Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงทางสมองเนื่องจากตับวาย Hepatic Encephalopathy, แบ่งได้ 5…
การเปลี่ยนแปลงทางสมองเนื่องจากตับวาย
Hepatic Encephalopathy
รักษา
ทางเลือกในการรักษาสำหรับโรคสมองจากโรคตับขึ้นอยู่กับความรุนแรง และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค คุณอาจต้องรับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้น้อยลง หากการรับประทานโปรตีนมากเกินไปเป็นสาเหตุของการเกิดโรค แต่ด้วยโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายที่เหมาะสม แพทย์ทางโภชนาการจะสามารถวางแผนรูปแบบอาหารให้ผู้ป่วยได้รับโปรตีนได้เพียงพอต่อความต้องการแต่จะไม่ทำให้อาการแย่ลงได้ อาหารที่มีโปรตีนสูง
การรับประทานยาสามารถช่วยลดอัตราการดูดซึมสารพิษของเลือดได้ แพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ และแล็กทูโลส (Enulose) น้ำตาลสังเคราะห์ ยาสามารถดึงแอมโมเนียที่สร้างโดยแบคทีเรียในลำไส้จากเลือดสู่ลำไส้ใหญ่ จากนั้นร่างกายจะขับเลือดออกจากลำไส้ใหญ่
ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดการหายใจลำบาก ในระยะรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย
ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับ
การพยาบาลที่สำคัญ
เกิดภาวะ Hepatic Encephalopathy ให้การพยาบาลโดยสังเกตและบันทึระดับความรู้สึกตัว
ดูแลให้ N-acetylcysteine และ Losec ทาง IV เพื่อป้องกันการมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
หลังการพยาบาล 15 วันผู้ป่วยไม่พบภาวะตัวตาเหลือง สามารถกลับบ้านได้ และให้คำแนะนำการดูแผล Double Lumen Catheter
พยาธิสภาพสภาพโรค
เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการที่ตับเสียหายจนไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากเลือดได้หมด ทำให้มีสารพิษสะสมในระบบไหลเวียนโลหิตและเข้าสู่สมองจนก่อให้เกิดความเสียหาย โรคสมองจากโรคตับอาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจเข้าสู่ภาวะโคม่าและเสียชีวิตได้
การวินิฉัย
โรคนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคตับที่สังเกตด้วยตัวเองค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่ส่งผลต่อสมอง ในเบื้องต้นแพทย์จะให้คนใกล้ชิดของผู้ป่วยโรคตับหรือผู้ที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับตับคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย
การตรวจเลือด
เพื่อวัดระดับแร่ธาตุ การทำงานของตับ การทำงานของไต และค่าของเสียในร่างกาย
การตรวจการทำงานของตับ
ค่าระดับเอนไซม์ตับที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งบอกถึงความเสียหายของตับได้
การทำ CT Scan หรือ MRI Scan ที่สมอง
เพื่อหาสาเหตุและความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสมอง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
เป็นการตรวจดูการทำงานและความผิดปกติของสมอง
การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
การมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำหรือภาวะโลหิตจางอาจบ่งบอกถึงการสูญเสียเลือดและการขาดออกซิเจนซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ตับเกิดความเสียหายได้
ระยะของโรค
ระยะ 0
ในช่วงระยะนี้อาการจะปรากฏให้เห็นน้อยมาก
ระยะ 3
จะมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำงานได้ แม้แต่งานง่ายๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกสับสน และมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
ระยะ 1
อาการมีน้อย สมาธิสั้นลง และพฤติกรรมการนอนเปลี่ยนไป เช่น ภาวะการนอนมากเกินหรือนอนไม่หลับ
ระยะ 2
คือระยะปานกลาง ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจรู้สึกสับสน หรือเซื่องซึม
ระยะ 4
ระยะนี้เป็นขั้นโคม่า
อาการแสดง
ผู้ป่วยมักมีประวัติ การได้รับ สารพิษ หรือติดไวรัสตับอักเสบมาก่อน มักมีอาการที่รุนแรงตั้งแต่
แรก โดยมักพบว่า มีอาการปวดท้องบริเวณด้านขวาบนตรงพร้อมกับตับโต มีน้ำในช่องท้อง และอาจมีภาวะดีซ่านเพิ่มเติมด้วย
อาการ
ผู้ป่วยแต่ละคนแตกต่างกันไป บางรายอาจมีอาการไม่รุนแรงและหายดีได้ภายในเวลาไม่นาน ทว่าบางรายอาจค่อย ๆ มีอาการรุนแรงขึ้น หรือส่งผลกระทบร้ายแรงอย่างเฉียบพลัน โดยอาจมีอาการคล้ายคลึงกับโรคอื่น ๆ ได้ เช่น ภาวะแอลกอฮอร์เป็นพิษ ภาวะถอนพิษสุรา ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะเนื่องจากความดันโลหิตสูงได้
แบ่งได้ 5 ระยะ