Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case 1 ผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี น้ําหนัก 40 กิโลกรัม ส่วนสูง 142…
Case 1
ผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี น้ําหนัก 40 กิโลกรัม ส่วนสูง 142 เซนติเมตร เด็กได้รับการตรวจร่างกาย และตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าเป็น Thalassemia ตั้งแต่อายุ 12 เดือน และมารักษาที่โรงพยาบาล มหาราช อย่างต่อเนื่อง
ความหมายหรือความรู้เรื่องโรค พยาธิสรีรภาพและการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
ความหมาย
ธาลัสซีเมียเป็นความผิดปกติท่ีถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบยีนด้อย (Autosomal recessive) ที่มีการลดการสร้างสายโกลบินสายใดสายหนึ่งหรือสร้างไม่ได้เลย มีผลทำให้ปริมาณและชนิดของโกลบินผิดไปจากเดิม
สาเหตุ
เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างเส้นโพลีเพปไทด์ที่ประกอบกัน เป็นฮีโมโกลบิน ยีนที่ผิดปกตินี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบถ่ายทอดลักษณะยีนด้อย (Autosomal recessive) เด็กที่เป็นโรคธาลัสซีเมียจะมียีนที่ผิดปกติ 2 ยีน โดยได้รับยีนที่ผิดปกตินั้นจากบิดาและมารดา เรียกว่า Homozygote ซึ่งจะแสดงอาการของโรคธาลัสซีเมีย ส่วนเด็กที่มียีนผิดปกติแค่ 1 ตัว เรียกว่า Heterozygote หรือ Trait จะไม่ แสดงอาการของโรค แต่จะเป็นพาหะธาลัสซีเมีย
พยาธิสภาพ
โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในเม็ดเลือดแดง โดยเป็นตัวนำออกซิเจนจากปอดไปยังอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายและนำคาร์บอนไดออกไซด์ มาส่งที่ปอด ผู้ป่วยธาลัสซีเมียมียีนโกลบิน (Globin) ที่ผิดปกติ ซึ่งโกลบินเป็นส่วนประกอบที่สกตัญญูของฮีโมโกลบิน ฮีโมโกลบิน 1 อณูจะมีสายโกลบินที่เหมือนกัน 2 คู่ เช่น Hb A จะมีแอลฟา 2 เส้น เบต้า 2 เส้น เป็นต้น จะเรียก ชนิดของธาลัสซีเมียตามการบกพร่องของการสังเคราะห์โกลบิน ถ้าการสร้างแอลฟาลดลง เรียกแอลฟา-ธาลัสซีเมีย เป็นต้น ผลการสร้างโกลบินชนิดใดชนิดหนึ่งลดลง ทำให้การสร้างอีกชนิดหนึ่งมากขึ้น โกลบินที่สร้างเกินจะตกตะกอนในเม็ดเลือด ทำให้ผนังเม็ดเลือดแดงแข็งตัว (Rigidity) เสียความยืดหยุ่น เม็ดเลือดแดงจึงเกิดพยาธิสภาพ มักจะถูกม้ามจับทำลาย ผู้ป่วยที่เป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียมีอาการโลหิตจางมาแต่กำเนิดและตาเหลือง ร่างกายจะพยายามสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ทำให้รูปร่างกระดูกเปลี่ยนแปลง มี Thalassemia face ตับม้ามโต ร่างกาย แคระแกรน และการที่เม็ดเลือดแดงแตกง่ายทำให้เกิดภาวะเหล็กเกิน เหล็กจะไปเกาะตามอวัยวะสำคัญต่างๆของรีางกาย ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ชนิดและอาการ
Alpha-thalassemia syndrome ได้แก่
1.1 Homozygous α-thalassemia 1 หรือ Hemoglobin Bart’s hydrops fetalis มีความรุนแรง มากที่สุด ทารกจะเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอด ปัญหาที่พบในแม่ระหว่างตั้งครรภ์ คือ ความดันโลหิต สูง บวม และครรภ์เป็นพิษ
