Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้สูงอายุชื่อ จรรยาพร เบ็ญจศิริวรร อายุ 62 ปี เพศ หญิง -…

- - - - โรคข้อเสื่อม โรคไขมันในเลือด โรคเยื่อบุตาอักเสบ รักษาด้วยการรับประทานยา รักษาที่โรงพยาบาลม.บูรพา
        
        ยาที่รับประทานประจำ
        
        Mega We Care Flexsa 1500 รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า
        
        Mecobalamin Tablets 500 mcg. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า
        
        Rosuvastatin Sandoz 10 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ก่อนนอน
        
        CALTAB 1500 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด/สัปดาห์
        
        Actonel' once-a-Month 150 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด/เดือน
        
        Arcoxia® 90 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เมื่อมีอาการปวด
        
        Optive ADVANCED Lubricant Eye Drops ใช้เมื่อมีอาการตาแห้ง
        
        Pataday 0.2% ใช้เมื่อมีอาการระคายเคืองตา
    - - มารดาเป็นมะเร็งเต้านม บิดาและพี่น้อง ปฏิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
    - - เคยเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2528 รักษาที่ไหน
      - เคยเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเต้านม ระยะ 0 เมื่อปี พ.ศ. 2549 หลังผ่าตัดไม่ได้รับรังสีรักษา
      - เคยเข้ารับการผ่าตัดติ่งเนื้อที่มดลูก เมื่อปี พ.ศ. 2557
      - เคยเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก เปลี่ยนเลนส์ตาข้างซ้าย เมื่อปี พ.ศ. 2561
      - มีประวัติแพ้ยา Mydocalm®
  - - - 1.1 การรับรู้ภาวะสุขภาพในปัจจุบัน
        ผู้สูงอายุให้สัมภาษณ์ว่าคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงอยู่ สามารถช่วยตัวเองได้ทุกอย่าง ไม่ได้ตรวจร่างกายมา 3 ปีแล้ว เนื่องจากไปพบแพทย์ก็จะได้รับการตรวจร่างกายร่วมด้วยอยู่แล้ว
        ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เมื่อเดือนพฤษภาคม และได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบทั้ง 3 เข็มแล้ว ได้รับเข็มที่ 1 เมื่อเดือนมิถุนายน
      - 1.2 ประวัติการแพ้ต่างๆ : มีประวัติแพ้ยา Mydocalm® เป็นยาคลายกล้ามเนื้อใช้บรรเทาอาการปวดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ปฏิเสธการแพ้อาหาร
      - 1.3 พฤติกรรมเสี่ยง (การสูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์) : ปฏิเสธการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
      - 1.4 การดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยเมื่อมีอาการเจ็บคอ : จะดื่มน้ำอุ่นมากๆ เมื่อมีการปวดเจ็บหลัง จะออกกำลังกายโดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ทายานวด
    - - 2.1 พฤติกรรมการรับประทานอาหาร (ชนิดและปริมาณ)
        
        รับประทานอาหารวันละ 2 มื้อ รับประทานอาหารเช้าก่อน 8 โมง รับประทานอาหารจำพวก เครื่องดื่ม กาแฟ ชา ขนมปัง มาม่า กับข้าวทั่วไป ตอนเย็น จะรับประทานอาหารจำพวก ขนม ผลไม้ ไม่รับประทานข้าว ลิ้นสามารถรับ รสได้ปกติ ไม่มีการจำกัดอาการ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำพวก ของทอดและของแข็งเคี้ยวยาก
      - 2.2 การดื่มน้ำ
        
        ดื่มน้ำวันละ 1500-2000 ml/วัน
      - 2.3 ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
        
        มีอาการท้องอืดเล็กน้อย ไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีปัญหาเรื่อง การเคี้ยว และ การกลืน มีอาการติดคอ เล็กน้อย ตอนรับประทานอาหารที่มีลักษณะแห้ง ๆ
      - ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ
        
        มีอาการท้องอืดเล็กน้อย ไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีปัญหาเรื่อง การเคี้ยว และ การกลืน
        
