Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยชายไทย
อายุ 58 ปี - Coggle Diagram
ผู้ป่วยชายไทย
อายุ 58 ปี
ภาวะอิเล็กโตรไลต์ไม่สมดุล
-
Hyponatremia
สาเหตุ
ได้รับน้ำมากเกินไปหรือมีการสูญเสียโซเดียม เช่น การดื่มน้ำมาก โรคหัวใจล้มเหลว โรคตับ โรค nephrotic syndrome
-
NDX : มีภาวะเสียสมดุลอิโตรไลต์เนื่องจากไตสูญเสียหน้าที่การทำงาน
NDX :มีภาวะโซเดียมต่ำเนื่องจาก
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันภาวะโซเดียมต่ำ
เกณฑ์การประเมิน : ไม่มีภาวะโซเดียมต่ำ เช่น อ่อนเพลีย : : เบื่ออาหาร สับสน ซึม ชัก หมดสติ ตะคริว ท้องเดิน
-NA อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ136-145 mmol/L
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตอาการและอาการแสดงของอาการที่เกิดจากภาวะโซเดียวในเลือดต่ำ (Hyponatremai)
2.ประเมิน vital signs ทุก 4 ชั่วโมงหรือตามความจำเป็น
3.กระตุ้นให้ได้รับที่มีเกลือโซเดียวสูง เช่นไข่เค็ม ปลาเค็ม หรือเติมเกลือในอาหารและเครื่องดื่มโดยให้รับประทานครั้งละน้อยๆแต่บ่อย
4.บันทึกสารน้ำเข้าและออก และบันทึกลักษณะ และปริมาณของอาเจียน ปัสสาวะ
- สังเกตอาการและอาการแสดงของอาการที่เกิดจากภาวะโซเดียวในเลือดต่ำ (Hyponatremia)
- ประเมิน vital signs ทุก 4 ชั่วโมงหรือตามความจำเป็น
- กระตุ้นให้ได้รับที่มีเกลือโซเดียวสูง เช่นไข่เค็ม ปลาเค็ม หรือเติมเกลือในอาหารและเครื่องดื่มโดยให้รับประทานครั้งละน้อยๆแต่บ่อย
- บันทึกสารน้ำเข้าและออก และบันทึกลักษณะ และปริมาณของอาเจียน ปัสสาวะ
-
-
เกณฑ์การประเมิน
- ไม่มีภาวะโซเดียมต่ำ เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร สับสน ซึม ชัก หมดสติ ตะคริว ท้องเดิน
- Na อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ136-145 mmol/L
**1.สังเกตอาการและอาการแสดงของอาการที่เกิดจากภาวะโซเดียวในเลือดต่ำ (Hyponatremai)
2.ประเมิน vital signs ทุก 4 ชั่วโมงหรือตามความจำเป็น
3.กระตุ้นให้ได้รับที่มีเกลือโซเดียวสูง เช่นไข่เค็ม ปลาเค็ม หรือเติมเกลือในอาหารและเครื่องดื่มโดยให้รับประทานครั้งละน้อยๆแต่บ่อย
4.บันทึกสารน้ำเข้าและออก และบันทึกลักษณะ และปริมาณของอาเจียน ปัสสาวะ
Hypokalemia
-
อาการ
อ่อนเพลีย, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, ท้องผูก, ตะคริว ถ้าภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำรุนแรงจะมีผลกระทบที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ โดยอาจทำให้เกิดอัมพาตชั่วคราว ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และหายใจลำบาก
-
ปัสสาวะออกน้อย
-
พยาธิสรีรวิทยา
เมื่อมีการอักเสบไตจะขยายใหญ่ขึ้นเกิดมีการคั่งของเลือดและบวมมีการติดเชื้ออย่างรุนแรงตามผนังของกรวยไตน้อย (calyces) กรวยไตจะบวมและมีลักษณะแดงอาจมีเลือดออกด้วยถ้าการติดเชื้อไม่รุนแรงและถ้าได้รับการรักษาทันท่วงทีจะมีรอยแผลเป็นบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเรื้อรังทำให้เกิดแผลเป็น (fibrosis) จนทำให้ท่อต่างๆของไตอุดตันเส้นเลือดฝอยของโกเมอรูไล (glomeruli) ตีบแคบทำให้ไตขาดโลหิตขนาดของไตเล็กลงหน้าที่ของไตจะเลวลงจนในที่สุดจะเกิดภาวะไตวายได้ (renal failure)

Pyelonephritis
-
NDx.มีภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเฉียบพลัน
เนื่องจากกรวยไตอักเสบ
วัตถุประสงค์
- มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
O : มีปัสสาวะสีขุ่น มีไข้ หนาวสั่น
: WBC=18.52 (1x10^3)uL.(ค่าปกติ4.6 - 10.2(1x10^3)uL)
: Neutrophil= 89.8% (ค่าปกติ37 - 80)
: ผลการเพาะเชื้อในปัสสาวะพบ E. Coli>10^5 /CFU
-
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินสัญญาณชีพ อาการและอาการแสดงทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิกาย
- สังเกตและดูแลตำแหน่ง ลักษณะของสายระบายน้ำปัสสาวะว่าไมหัก พับงอ ดึงรั้ง เพื่อให้น้ำปัสสาวะไหลสะดวก
