Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 ลักษณะพฤติกรรมที่เป็นปัญหา - Coggle Diagram
บทที่ 8
ลักษณะพฤติกรรมที่เป็นปัญหา
ความหมายของการสังเกต
วิธีการศึกษาบุคคลด้วยการมองและการเฝ้าดู พฤติกรรมที่แสดงออกมาในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ในสถานการณ์ปกติ หรือสถานการณ์ที่กำหนดขึ้นโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมนั้น ๆ เพียงแต่เฝ้าดูหรือแอบดูไม่ให้เขารู้ตัว และพยายามจดจำพฤติกรรมที่เขาแสดงออกให้เห็นนั้นไว้แล้วนำมาทำการบันทึกลงในระเบียน พฤติการณ์เพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลที่จะนำไปวิเคราะห์ในการศึกษารายกรณีต่อไป
วิธีสังเกตพฤติกรรมเด็ก
ควรสังเกตเด็กเป็นรายบุคคลและเป็นคณะโดยสม่ำเสมอ
ควรสังเกตเด็กเป็นรายบุคคลทุกครั้งที่จัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก
ควรมีแบบบันทึกการสังเกต
ควรบันทึกข้อบกพร่อง ข้อดีและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไข
ควรศึกษาสาเหตุและอาการที่เด็กมีพฤติกรรมที่มีปัญหา
ควรมีแนวในการสังเกตอาการซึ่งเป็นเครื่องชี้ถึงความบกพร่องต่าง ๆ ไว้
หลังจากที่ได้สังเกตและสรุปความเห็นเกี่ยวกับตัวเด็กแล้ว ครูปฐมวัยควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
ขอพบผู้ปกครองและปรึกษาหารือกับผู้ปกครอง
หยิบยกปัญหาขึ้นมาพูดกับเด็กโดยตรง
ขอคำแนะนำจากผู้บริหาร
แนะนำผู้ปกครองให้พาเด็กไปตรวจสุขภาพ
แนะนำผู้ปกครองให้พาเด็กไปพบแพทย์
ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครอง
จัดให้เด็กนอนกลางวันหรือพักผ่อนมากกว่าปกติ
เปลี่ยนที่นั่งให้เด็ก
ถามความต้องการของเด็ก
ประโยชน์ของการสังเกต
เหตุการณ์หรือพฤติกรรมต่างไปจากนิสัยปกติของเด็กทั่ว ๆไป
เหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นซ้ำ ๆ ซาก ๆ ซึ่งน่าจะต้องรีบแก้ไข
เหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นความสามารถพิเศษของเด็ก
พฤติกรรมหรืออาการซึ่งอาจเป็นเครื่องชี้ถึงข้อบกพร่องหรือผิดปกติของเด็กทั้งในร่างกาย อารมณ์ สังคม
เหตุการณ์ที่แสดงถึงอุปนิสัยหรือลักษณะประจำตัวของเด็ก
พฤติกรรมที่เป็นปัญหาของเด็กปฐมวัย
เด็กอิจฉาริษยา
เด็กมีพฤติกรรมขัดขืน
เด็กโมโหร้าย
เด็กก้าวร้าว
เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน
เด็กที่ซนผิดปกติ
เด็กปัสสาวะรดที่นอน
เด็กลักขโมย
เด็กมีปัญหาการขับถ่าย
เด็กขี้อาย
เด็กสกปรก
เด็กที่มีความหวาดกลัว
เด็กโกหก
เด็กดูดนิ้วมือ
เด็กเงียบขรึมผิดปกติ
เด็กพูดติดอ่าง
เด็กที่แยกตัวออกจากสังคม
การแก้ไขพฤติกรรมที่เป็นปัญหาสำหรับเด็กปฐมวัย
การศึกษาถึงปัญหาเด็กควรจะได้ศึกษาปัญหา 5 ประการ คือ
ทางร่างกาย เด็กมีปัญหาทางด้านร่างกาย สาเหตุเกิดจากขาดสารอาหาร เบื่ออาหาร เลือกอาหารและได้รับการเลี้ยงดูไม่ถูกวิธี
ทางอารมณ์ เด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ สาเหตุเกี่ยวเนื่องจากเรื่องร่างกายมาก ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงอารมณ์ก็ไม่ดี สุขภาพทางกายไม่ดี สุขภาพทางจิตย่อมไม่ดี นอกจากนี้ยังมีสาเหตุสืบเนื่องจากการอบรมเลี้ยงดูไม่ถูกวิธี และสืบเนื่องจากสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กด้วย
ทางสติปัญญา เด็กที่มีปัญหาทางด้านสติปัญญาสาเหตุเกี่ยวเนื่องจากทางร่างกาย เกิดจากความบกพร่องทางตา ทางหู ทางประสาทสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาการใช้มือ และสืบเนื่องจากเชาว์คือสมรรถภาพของการเรียนรู้ ถ้าเชาว์ดีความสามารถใน การเรียนรู้ก็จะดีด้วย
ทางความถนัด เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนถนัดมือซ้าย บางคนถนัด มือขวา บางคนถนัดทางศิลปะ บางคนถนัดทางภาษา ต้องพยายามหาจุดเด่นในทางตัวเด็ก