1.2 Hemoglobin H disease ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อยถึงปานกลาง ได้แก่ อาการซีด เหลือง พบตับม้ามโตเล็กน้อย แต่ถ้ามีไข้สูง จะมีภาวะซีดลงอย่างรวดเร็ว
Beta–thalassemia syndrome ได้แก่
2.1 β–thalassemia major หรือ Homozygous β-Thalassemia disease มีอาการรุนแรงมาก
ผู้ป่วยเริ่มมีอาการซีดภายในอายุ 2 ปี อาการอื่นๆ ที่พบได้ คือ ตับ ม้ามโต รูปโครงสร้างใบหน้าเปลี่ยน (thalassemia face) การเจริญเติบโตไม่สมอายุ หากไม่ได้รับเลือดจะมีอาการซีดมาก และหัวใจล้มเหลว
2.2 β–thalasemia/Hb E disease อาการทางคลินิกพบได้ 3 แบบ ได้แก่ อาการรุนแรงมาก ปาน กลาง และน้อย
ในกรณีศึกษาคิดว่าเป็นชนิดเบต้า
แบบผสมผสาน ได้แก่
3.1 Hb A-E-Bart’s
3.3 Hb E-F-Bart’s
3.4 β–thalassemia/ Hb E disease
อาการและอาการแสดง
Chronic hemolytic anemia มีอาการซีด เหลือง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ตับ ม้ามโต ปัสสาวะสีเข้ม
Thalassemia face เป็นผลจากโพรงกระดูกขยายตัวเนื่องจากสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะขยายตัว
มากในกระดูกแบนทำให้รูปร่างหน้าตาผิดปกติมีสันจมูกแบนโหนกแก้มสูงกระดูกแก้มคางและขากรรไกรกว้างใหญ่ ฟันเหยินและเรียงตัวไม่เรียบ กระดูกกะโหลกศีรษะโหนกยื่นเป็นตอนๆ มักพบที่กระดูก Frontal และ Occipital
การเจริญเติบโตช้า ตัวเตี้ยเล็ก น้าหนักตัวน้อย
การพัฒนาทางเพศขั้นที่สอง (Secondary sexual development) ล่าช้ากว่าปกติ เนื่องจากเหล็กจับที่ต่อมไร้ท่อ ทำให้เกิด Primary gonadal defect และ Secondary pituitary defect
Hemochromatosis ที่ผิวหนัง ผิวหนังมีสีเทาอมเขียว และจะมีสีคล้ำง่ายเมื่อถูกแดด เพาะมีเมลานินเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่หัวใจ มีหัวใจโต เหนื่อยง่าย เกิดจากการซีดและมีเหล็กจับที่กล้ามเนื้อหัวใจ
การเปลี่ยนแปลงของกระดูก เป็นผลจากไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดเพิ่มมากขึ้น ทำให้โครงกระดูกขยายกว้างออกไป กระดูกหักง่ายมี Osteoporosis
Hemolytic crisis พบได้บ่อย เด็กป่วยจะมีอาการซีดรวดเร็ว และรุนแรงเป็นครั้งคราว มักจะพบว่ามี โรคติดเชื้อนำมาก่อน
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกมาก ได้แก่
1.1 ทำให้เกิดการสลายของ Heme กลายเป็น Indirect bilirubin ทาให้มีอาการเหลือง
1.2 บิลิรูบินตกตะกอนเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
1.3 หัวใจทำงานหนักเกิดภาวะหัวใจโต
1.4 ไขกระดกู ขยายเพื่อสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระดูกชิ้นแบน ซึ่งทำให้ใบหน้าเปลี่ยน เรียกว่า หน้าธาลัสซีเมีย กะโหลกศีรษะปูดออกเป็นลอนๆ
1.5 มีการสร้างเม็ดเลือดนอกไขกระดูกที่ม้ามและตับ ทำให้ตับและม้ามโต ถ้าม้ามโตมากจะเกิดการ