        (Mini Nutritional Assessment: MNA) แบบประเมินผล MNA มีคะแนน 23 คะแนน
    - - 3.1 การขับถ่ายอุจจาระ (จำนวนครั้ง/วัน ลักษณะ) 1 – 2 ครั้ง/วัน ลักษณะอุจจาระ สีน้ำตาล และ อ่อนนุ่ม มีท้องผูกนานๆที
      - 3.2 การขับถ่ายปัสสาวะ (จำนวนครั้ง/วัน สี ปริมาณ) 2-3 ครั้ง/วัน และปัสสาวะเวลากลางคืน 2 ครั้ง/วัน มีปัสสาวะสีเหลืองใส
      - แบบประเมิน
        
        ผลการประเมินแบบประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ
        
        รุนแรงเล็กน้อย หมายถึง ปริมาณปัสสาวะที่กลั้นไม่อยู่ไม่กี่หยดและเกิดอาการบ่อยเล็กน้อย
        
        ผลการประเมินตามแบบประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องผูกของผู้สูงอายุ : คะแนน -18 ถึง -6 เสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องผูกระดับเล็กน้อย
    - - 4.1 ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันขั้นพื้นฐาน
        
        ทำกับข้าวรับประทานเอง ดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์ เล่นดนตรี ได้แก่ ขลุ่ย ซออู้ ขิม ก่อนโควิด-19 เล่นอังกะลุงที่อาคารอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยบูรพา
      - 4.2 พฤติกรรมการออกกำลังกาย
        
        ออกกำลังกาย 5-6 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 20 นาที ออกกำลังกายโดยการเดินเร็วบริเวณหลังบ้าน ยืดตัว แกว่งแขน ไม่มีการเตรียมร่างกายก่อนออกกำลังกาย ไม่มีการผ่อนคลายหลังออกกำลังกาย
      - 4.3 กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และกิจกรรมอื่น ๆ ในชุมชน ที่ผู้สูงอายุเข้าร่วม
        
        เคยเข้าร่วมกิจกรรมขึ้นปีใหม่ของหมู่บ้านจัดปีละ 1 ครั้ง เข้าร่วมกลุ่มสมาธิออนไลน์ เดินจงกลม 30 นาที นั่งสมาธิ 30 นาที ทุกวัน ส่วน ฟังเทศน์ 1 ชั่วโมง ทุกวันจันทร์-ศุกร์
      - แบบประเมิน
        
        ** ผลการประเมินตามแบบประเมินความสามารถเชิงปฏิบัติ (Barthel ADL Index) คะแนนรวมได้ 20 คะแนน การแปลผล ไม่มีภาวะพึ่งพา
        
        ** ผลการประเมินตามแบบประเมินความสามารถเชิงปฏิบัติดัชนีจุฬาเอดีแอล (Chula ADL Index) คะแนนรวมได้ 9 คะแนน การแปลผล ไม่มีภาวะพึ่งพา
        
        ** ผลการประเมินภาวะเสี่ยงต่อการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน คะแนนรวมได้ 2 คะแนน การแปลผล ไม่เสี่ยงต่อการหกล้ม แต่ผู้สูงอายุมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่อาจทำให้เกิดการหกล้ม คือสิ่งแวดล้อม
        
        ** ผลการประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับ (Braden scale) คะแนนรวมได้ 23 คะแนน การแปลผล ไม่เสี่ยงต่อการกดทับ
        
        ** ผลการตรวจร่างกายและซักประวัติระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ มีอาการเจ็บเมื่อกดไปบริเวณแขน สะบัก ไหล่ หลัง Pain Score = 5 คะแนน
        