- แนะนำผู้ป่วย ในการอาบน้ำขณะยังมีสายระบายน้ำปัสสาวะอยู่ สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ ควรระวังไม่ให้แผลสกปรกหรือเปียกน้ำ หากพลาสเตอร์ปิดแผลเปียกแฉะจนถึงผ้าก๊อซ ให้ทำความสะอาดแผลใหม่ทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ ห้ามแช่น้ำหรือลงสระว่ายน้ำขณะยังมีสายระบายติดอยู่กับตัว
- สังเกต และบันทึกลักษณะน้ำปัสสาวะ รวมทั้งบันทึกปริมาณที่ไหลออกมาต่อวัน
- ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ และปรับเปลี่ยนยาตามแผนการรักษา หลังได้ผลการเพาะเชื้อ
- ให้การพยาบาลโดยใช้เทคนิดปลอดเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
- ติดตามผลการตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินการติดเชื้อหลังได้รับยาปฏิชีวนะ
การประเมินผลการพยาบาล
อุณหภูมิอยู่ในช่วง 36.5-37.2 องศาเซลเซียส ปัสสาวะมีสีเหลืองใส สามารถถอดสายสวนออกได้ในวันที่ 6 ของการรักษา ผลตรวจปัสสาวะปกติ พบเม็ดเลือดขาว 1-2 cell/HPF
เกณฑ์การประเมินผล
- ผู้ป่วยไม่บ่นปวดบั้นเอว
- ปัสสาวะสีใส ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน และไม่มีไข้ หนาวสั่น
- ค่าWBC อยู่ในค่าปกติ 4.6 - 10.2 (1x10^3)uL.
- Neutrophil อยู่ในค่าปกติ 37 - 80%
- ผลการเพาะเชื้อในปัสสาวะ : ไม่พบเชื้อ
นิ่วในท่อปัสสาวะ ท่อไต :
พยาธิสภาพของระบบทางเดินปัสสาวะที่ถูกอุดกั้นด้วยนิ่ว
- การอุดกั้น (Obstruction) นิ่วที่อุดกั้นในทางเดินปัสสาวะมีสารก่อนิ่วในปัสสาวะสูงกว่าระดับสารยับยั้งนิ่ว ร่วมกับปัจจัยเสริมคือ ปริมาตรของปัสสาวะน้อย ส่งผลให้เกิดภาวะอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ จึงเกิดผลึกที่ไม่ละลายน้ำขึ้น เช่น แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต และยูเรต ผลึกนิ่วที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เซลล์บุภายในไตถูกทำลาย ตำแหน่งถูกทำลายนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผลึกนิ่วเกาะยึด และรวมกลุ่มกัน เกิดการทับถมของผลึกนิ่วเป็นเวลานานจนกลายเป็นก้อนนิ่วได้ในที่สุด
- การติดเชื้อ (Infection) เมื่อมีการอุดกั้นในทางเดินปัสสาวะทำให้เกิดการติดเชื้อได้เนื่องจากมีการคั่งค้างของน้ำปัสสาวะตามส่วนต่างๆในทางเดินปัสสาวะและภาวะ hydronephrosis ทำให้เนื้อไตถูกเบียดความหนาของเนื้อไตบางลงและพบ polymorphs และ round cells จำนวนมากลักษณะของ glomeruli จะมีการอักเสบทั่วไปการติดเชื้อเรื้อรังอาจทำให้เยื่อบุทางเดินปัสสาวะ (transitionalcells)
- ความปวด (Pain) การอุดกั้นของนิ่วในทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดได้อาการปวดจะเป็นแบบปวดตื้อ ๆ บริเวณเอวหรืออาจจะปวดรุนแรงบริเณเอวลักษณะปวดอาจเป็นแบบ colicky pain, dull pain หรือ refer pain
-
ดัชนีย์มวลกาย (BMI) = 30.09 กิโลกรัมต่อเมตรยกกำลังสอง
-
พยาธิสภาพโรคอ้วน
จากการที่ไขมันมีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากขึ้นโดยเฉพาะในอวัยวะภายใน (Visceral fat cell) ส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนต่างๆ เกิดกลไกย้อนกลับไปที่ hypothalamus โดยเฉพาะ Leptin ฮอร์โมนที่หลั่งจากเซลล์ไขมันจะกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท sympathetic ให้ทำงานมากขึ้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจมีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) มากขึ้น เนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue) เป็นต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งจะหลั่งฮอร์โมน และสารหลายชนิด ได้แก่ฮอร์โมนเล็ปตินซึ่งมีตัวรับในสมองที่ตำแหน่งอาร์คิวเอตนิวเคลียส (arcuate nucleus) ควบคุมเกี่ยวกับการหิว การใช้พลังงาน ขนาด และจำนวนของเซลล์ไขมัน มีบทบาทเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความอ้วน และยังมีผลต่อเมแทบอลึซึมอื่นๆ เช่นกระตุ้นประสาทอัตโนมัติส่วนซิมพาเทติกให้ทำงานมากขึ้น และยับยั้งการสร้างอินซูลินที่เบตาเซลล์ของตับ