ทำงานมากกว่าปกติ เรียกภาวะ Hypersplenism ทำให้ม้ามทำลายเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น เกิดภาวะซีดมากและเร็วขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนจากภาวะเหล็กเกิน
ผู้ป่วยธาลัสซีเมียกลุ่มที่มีอาการรุนแรง ต้องได้รับเลือดบ่อยครั้ง ทำให้ได้รับเหล็กมากจากเลือดที่ให้ นอกจากนั้นร่างกายยังได้รับเหล็กจาก Heme ซึ่งเกิดจากการสลายเม็ดเลือดแดง และมีการดูดซึมเหล็กจากลาไส้ เพิ่มขึ้นเมื่อไขกระดูกมีการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ธาตุเหล็กที่มีปริมาณมากเกินจะสะสมในอวัยวะต่างๆ เช่น ที่ กล้ามเนื้อหัวใจ ตับ ตับอ่อน ม้าม และต่อมไร้ท่ออื่นๆ ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆบกพร่อง เกิดอาการ ดังนี้
2.1 ภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจพิการ (Cardiomyopathy) เนื่องจากมีเหล็กสะสมในกล้ามเนื้อหัวใจ
2.2 ผิวหนังมีสีดำคล้ำ
2.3 เป็นเบาหวาน เนื่องจากการทำงานของตับอ่อนบกพร่อง
2.4 มีการติดเชื้อง่ายเนื่องจากแบคทีเรียบางชนิดสามารถนำเหล็กไปใช้ในการแบ่งตัว ทำให้เกิดการติด
เชื้อรุนแรง นอกจากผู้ป่วยป่วยที่ตัดม้ามแล้วยังมีการติดเชื้อง่าย เนื่องจากม้ามเป็นแหล่งสร้าง Lymphocyte และ Macrophage
ข้อมูลสภาวะสุขภาพ (Health Assessment)
การซักประวัติ
ประวัติซีดเรื้อรัง
ประวัติโรคธาลัศซีเมียในครอบครัว
การตรวจร่างกาย
ตับ ม้ามโต
ตัวเหลือง
อาการซีด
ใบหน้าธาลัสซีเมีย
กระดูกหน้านูน
หน้าผากสูง
โหนกแก้มยื่น
ตาเฉียง
ดั้งจมูกแบน
กรามบนและกรามล่างหนาตัว
ฟันยื่น
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
omplete blood count;CBC) พบว่าซีด ค่าดัชนี เม็ดเลือดแดง (MCV, MCH) มีค่า ต่ากว่าปกติ เม็ดเลือดแดงบนสเมียร์เลือดมีลักษณะติดสีจาง (Hypochromia) ขนาดเล็ก (Microcytosis) และ รูปร่างผิดปกติ (Poikilocytosis)
การตรวจ Hb H inclusion body โดยการ incubate เม็ดเลือดแดงด้วยสีย้อม Brilliant cresyl blue หรือ New methylene blue จะเห็นเป็นจุดตะกอนกระจายอยู่ในเม็ดเลือดแดง ทาให้เห็นเม็ดเลือดแดงมี ลักษณะคล้ายลูกกอล์ฟ ให้ผลบวกในโรค Hb H disease
การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน (Hb typing, hemoglobin analysis) เป็นการตรวจยืนยัน (Definite diagnosis) เพื่อจาแนกชนิดของโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียและฮีโมโกลบินผิดปกติให้แน่นอน ควรส่งตรวจชนิดของ ฮีโมโกลบินก่อนให้เลือดครั้งแรกหรืออย่างน้อย 3 เดือนหลังจากให้เลือดครั้งสุดท้ายเพื่อการแปลผลที่ถูกต้อง
การตรวจ PCR((Polymerase Chain Reaction)
เป็นการตรวจสารพนัธุกรรม (DNA) สาหรับแอลฟ่า สามารถตรวจหาพาหะชนิดแอลฟ่า-ธาลylซีเมีย 1 และ แอลฟ่า-ธาลัสซีเมีย 2
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะ moderate anemia
เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกง่าย
ข้อมูลสนับสนุน
Dx.Thalassemia
Capillary refill > 2sec
หน้าซีด ริมฝีปาก เยื่อบุตาซีด
มีอาการอ่อนเพลีย
Hb =9 g/dl
พบ Serum ferritin 2300 มก./ดล.