        ** ผลการตรวจร่างกายและซักประวัติระบบหัวใจและหลอดเลือด ความดันต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า เมื่อลุกนั่งมีหน้ามืดมั้ย สะดุ้งตื่นกลางคืนมั้ย นอนราบแล้วเหนื่อยมั้ย มีอาการหอบเหนื่อยมั้ย สอบถามเกี่ยวกับอาการของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
    - - 5.1 ปกตินอนหลับวันละ 6-7 ชั่วโมง
      - 5.2 ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ
        : ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ
      - 5.3 การปฏิบัติตนเพื่อผ่อนคลายและส่งเสริมการนอนหลับ
        : ดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์ ก่อนนอน
      - ผลการประเมินตามแบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ (PSQI) คะแนนรวมได้ 4 คะแนน การแปลผล ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนหลับดี
    - - 6.4 ความจำ : มีอาการหลงลืมผู้ป่วยให้ประวัติว่า “เวลาไม่มีสติ หลังอาบน้ำตอนเช้าเสร็จก็หยิบชุดนอนเมื่อคืนมาใส่อีกครั้ง” “ เวลาใส่ถุงเท้า แล้วถุงเท้าอยู่กับรองเท้า หยิบถุงเท้ามาใส่แล้วก็ใส่รองเท้าด้วยทั้งๆที่จะใส่แค่ถุงเท้า”
      - 6.1การได้ยิน : หูได้ยินเสียงปกติทั้ง 2 ข้าง ในการดูทีวีต้องเปิดเสียงดังมากกว่าปกติ
      - 6.2 การมองเห็น : สามารถมองเห็นได้ อ่านหนังสือได้ในระยะปกติ มีน้ำตาคลอ ตาแห้ง คันบริเวณหัวตา ต้องทำความสะอาดตาด้วยน้ำอุ่น วันละ 2 ครั้ง สวมแว่นตากันลม
      - 6.3 การรับสัมผัส/ความสุขสบาย : สามารถรับสัมผัสได้ ลิ้นสามารถรับรสชาติได้ มีอาการปวด บริเวณหลังและสะบัก ปวดเมื่อกด ตอนเช้าปวดน้อยกว่าตอนบ่าย คะแนนความปวด 5 คะแนน
      - แบบประเมิน
        
        ผลการประเมินสภาพสมองเบื้องต้นฉบับภาษาไทย MMSE – Thai 2002 ในผู้สูงอายุ ผลการประเมิน : คะแนนรวม 30 คะแนน แปลผลได้ว่า ไม่มีภาวะสองเสื่อม
        
        ผลการประเมินภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย (Thai Geriatric Depress Scale: TGDS) ผลการประเมิน : คะแนนที่ได้ 3 คะแนน แปลผลได้ว่า คนสูอายุปกติ
        
        ผลการประเมินความปวด (Visual Analogue Scale, VAS)/(Numerical Scale, NRS) : คะแนนความปวด = 5 คะแนน แปลผลได้ว่า ปวดปานกลาง
    - - 7.3 วิธีการเผชิญและแก้ไขปัญหา: เปลี่ยนอิริยาบถ เปลี่ยนท่านั่ง เปลี่ยนสถานที่ในการนั่งทำกิจกรรม
      - 7.2 ความรู้สึกผิดปกติของตนเองที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วย: ส่งผลกระทบกับการทำงานอดิเรก นั่งทำนานๆไม่ได้จะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อ
      - 7.1 ความรู้สึกต่อตนเองในด้านต่าง ๆ: คิดว่าตนเองเป็นคนจริงจัง ไม่ชอบรอ ไม่ชอบปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบอยู่เฉยๆ
    - - 8.1 บทบาทและหน้าที่พิเศษ
        
        หลังเกษียณอายุราชการ ทำงานจิตอาสาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา และเล่นดนตรีที่โรงพยาบาล 3 ครั้ง/เดือน ช่วงที่ไม่มีการระบาดของcovid-19 จะไปเล่นอังกะลุงที่ตึกอนุรักษ์
      - 8.2 สัมพันธภาพกับผู้อื่น
        
        สัมพันธภาพกับคนในครอบครัว ผู้สูงอายุคิดว่าตนเองเป็นที่พึ่งของครอบครัว ต้องคอยช่วยเหลือเจือจุนพี่น้อง
    - - 9.1 การมีเพศสัมพันธุ์: ผู้สูงอายุสถานภาพโสด
      - 9.2 ปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์: ปฏิเสธอาการผิดปกติ
      - 9.3 พฤติกรรมการแสดงออกที่เหมาะสมกับเพศ: เหมาะสม
      - ผลการตรวจร่างกายและซักประวัติระบบสืบพันธุ์
        
        จากการซักประวัติ พบว่า ผู้สูงอายุมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ปี ครั้งละ 5 วัน ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ หมดประจำเดือนเมื่ออายุ 51 ปี (ปี 2553)
        