ทางบ้านหรือสิ่งแวดล้อม เด็กที่มีปัญหานั้น ไม่ใช่เรื่องสติปัญญา หรือทางร่างกาย หรืออารมณ์เท่านั้น ต้องคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ เมื่อครั้งเป็นเด็กเล็ก ๆ ก่อนที่จะเข้ามาอยู่สถานศึกษาด้วย ซึ่งอาจมีปัญหาจากทางครอบครัวของเด็กหรือจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กเอง
การแก้ไขพฤติกรรมเด็กปฐมวัย
การแก้ไขและการฝึกปฏิบัติ
เด็กเลือกอาหาร
1.1 เมื่อจะปรุงอาหารต้องหั่นชิ้นเล็ก ๆ ต้มหรือผัดให้นาน ๆ ให้เปื่อย
1.2 ฝึกให้เด็กลองรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยผักที่เด็กยังไม่เคยรับประทาน
1.3 ฝึกให้เด็กรับประทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ รสชาติจะอร่อยกว่า
1.4 รับประทานอาหารผักเด็กจะทำตาม
1.5 ครูร่วมวงรับประทานอาหารกับเด็ก รับประทานผักให้ดูแลและชวนให้เด็กรับประทานผักตาม
เด็กขี้อาย
2.1 แนะนำให้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้น เลือกคนที่อยู่ใกล้บ้านเด็กให้รู้จัก เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับบุคคลนอกบ้าน สร้างบรรยากาศความรักใคร่และเป็นกันเองในหมู่เด็กด้วยกัน
2.2 เมื่อมีการแสดงต่าง ๆ ให้แสดงเป็นกลุ่มเสียก่อน เมื่อชินกับการแสดงเป็นกลุ่มแล้ว ค่อย ๆ ให้แสดงครั้งละ 2 – 3 คน แล้วต่อไปให้แสดงเดี่ยว
2.3 การสนทนาตอนเช้าจะช่วยได้มาก ให้เด็กได้พูดได้แสดง ใครมีอะไรมาอวดเพื่อนแล้วเล่าสู่กันฟังเริ่มจากเด็กที่กล้าพูดกล้าแสดงก่อนแล้วค่อย ๆ เลือกเด็กที่ขี้อายต้องสนับสนุนให้มากพยายามมองหาส่วนที่ดีชมเชย ชวนให้เพื่อน ๆ ในห้องปรบมือให้กำลังใจ
2.4 พาเด็กไปเดินเที่ยวรอบ ๆ บริเวณสถานศึกษาให้พบคนแปลกหน้าบ้าง เช่น แม่ค้าขายของ คนทำสวนยามเฝ้าสถานที่ ฯลฯ ให้เด็กพูดคุยด้วย สร้างความเชื่อมั่นให้ กับเด็ก
2.5 ส่งเสริมให้เด็กตั้งคำถาม การที่เด็กช่างชักถาม ช่วยให้เด็กเกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นใจตนเองและช่วยให้เด็กได้ความคิดทำให้รู้จักคิด กล้าถามกล้าพูด ความอายจะ ค่อย ๆ หมดไป
เด็กซน
3.1 หาของเล่นที่ไม่ประกอบเป็นรูปร่าง แต่เป็นชิ้น ๆ ให้เด็กดึงออกหรือต่อให้ติดกันได้ใหม่เพื่อสร้างความมั่นใจ
3.2 ฝึกให้มีกิจกรรมตลอดเวลา คอยป้อนงานที่สนใจให้ทำต่อ ๆ กันไป
3.3 ฝึกให้เด็กรับผิดชอบช่วยจัดห้อง ช่วยครูจัดแจกันช่วยเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย
3.4 ให้ดูภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการไม่ระมัดระวังฝึกให้เด็กนึกถึงเหตุผล
3.5 ร้องเพลง ทำท่าทางประกอบจังหวะ ฝึกระเบียบวินัยตามบทเพลงที่ร้องหรือท่องคำคล้องจอง เพื่อฝึกให้มีความระมัดระวัง
เด็กพูดจาหยาบคาย
4.1 สนทนาตอนเช้า ฝึกให้เด็กออกมาพูดเล่าเรื่องราวครูคอยฟังแล้วแก้ไขเมื่อเด็กพูดไม่น่าฟังหยาบคาย
4.2 อ่านนิทาน เรื่องเกี่ยวกับเด็กที่วาจาอ่อนหวานจะเป็นเด็กน่ารักกว่าเด็ก
4.3 ครูจะต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดี เวลาพูดกับเด็กหาโอกาสพูดโต้ตอบกับเด็กเป็นการฝึกพูดไปพร้อมกัน
4.4 ร้องเพลงหรือท่องคำคล้องจองที่เป็นคำสอนให้คนพูดเพราะ
4.5 ขอความร่วมมือจากผู้ปกครองให้คอยสังเกตและฝึกเด็กทางบ้านด้วย
เด็กใจแคบ วิธีการแก้ไขและฝึกปฏิบัติดังนี้
5.1 ฝึกให้รอคอยตามลำดับเมื่อมีการแจกของ หรืออาหาร ไม่ให้แย่งกัน
5.2 ฝึกให้แบ่งปันของเล่น แบ่งปันกันใช้ และแบ่งปันกันรับประทาน
5.3 ฝึกให้มีความเมตตารักใคร่ ซึ่งกันและกันแล้ว ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความสามัคคี การผูกมิตรกับผู้อื่น ความร่วมมือ
5.4 ฝึกระเบียบวินัยที่ดี ในการอยู่ร่วมกัน
5.5 ครูต้องสังเกตติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดในระยะต้นฝึกให้เด็กปฏิบัติต่อเนื่องจนติดเป็นนิสัยที่ดีต่อ ๆ ไป