เป้าหมายการพยาบาล : มีอาการข้างเคียงจากภาวะซีดลดลง
เกณฑ์การประเมินผล :
ไม่มีอาการแสดงของภาวะซีด ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ตัวซีด
Hb=14-18 g/dl
HCT=37-47%
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมิน Vital sign ทุก 4 ชั่วโมงและประเมินค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด เพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษา คือ
Lasix 30mg v ก่อนให้เลือด เพื้อป้องกันภาวะน้ำเกิน
CPM 1 tab oral ก่อนให้เลือด เพื่อป้องกันการแพ้เลือด
ดูแลให้ได้รับเลือดตามแผนการรักษา คือ PRC v drip 600 ml in 4hr และประเมินอาการหลังให้เลือด
ดูแลให้พักผ่อนและกำหนดกิจกรรมที่จำเป็นที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ เพื่อลดความต้องการในการใช้ออกซิเจนในร่างกาย
ให้ได้รับ Folic acid 5 mg 1 tab oral ODตามแผนการรักษาเพื่อเพิ่มเม็ดเลือดแดง
เฝ้าระวังอาการและอาการแสดงของภาวะซีด
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ CBC เพื่อประเมินภาวะซีด
มีภาวะเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจนจากตัวนำออกซิเจนลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
Dx.Thalassemia
Capillary refill > 2sec
หน้าซีด ริมฝีปาก เยื่อบุตาซีด
มีอาการอ่อนเพลีย
Hb =9 g/dl
เป้าหมายการพยาบาล : เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนได้เพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล :
ไม่มีอาการแสดงของภาวะซีด ได้แก่ อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย ตัวซีด
Hb=14-18 g/dl
HCT=37-47%
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน ประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร สีของเล็บ ปลายมือปลายเท้า เยื่อบุผิวหนัง ลักษณะการซีด เขียว เพื่อประเมินอาการพร่องออกซิเจน
จัดท่านอนศีรษะสูงเพราะทำให้กระบังลมเคลื่อนต่ำลงปอดขยายตัวได้เต็มที่เพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซมากขึ้น
ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียง เพราะการพักผ่อนบนเตียงจะช่วยลดการใช้ออกซิเจนในการทำกิจกรรม ทำให้อาการเหนื่อยอ่อนเพลียลดลง
Vital sign ทุก 4 ชม เพราะการประเมินสัญญาณชีพจะช่วยให้ทราบความรุนแรงของภาวะพร่องออกซิเจน
ประเมิน O2 saturation ทุก 4 ชม เพราะเป็นการวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
ติดตามผล lab Hb, Hct เพราะเป็นค่าท่ีแสดงถึงความเข้มข้นของเลือดในร่างกาย
ส่งเสริมให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมีย
ข้อมูลสนับสนุน
Dx.Thalassemia
เป้าหมายทางการพยาบาล : ผู้ป่วยมีความรู้ในการดูแลตัวเอง
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยเข้าใจและปฏิบัติตัวดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม
กิจกรรมการพยาบาล
ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติ ดังนี้
ด้านโภชนาการ
1.1 งดรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ เลือด น้ำเต้าหู้เพราะผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียมีการดูดซึมธาตุเหล็กสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดม้าม
1.2 แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่นอาหารนม ปลากรอบ เนื่องจากผู้ป่วยธาลัสซีเมียมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้พร่องแคลเซียม
1.3 เเนะนำให้รับประทานผลไม้ที่มีวิตตามินซีเนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะธาตุเหล็กเกินทำให้วิตามินซีถูกออกซิไดส์เพิ่มขึ้น อาจเกิดการพร่องวิตามินซี
ด้านการออกกำลังกาย แนะนำและส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ให้กำลังใจและสนับสนุนให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมและกีฬาที่ตนเองสนใจและถนัดตามความเหมาะสมของร่างกาย
ช่วยเหลือผู้ปกครองในการอธิบายกับทางโรงเรียนหรือขอใบรับรองแพทย์เพื่อให้ทางโรงเรียนทราบเมื่อทำกิจกรรมต่างๆควรให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมได้และหยุดพักถ้าเด็กรู้สึกเหนื่อย
ให้คำแนะนำผู้ปกครองหากต้องพาผู้ป่วยไปรักษาทันตกรรม ควรปรึกษาทันตะแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมเนื่องจากผู้ป่วยธาลัสซีเมียอาจมีการขยายของกระดูกใบหน้าและขากรรไกร
ให้กำลังใจผู้ป่วยและครอบครัวให้สามารถอยู่กับโรคนี้ได้ และดูแลรักษาตนเองให้ได้ผลดี มีการติดตามการรักษาสม่ำเสมอ
มีภาวะเหล็กคั่งในร่างกาย เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกง่ายและได้รับเลือดบ่อย
ข้อมูลสนับสนุน
Serum fereritin 2300 มก./ดล.
รับเลือดทุก 1-2 เดือน
เป้าหมายการพยาบาล : ภาวะเหล็กคั่งในร่างกายลดลง
เกณฑ์การประเมินผล
Serum fereritin < 1000 มก./ดล.