        มีประวัตการผ่าตัดติ่งเนื้อที่หมดลูก เมื่อปี 2557
        
        ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า ไม่มีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น อาการคัน ตกขาวผิดปกติ เป็นต้น
        
        ปฏิเสธการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์
        
        ปฏิเสธประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์
    - - 10.1 ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด: กังวลเรื่องจะไม่คนดูแลเมื่ออายุมากขึ้น
      - 10.2 วิธีการเผชิญและแก้ไขความเครียด: ระบายความรู้สึกให้น้องสาวฟัง ไม่ทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อลดความเครียด เก็บตัง
      - 10.3 บุคคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ: เป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นมากกว่า ไม่ค่อยปรึกษาผู้อื่น
      - ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-๕)
        ผลการประเมิน คะแนนรวม 1 คะแนน แปลผลได้ว่า เครียดน้อย
    - - 11.1 การปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา: ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาไม่บ่อย ไม่เข้าวัดหากไม่มีบุคคลชวนเข้าวัดหรือชวนทำกิจกรรมในวัด มีการทำสมาธิเดินจงกรมที่บ้าน เข้าร่วมกิจกรรมเย็บผ้ากฐิน
      - 11.2 สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ : มีความเชื่อว่า ทำดีได้ดี
      - 11.3 ความเชื่อเกี่ยวกับทางด้านสุขภาพ: เชื่อว่าร่างกายมีความเจ็บป่วยจากธรรมชาติ
  - - - ชื่อ – สกุล : นายศิริชัย เบญจศิริวรร เพศ ชาย อายุ 64 ปี การศึกษา ประถมศึกษา
      - ภาวะสุขภาพ : ไม่มีโรคประจำตัว
      - ความสัมพันธ์กับผู้ป่วย : พี่ชาย
      - ระยะเวลาที่ดูแล (ตั้งแต่เริ่มดูแลถึงปัจจุบัน) : ดูแลเมื่อจำเป็น
      - ระยะเวลาที่ให้การดูแลต่อวันและกิจกรรม : ดูแลเมื่อจำเป็น รับส่งเมื่อไปโรงพยาบาล
      - สภาพผู้สูงอายุเมื่อเริ่มดูแล : สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี สามารถดูแลตนเองได้
- - - - ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อใช้ในการประเมิน BMI
        
        การควบคุมอาหารในผู้ที่ไขมันในเลือดสูง ได้แก่
        
        รับประทานอาหารครบส่วนทั้ง 5 หมู่
        
        หลีกเลี่ยงของทอด ผัดที่ใช้น้ำมัน รับประทานเป็นอาหารต้ม นึ่งซึ่งไม่ใช้น้ำมัน
        
        ถ้าใช้น้ำมันควรใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ดอกทานตะวัน มะกอก ข้าวโพด รำข้าว เมล็ดดอกคำฝอย ส่วนน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว ควรเลี่ยงเนื่องจากจะทำให้ LDL สูง
        
        งดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อติดมันและหนัง ถ้าจะรับประทานให้เอามันและหนังออกก่อน เครื่องในสัตว์ทุกชนิด ส่วนอาหารที่ควรหลีกลี่ยงหรือรับประทานนานๆครั้ง ได้แก่ อาหารทะเลพวกกุ้ง ปู ปลาหมึก ไข่แดง ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง เป็นต้น
        
        อาหารที่สามารถรับประทานได้เป็นประจำคือ เนื้อไม่ติดมันไม่ติดหนัง ไข่ขาว ปลา ถั่วและธัญพืชต่าง ๆ
        
        ควรรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำทุกมื้ออาหารเนื่องจากลดการดูดซึมไขมันจากอาหารอื่นเข้าสู่ร่างกาย เพิ่มกากใยในอุจจาระทำให้ท้องไม่ผูก
        
        แนะนำโปรแกรมออกกำลังกาย สร้างสุข 5 มิติ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งออกกำลังกายนาน 45 นาที มีเพลงประกอบการออกกำลังกาย จะดำเนินตามโปรแกรมดังนี้
        
