถูกกด กระดูกไหปลาร้าหรือกระดูกต้นแขนหัก
ปกติ ทารกตอบสนองทันทีแบบสะดุ้ง โดยยกแขนและขา แบมือ และกางแขนออก แล้วโอบเข้าหากัน ทารกอาจร้องไห้ โดย Moro reflex จะพบบ่อยในระยะ 2 เดือนแรก และจะค่อยๆ หายไปเมื่อทารกอายุ 3-4 เดือน และอาการผวาพบได้จนอายุ 6 เดือน
การพยาบาลทารกแรกเกิด
การพยาบาลป้องกันภาวะHypothermia
ก่อนคลอดทารก พยาบาลได้ปิดแอร์ในห้องคลอด
เพื่อป้องกันภาวะ Hypothermia ในทารกจากการสูญเสียความร้อนแบบ Convection
การที่พยาบาลรีบเช็ดตัวทารก นำผ้าเปียกออกจากตัวทารกเพราะจะทำให้ทารกสูญเสียความร้อนด้วยการสัมผัส เนื่องจากผ้าเปียกอุณหภูมิจะต่ำทำให้ทารกเสียงความร้อนจากการสัมผัสได้ แบบ Conduction พยาบาลจึงนำผ้าเปียกออก
ใช้มือลูบหลัง และดีดเท้าทารกเป็นบางครั้ง
เป็นขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อช่วยฟื้นคืนชีพทารก ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ทารกหายใจ เนื่องจากทารกบางรายไม่สามารถหายใจได้เอง จำเป็นต้องกระตุ้นด้วยการตี หรือดีดฝ่าเท้าหรือลูบบริเวณแผ่นหลัง
(back rubbing)
พยาบาลเช็ดตาด้วยสำลีชุบ 0.9% NSS และป้ายตาด้วยยาลักษณะเป็นขี้ผึ้ง บริเวณตาทั้งสองข้าง
เนื่องจากการดูแลตาทารกแรกเกิดทุกรายต้องได้รับการเช็ดตาทั้งสองข้างทันทีด้วย 0.9% NSS
1% silver nitrate, 1% tatracycline onitment และ 0.5% erytromycin ointment มีผลในการฆ่าเชื้อบริเวณดวงตาของทารก ป้องกันการติดเชื้อทำให้เกิดตาอักเสบได้ ซึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ หนังตาและเยื่อบุตาแดงร้อนโดยทั่วไปมักเกิดภายใน 24 ชั่วโมงและหายเองภายใน 48 ชั่วโมง และไม่เป็นอันตรายกับดวงตา
เช็ดสะดือทารกด้วยสำลี alcoho
การเช็ดสายสะดือด้วยสำลี alcohol สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นการทำความสะอาดและเป็นการฆ่าเชื้อ ไม่ทำให้อับชื่น ภายหลังจากการตัดสายสะดือแล้วต้องสังเกตว่ามีเลือดออกจากสายสะดือหรือไม่เนื่องจากสายสะดือจะแห้งเหี่ยวลงเรื่อยๆ เชือกที่ผูกไว้อาจหลวมและทำให้มีเลือดออกได้ถ้ามีเลือดซึมออกมาให้ใช้สำลีชุบน้ำยาเชื้อ 10% alcohol หรือ 0.5% tincture iodine in 30% alcohol เช็ดสายสะดือและผูกใหม่ให้แน่น
ฉีดยาบริเวณ ขาของทารกทั้งสองข้าง
1.ฉีดวิตามินเค 1 (vitamin K) ขนาด 0.5-มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหน้าของทารกเพื่อช่วยในการแข็งตัวของเลือดเร็วขึ้นป้องกันเลือดออกผิดปกติ
2.ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี จะให้เมื่อแรกเกิดถ้ากรณีที่มารดาไม่ได้เป็นพาหะให้ Active Immunization 0.5 มิลลิลิตรฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหน้า (คนละข้างกับวิตามินเค)
ทารกควรฉีดวัคซีนเพิ่ม คือ
วัคซีนบี ซี.จี. (Bacillus Calmette Guerin vaccine) 0.1 มิลลิลิตรฉีดเข้าในหนัง (intracutaneous) ส่วนล่างของกล้ามเนื้อต้นแขน (deltoid muscle) เพื่อให้วัคซีนป้องกันวัณโรคไปสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย แนะนำบิดามารดาดูแลผิวหนังที่ฉีดภูมิคุ้มกันวัณโรคให้สะอาดเนื่องจากสัปดาห์ที่ 2-3 หลังฉีดจะมีตุ่มแดงๆเกิดขึ้นตุ่มจะโตขึ้นช้าๆกลายเป็นฝีและแตกออกเองมีปากแผลกว้าง
การเปลี่ยนทางสรีรวิทยาของทารกแรกเกิด
2 ชั่วโมงหลังคลอด
ปัสสาวะสีใส 1 ครั้ง
ทารกแรกเกิดสามารถเก็บปัสสาวะได้ประมาณ 16-44 ซีซี ในวันแรก ปริมาณของ ปัสสาวะที่ไตสร้างขึ้นประมาณ 20 ซีซี และเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ จนถึงวันละประมาณ 200-300 ซีซี เมื่อถึงปลายสัปดาห์แรกจึงทำให้ขับถ่ายปัสสาวะมากอาจถึง 20 ครั้ง/วัน ซึ่งปัสสาวะของทารกจะไม่มีสีและกลิ่น
ยังไม่ถ่ายขี้เทา
ทารกแรกเกิดปกติจะถ่ายขี้เทา (meconium) ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ถ่ายอาจเกิดจากการที่รูก้นตัน (Imperforate anus) ประมาณวันที่ 3 หลังเกิดจะมีการถ่ายเป็นสีเหลืองปนเทา (Transitional stool) ประมาณวันที่ 4 หลังเกิดจะมีลักษณะของสีอุจจาระปกติ (True stool) ตารมลักษณะของนมที่ทารกได้รับ