อาการและอาการแสดงภาวะเหล็กเกิน เช่น ปวดบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะข้อนิ้ว รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย อ่อนแรง ขนตามร่างกายหลุดร่วง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ผิวหนังมีสีคล้ำหรือสีเทา
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลการให้ยาขับเหล็ก Desferal 1000 mg + 5% D/NSS/2 200 ml v drip in 24 hr x 7 days
ติดตามผลแลปทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะค่า Serum fereritin
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชม .
สังเกตอาการและอาการแสดงภาวะธาตุเหล็กในร่างกายสูง เช่น
ปวดบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะข้อนิ้ว รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย อ่อนแรง ขนตามร่างกายหลุดร่วง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ผิวหนังมีสีคล้ำหรือสีเทา เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มี ธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากเลือด หอยชนิดต่าง ๆ เมล็ดฟักทอง งาดำ งาขาว ดาร์กช็อกโกแลต เพื่อป้องกันธาตุเหล็กในร่างกายสูง
ไม่ควรซื้อยาหรืออาหารเสริมด้วยตนเองเนื่องจากยาบางชนิดมีธาตุเหล็กเป็นส่วนผสมผู้ป่วยอาจได้รับธาตุเหล็กเพิ่ม
มีโอกาสเกิดภาวะเเทกซ้อนจากการได้รับเลือด
ข้อมูลสนับสนุน
แพทย์มีแผนการรักษาให้ PRC V drip 600 ml in 4 hr
ผู้ป่วยต้องมาตรวจตามนัดเพื่อรับเลือดทุก 1-2 เดือน
เป้าหมายทางการพยาบาล : ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ
เกณฑ์การประเมิน
V/S อยู่ในเกณฑ์ ปกติ คือ BT 36.5-37.5 องศาเซลเซียส , PR 60-100 bpm , RR 12-20 bpm , BP 90/60- 140/90 mmHg
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับเลือด เช่น มีผื่นคัน แน่น V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
ก่อนการขอ/จองเลือด
-ให้ตรวจสอบและทบทวน Order ร่วมกับแพทย์ขณะตาม Round อีกครั้งถึงชนิดและจํานวนที่ให้เพื่อจองเลือด ตรวจสอบความถูกต้องของถุงเลือดและใบคล้องเลือดให้ตรงกันทุกจุด รวมทั้งวันหมดอายุและลักษณะกับพยาบาล 2 คน
นําเลือดนําผ้ามาห่อและวางไว้ให้อยู่ระดับอูณหภูมิห้อง ไม่เกิน 30 นาที
คลื่นไส้อาเจียนแจ้งให้ผู้ป่วยและญาติทราบถึงการปฎิบัติตัว วัตถุประสงค์และอาการข้างเคียง - วัดสัญญาณชีพเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานไม่ควรเกิน 60 นาที - ดูแลให้ได้รับยา Cpm (chlorpheniramine maleate) 1 tab oral ก่อนให้เลือด 30 นาที
ขั้นตอนการให้เลือด
ตรวจสอบความถูกต้องของผู้ป่วย โดยระบุให้ตรงกัน โดยจะถามชื่อจากผู้ป่วยและคอนเฟิร์มกับญาติรวมถึงตรวจสอบ ป้ายข้อมือ ตรวจสอบชื่อสกุล HN ของผู้ป่วย
สอบถามกลุ่มเลือดขอผู้ป่วย ปรับอัตราการไหล PCR v drip 600 ml in 4 hr อัตรการไหลอยู่ที่ 150 cc/hr ผ่านเครื่อง Infilltion pump - ประเมินและติดตามสัญญาณชีพ ทันทีหลังให้ 15นาที x 4ครั้ง 30นาที x 2 ครั้ง 1 ชั่วโมงจนกว่าเลือดจะหมด ร่วมกับ ติดตามอาการแสดงที่บ่งบอกถึงภาวะผิดปกติ เช่น มีผื่น หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก หากมีอาการผิดปกติหยุดการให้ เลือดและรายงานแพทย์ทันที
หลังให้เลือด
หลังจากให้เลือดประเมินสัญญาณชีพและติดตามอาการแสดง
ติดตามระดับ HCT ซ้ำ
มีโอกาสกระดูกหักง่าย เนื่องจากไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นทําให้กระดูกขยาย
ข้อมูลสนับสนุน
S/P splenectomy
Dx. Thalassemia