        ระยะอบอุ่นร่างกาย (wamn-up phase) ใช้เพลงผ่อนคลาย smile meditation และเพลงใจใสโลกสวย เริ่มต้นด้วยการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆ โดยหายใจเข้าเปล่งเสียง "สุข" หายใจออกเปล่งเสียง "สบาย" ต่อด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อคอ ไหล่ เอวหน้าท้อง แขนและขา ใช้เวลา 7 นาที
        
        ระยะออกกำลังกาย (exercise phase) ใช้เวลา 30 นาที ใช้เพลงทำนองที่มีความสนุก ได้แก่ เพลงพรหมลิขิต ฟลอร์เฟื่องฟ้า เพลินเพลงแมมโบ้ ฝากใจฝัน สุขกันเถอะเรา ริมฝั่งน้ำ คู่กัด ชื่นชีวิต มาหัวเราะกันเถอะ ประกอบท่าออกกำลังกาย โดยยึดหลักสุขสบาย สุขสง่า สุขสว่าง สุขสงบ สุขสนุก มีการออกกำลังกายแขนร่วมกับการก้าวเท้า เป็นการฝึกการทำงานของสมอง ประสานความสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทกล้ามเนื้อ และใช้ท่าการหัวเราะบำบัดมาประยุกต์ใช้ในท่าออกกำลังกายร่วมด้วย
        
        ระยะผ่อนคลายกล้ามเนื้อ (cool down) ใช้เวลา 7 นาที ใช้เพลงและท่าเดียวกับในระยะอบอุ่นร่างกาย
        
        ดูแลให้รับประทานยาลดระดับไขมันในเลือดตามแผนการรักษา ได้แก่ - Rosuvastatin Sandoz 10 mg และติดตามผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องไส้ปั่นป่วน อ่อนแรง ปวดข้อ เป็นต้น
        
        แนะนำให้ติดตามระดับไขมันในเลือด
        
        ระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
        
        ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
        
        ระดับ LDL ในเลือด
        
        ระดับ HDL ในเลือด
  - - - S: ผู้สูงอายุให้ประวัติว่า “หลังการผ่าตัดมะเร็งเต้านม ผู้ป่วยมีการทำกิจวัตรประจำวัน และการรับประทานอาหารปกติ”
      - O : ผู้สูงอายุ เพศหญิง อายุ 62 ปี น้ำหนัก 62 กิโลกรัม สูง 164 เซนติเมตร BMI = 23 , ได้รับการผ่าตัดมะเร็งเต้านมระยะ 0 เมื่อปี พ.ศ. 2549, มารดามีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม
    - - สร้างสัมพันธภาพกับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการสร้างความผ่อนคลาย และให้ผู้สูงอายุเกิดความไว้วางใจ
        
        ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม และการดูแลหลังการได้รับการผ่าตัดมะเร็งเต้านม เพื่อเป็นแนวทางในการให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม
        
        สร้างความตระหนักในการดูแลตนเอง โดยการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม และความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม โดยอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยของการเกิดโรคร่วมกับการเปลี่ยนแปลงตามวัย อาการและอาการแสดง และการให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง ดังนี้
        1) แนะนำการบริหารไหล่ เนื่องจากผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมะเร็งเต้านมจะมีความสามารถในการบริหารไหล่ลดลง ซึ่งทำการบริหารได้โดยการงอแขน เหยียดแขน กางแขนออก ท่าหมุนแขนออก และท่าหมุนแขนเข้า โดยทำท่าละ 5-10 ครั้ง สัปดาห์ละ 3 ครั้ง บริหารครั้งละ 30 นาที
        2) ออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ ออกกำลังกายวันละ 30 นาที โดยเป็นกิจกรรมที่ผู้ป่วยสนใจ เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ หรือการเต้นแอโรบิกระดับปานกลาง เป็นต้น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการกดกระฃ
        แทกข้อต่างๆ เพื่อช่วยลดการเกิดภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน โดยภาวะอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
        3) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารประเภทผัก ผลไม้ รับประทานโปรตีนจากเนื้อปลา และอาหารที่มี ไขมันต่ำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่และไขมันสูงโดย เฉพาะไขมันที่อิ่มตัว เช่น ไขมันสัตว์ เนื้อติดมันและหนัง
        4) ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
        5) งดการสูบบุหรี่และดื่มสุรา หรือการใช้สารเสพติด
        
        แนะนำการตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจแบบ Triple Touch (แผนการดูแลสุขภาพเต้านม 3 ประการ) คือ
        
        การสังเกตความผิดปกติด้วย 3 ท่า
        
        การกดด้วยปลายนิ้ว 3 นิ้ว
        
        การกด 3 ระดับ
        มีขั้นตอนดังนี้
        1) ดูด้วยตา (Look for Change)
        - การยืนส่องกระจก และปล่อยแขนด้านลำตัวตามสบาย เพื่อสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของเต้านมทั้ง 2 ข้าง และการเปลี่ยนสีของหัวนม หรือการไหลของสารคัดหลั่งจากหัวนม - ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อสังเกตความผิดปกติของด้านหน้าและด้านข้างของเต้านม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง รอยผื่นแดง รอยยุบหรือรอยบุ๋ม ลักษณะหัวนม - นำมือเท้าเอว เกร็งหน้าอก โค้งตัวมาข้างหน้า เพื่อสังเกตความผิดปกติของเต้านม ได้แก่ รูปทรงของเต้านม ความหย่อนของเต้านม หัวนมผิดรูป
        
        การคลำด้วยมือ (Feel for Change)
        2.1 นอนหงายในท่าสบาย 2.2 สอดผ้าขนหนูม้วนใต้ไหล่ข้างที่จะตรวจ โดยให้แขนตั้งฉากกับไหล่ 2.3 ใช้กึ่งกลางนิ้วส่วนบน 3 นิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง) กดเป็นวงกลมขนาดเท่าเหรียญสิบบาท แล้วเคลื่อนนิ้วให้ทั่วบริเวณเต้านมโดยไม่ยกนิ้ว โดยกด 3 ระดับ คือ เบา กลาง หนัก คลำจากบริเวณใต้ราวนมจนถึงกระดูกไหปลาร้าในแนวขึ้นลงจนทั่วบริเวณเต้านมถึงบริเวณใต้ท้องแขน โดยใช้วิธีเคลื่อนนิ้วเช่นกัน
        
        เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ซักถามข้อสงสัยเพิ่มเติม
  - - - S : ผู้ป่วยบอกว่า “เวลาไม่มีสติ หลังอาบน้ำตอนเช้าเสร็จก็หยิบชุดนอนเมื่อคืนมาใส่อีกครั้ง” “ เวลาใส่ถุงเท้า แล้วถุงเท้าอยู่กับรองเท้า หยิบถุงเท้ามาใส่แล้วก็ใส่รองเท้าด้วยทั้งๆที่จะใส่แค่ถุงเท้า” :
      - O : -
    - - เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการหลงลืม โดยจากการซักประวัติผู้ป่วยบอกว่า “เวลาไม่มีสติ หลังจากอาบน้ำตอนเช้าเสร็จก็หยิบชุดนอนเมื่อคืนมาใส่อีกครั้ง” และ “ เวลาใส่ถุงเท้า แล้วถุงเท้าอยู่กับรองเท้า หยิบถุงเท้ามาใส่แล้วก็ใส่รองเท้าด้วยทั้งๆที่จะใส่แค่ถุงเท้า” ร่วมกับผู้ป่วยอายุ 62 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงวัยตอนต้น ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงตามวัยในผู้สูงอายุโดยในระบบประสาทของผู้สูงอายุนั้น การไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะลดน้อยลง เซลล์สมองและเซลล์ประสาทจะมีจำนวนลดลง การทำหน้าที่ของระบบประสาทที่ลดลง ความเร็วในการส่งสัญญาณประสาท(Conduction velocity) ช้าลง ส่งผลทำให้รีเฟล็กซ์และการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้ช้าลง และจากทฤษฎีการสูงวัย ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and tear theory) ได้อธิบายว่า เมื่ออายุมากขึ้นเซลล์ก็จะเสื่อมลง ตาย และไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก ทำให้การทำงานของอวัยวะเหล่านี้ลดลง ได้แก่ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์กล้ามเนื้อลาย และเซลล์ประสาท ซึ่งภาวะสมองเสื่อมเกิดจากการกระบวนการฝ่อตัวของเซลล์สมองซึ่งเป็นไปตามกระบวนการชราและผลจากการฝ่อตัวทำให้เซลล์สมองเริ่มมีการสูญเสียหน้าที่ไปอย่างช้าๆผู้ป่วยจึงเกิดอาการหลงลืม ซึ่งอาจเป็นระยะเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อมแหละหากไม่ได้รับการส่งเสริมสุขภาพที่เหมาะสมอาจพัฒนาไปเป็นภาวะสมองเสื่อมระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นภาวะที่ระดับความรู้คิดจะสูญเสียอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะไม่สามารถจำเหตุการณ์ใด ๆ ได้ แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายต่อผู้สูงอายุจึงจำเป็นที่จะต้องให้การพยาบาลที่เหมาะสม
    - - ทำแบบประเมิน Mini- Mental State Examination : Thai version (MMSE-Thai 2002) ได้คะแนน > 14 คะแนน
      - ไม่มีอาการของภาวะสมองเสื่อมเบื้องต้น ได้แก่ หลงลืม ลืมของบ่อย จำชื่อของใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ ลืมเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น
      - สมารถบอกวิธิบริหารสมองได้ถูกต้อง
    - - ประเมินการรับรู้ ความทรงจำปัจจุบันโดยสอบถามเกี่ยวกับความทรงจำปัจจุบัน เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ ที่อยู่ปัจจุบัน เป็นต้น
        