เป้าหมายทางการพยาบาล : ผู้ป่วยไม่มีภาวะกระดูกหัก
เกณฑ์การประเมิน :
ไม่มีภาวะกระดูกหัก
ค่าความหนาแน่นของกระดูก (Bone densitometry) - ค่า T-score มากกว่า - 1
ข้อมูลที่ต้องการทราบเพิ่มเติม : การตรวจ bone marrow ประวัติการได้รับอุบัติเหตุ หรือการได้รับแรงกระแทก
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของเด็ก การมีกระดูกไม่แข็งแรง การซักประวัติผู้เลี้ยงดูเกี่ยวกับการได้รับอุบัติเหตุ เพื่อประเมินอาการและความเสี่ยงของภาวะกระดูกหัก
ให้ข้อมูล และแนะนําผู้เลี้ยงดูให้ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เด็กออกกําลังกายที้หนัก ลดแรงกระแทกที่อาจทําให้เกิดกระดูกหักได้
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา และมาติดตามอาการตามแพทย์นัด เพื่อประเมินอาการและความผิดปกติของโรค และ ประเมินความเสี่ยงการเกิดกระดูกหัก
แนะนําให้เด็กได้รับประทานอาหารทสนมีโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ถั่วธัญพืช และอาหารที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม และ วิตามินดีสูง เพื่อป้องกันภาวะกระดูกหัก เช่น นม ใบตําลึง ผักกวางตุ้ง ส้มเขียวหวาน มะขาม
เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากระบบภูมิต้านทานลดลงหลังการผ่าตัดม้าม
ข้อมูลสนับสนุน
Neutrophil = 31%
S / P splenectomy
เป้าหมายทางการพยาบาล: ไม่มีภาวะติดเชื้อ
เกณฑ์การประเมิน
V / S ไม่บ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อคือ
Bt 36.5-37.5 องศาเซลเซียส, PR 60-100 bpm, RR 12-20 bpm, BP 140 / 90 และ 90/60 mmHg
ไม่มีอาการของภาวะติดเชื้อที่ระบบต่างๆเช่นระบบหายใจ เช่น ไอมีไข้ระบบปัสสาวะเช่นปัสสาวะแสบขัด
ค่าแลปไม่บ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อ
WBC 4.5-13.5 x 10 ^ 3 มม ^ 3
Neutrophils 54-62%
lympphocytes 25-33
Monocytes 3-7%
Basophil 0-0.75%
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลความสะอาดของสิ่งแวดล้อมและข้าวของเครื่องใช้ให้สะอาดเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
แนะนำและสอนการล้างมือก่อนหลังการรับประทานอาหารและเข้าห้องน้ำเพื่อลดการนำเชื้อเข้าร่างกาย
แนะนำการได้รับวัคซีนให้ครบโดยครั้งต่อไปที่จะได้รับอยู่ในช่วง 11-12 ปีคือ td และ HPV
แนะนำการรับประทานอาหารที่สะอาดไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ
แนะนำและสอนการทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังขับถ่ายจากหน้าไปหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
แนะนำการใส่หน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดเพื่อลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ
ประเมินสัญญาณชีพเพื่อประเมินภาวะติดเชื้อรวมทั้งให้คำแนะนำผู้ปกครองในการสังเกตอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นบ่งบอกภาวะติดเชื้อได้
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น WBC
วิตกกังวลเนื่องจากมีภาพลักษณ์เปลี่ยนแปลง
ข้อมูลสนับสนุน
Dx: Known case Thalassemia
เป้าหมายทางการพยาบาล :
เพื่อให้ผู้ป่วยและมารดาบิดายอมรับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปและมีทัศนคติที่ดีต่อการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยและมารดาบิดาเข้าใจให้ความร่วมมือในการดูแลปรับเปลี่ยนทัศนคติและยอมรับการเปลี่ยนแปลง
กิจกรรมการพยาบาล
พยาบาลเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมกลุ่มช่วยเหลือตนเอง (Self-help group) ที่เป็นการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีประสบการณ์การเจ็บป่วยที่คล้ายคลึงกันทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันแลกเปลี่ยนวิธีการจัดการกับปัญหาเป็นการลดแรงตึงเครียดที่เกิดขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจถือเป็นการเสริมพลังอำนาจทางด้านอารมณ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งซึ่งนำไปสู่การปรับตัวเข้ากับสังคมได้อย่างเป็นสุขตามศักยภา
ผู้ปกครองเพื่อนและบุคลากรด้านสุขภาพจะต้องให้การยอมรับเข้าใจในศักยภาพการปฏิบัติตัวของโรคธาลัสซีเมียและครอบครัวรวมถึงเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนร่วมในการรักษาอีกทั้งควรกล่าวยกย่องชมเชยเมื่อมีพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อให้เด็กที่เจ็บป่วยเกิดความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
สนับสนุนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเหมาะสมแก่เด็กโรคธาลัสซีเมียทั้งข้อมูลทางด้านการดูแลสุขภาพและการเรียนการสอนเพื่อที่จะสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคและปรับตัวให้เข้ากับการทำกิจกรรมในโรงเรียนโดยใช้กลวิธีในการให้ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายเช่นการสอนด้วยตัวพยาบาลเองการใช้คู่มือวิดีทัศน์สื่อออนไลน์การสนทนากลุ่มหรือการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยช่องทางการสื่อสารเหล่านี้จะสามารถช่วยลดความวิตกกังวลของเด็กโรคธาลัสซีเมียและกล้าที่จะขอคำปรึกษาจากพยาบาล
สนับสนุนทางสังคมจากครอบครัวเพื่อนรวมถึงบุคลากรด้านสุขภาพจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการดูแลทำให้ผู้ดูแลรับรู้ภาระในการดูแลเด็กโรคธาลัสซีเมียลดลงเนื่องจากการสนับสนุนทางสังคมเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อความสามารถในการดูแลผู้ป่วยทำให้ผู้ดูแลเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองในการเผชิญกับปัญหาและให้การดูแลได้อย่างประสิทธิภาพ
ความรู้เพิ่มเติม
RE system ( reticuloendothelial system)
เป็นระบบที่ประกอบด้วย lymphocyte, plasma cell, macrophage , monocyte และ histiocyte เป็นเซลล์ประเภทที่อยู่กับที่ และเซลล์ไหลเวียน โดยไปอยู่ในร่างกายในส่วนที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่ phagocytosis สร้างภูมิคุ้มกัน สร้างเม็ดเลือดและทำหน้าที่เกี่ยวกับเมตะบอลิสม หลายอย่างในร่างกาย
พบในตับ ม้าม
ถ้ามีการสูญเสียสมรรถภาพของระบบ reticuloendothelial ร่วมกับความผิดปกติในเมตะบอลิสม จะต้องนำมาประเมินค่าการสูญเสียตามหลักการการประเมินการสูญเสียสมรรถภาพของโลหิตจางความ ผิดปกติของเม็ดเลือดขาวและ/หรือความผิดปกติของเกร็ดเลือดร่วมด้วย
แนวทางการวินิจฉัยพาหะของโรคธาลัสซีเมีย
การตรวจคัดกรองพาหะ (screening test) ของโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียและฮีโมโกลบินผิดปกติ มี จุดประสงค์เพื่อค้นหาผู้ที่เป็นพาหะของ ß-thalassemia, α-thal 1 และ Hb E เพื่อควบคุมและป้องกันโรค เป้าหมาย 3 โรค ได้แก่ Homozygous ß-thalassemia, ß-thalassemia/Hb E และ Hb Bart’s hydrops fetalis ถ้าได้ผลบวกจากการตรวจกรองต้องทาการตรวจยืนยัน (confirmation test) โดยวิธีมาตรฐาน มี 4 วิธี ดังนี้