        ประเมินสภาพสมองเบื้องต้นโอยใช้แบบประเมิน Mini- Mental State Examination : Thai version (MMSE-Thai 2002)
        
        ประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้สูงอายุเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อม
        
        ให้ความรู้กับผู้สูงอายุเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ (งานวิจัย เรื่อง การศึกษาภาวะสมองเสื่อม ความรู้เรื่องโรคและการป้องกันโรคสมองเสื่อมและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ จากวารสารพยาบาลตำรวจ)
        
        แนะนำให้ออกกำลังกายตามสภาพของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ แนะนำเล่นเกมฝึกสมอง หรือใช้แอพพิเคชั่น เพื่อป้องกันสมองเสื่อม
        
        แนะนำรับประทาน นมถั่วเหลือง เต้าหู้ ปลาทู ปลาอินทรีย์ ปลาสำลี ปลากะพงขาว ผักใบเขียวและผลไม้หลากสี ผลไม้รสเปรี้ยว เป็นต้น และควรดื่มอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อบำรุงสมอง
        
        แนะนำหลีกเลี่ยง อาหารกลุ่มไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ ได้แก่ มันหมู มันไก่ เนย เนยเทียม ครีมเทียม อาหารกลุ่มไขมันอิ่มตัวจากพืช ได้แก่ กะทิ, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันมะพร้าว อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาทิ ขนมหวาน หรือเครื่องดื่มต่างๆ เพราะความหวานจะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำให้เซลล์ประสาทที่เชื่อมต่อไปสมองเกิดความเสียหาย หรือทำงานได้ไม่ดี ซึ่งอาจส่งผลต่อสมองในที่สุด
        
        เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุซักถามข้อสงสัย
        
        แนะนำ การจัดตารางกิจวัตรประจำวัน ,ทำสมุดจดบันทึก เพื่อลดอาการหลงลืม
        
        แนะนำการบริหารสมอง เช่น โยคะมือ, การบริหารฝึก 2 มือด้วยการวาดภาพ, เกมส์ฝึกสมอง
    - - ทำแบบประเมิน Mini- Mental State Examination : Thai version (MMSE-Thai 2002)
    - - ทำแบบประเมิน Mini- Mental State Examination : Thai version (MMSE-Thai 2002) ได้คะแนน 30คะแนน แปลผลได้ว่า ไม่มีภาวะสองเสื่อม
      - ผู้ป่วยไม่มีอาการของภาวะสมองเสื่อมเบื้องต้น ได้แก่ หลงลืม ลืมของบ่อย จำชื่อของใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ ลืมเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น
      - ผู้ป่วยสามารถบอกวิธิบริหารสมองได้ อย่างถูกต้อง