1.ดัชนีเม็ดเลือดแดง (Red cell indices) ประกอบด้วย MCV (Mean cell volume) และ MCH (Mean cell hemoglobin) เป็นค่าที่ได้จากการตรวจวัดโดยเครื่องวิเคราะห์เม็ดเลือดอัตโนมัติ ในผู้ใหญ่ค่า MCV <80 fL และหรือ MCH <27 pg พบในพาหะของ ß-thalassemia หรือ α-thal 1 สาหรับในเด็กเนื่องจากค่าปกติ ทางโลหิตวิทยาแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ที่เป็นพาหะโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย จะมีค่าดัชนีเม็ดเลือดแดงต่ากว่า 2 เท่า ของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (-2 SD)
การทดสอบความเปราะของเม็ดเลือดแดงชนิดหลอดเดียว (One tube osmotic fragility หรือ OF) โดยเม็ดเลือดแดงของคนปกติจะแตกหมด อ่านผลเป็นลบ (Negative) ในน้าเกลือความเข้มข้น 0.36% แต่พาหะ ของโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียจะไม่แตก (ขุ่น) อ่านผลเป็นบวก (Positive) การทดสอบนี้ให้ผลบวกในพาหะของ ß-thalassemia หรือ α-thal 1 ห้องปฏิบัติการใดที่มีการตรวจ MCV/MCH แล้วไม่จาเป็นต้องตรวจ OF
3.การทดสอบฮีโมโกลบินไม่เสถียรโดยการตกตะกอนด้วย ดีซีไอพี [(Dichlo-rophenolindophenol (DCIP) precipitation test] สี DCIP ทาให้โมเลกุลของฮีโมโกลบินที่ไม่เสถียร (Unstable hemoglobin) เกิดการ สลายตัวและตกตะกอนหรือให้ผลบวก (Positive) เช่น ในกรณีของ Hb E trait, Homozygous Hb E ส่วนในคน ปกติจะให้ผลลบ (Negative)
4.การคัดกรองพาหะ Hemoglobin E ด้วยวิธี Hb E screen ใช้หลักการตรวจแบบ Microcolumn chromatography ที่ใช้สาหรับวัดปริมาณ Hb A2 โดยการเตรียมคอลัมน์ (Anion exchange medium) สามารถคัดกรอง Hb E trait, ß-thalassemia/Hb E disease และ Homozygous Hb E มีค่าความไวและความจาเพาะ สูง เมื่อเทียบกับ DCIP test
แนวทางการปฏิบัติตัว
รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ เลือด ตับ เครื่องในสัตว์ งดยาและวิตามินที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ เช่น ferrous sulfate ,ferrous gluconate, ferrous fumalrate
การควบคุมโรค
การควบคุมโรคธาลัสซีเมียเป็นสิ่งสาคัญและจำเป็นต่อสถานการณ์โรคธาลัสซีเมียในประเทศไทย เนื่องจาก จำนวนผู้ป่วยและผู้เป็นพาหะยังมีจำนวนมาก หลักการควบคุมโรคธาลัสซีเมีย ดังนี้
การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคให้แก่ผู้ป่วย ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป
การให้คำแนะนาปรึกษาทางพันธุศาสตร์ ตรวจหายีนในผู้ที่มียีนแฝงอยู่ และการตรวจวินิจฉัยทารกในครรภ์
การรักษาด้วยยา
Lasix 30 mg v
กลุ่มยา : Diuretics (Lasixให้เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน circular overload)
ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ที่บริเวณลูปออฟเฮนเล (Loop of Henle)
ผลข้างเคียง: ปวดศีรษะ ง่วงซึม เกร็งกล้ามเนื้อ ตะคริว ความดันโลหิตต่ำ ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ อ่อนเพลีย ภาวะของเหลวในร่างกายต่ำ ภาวะขาดน้ำ
เพื่อขับน้ำส่วนเกินจากการได้รับเลือด
cpm 1 tab oral
กลุ่มยา Antihitamine(เพื่อป้องกันการแพ้เลือด)
กลไกการออกฤทธิ์ของยาโดย ยับยั้ง Histamine H1 receptors ที่หลอดเลือดในระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร
ผลข้างเคียง อาจมีอาการปากแห้งคอแห้ง ไม่สบายท้อง ง่วงซึมปวดหัวใจสั่น วิงเวียน นอนไม่หลับ อ่อนล้า คลื่นไส้อาเจียน
เพื่อป้องกันการแพ้เลือด
Paracetamol 500 mg 1 tab per oral prn q 4-6 hr
กลุ่มยา analgesics
กลไกการออกฤทธิ์ ยั้บยั้ง กระบวนการสร้าง prostaglandin ในระบบประสาท ส่วนกลาง
ผลข้างเคียง อุจจาระเป็นเลือด หรือมีสีดำ มีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามผิวหนัง มีผื่นคัน เจ็บคอ
Desferal 1000 mg + 5% D/NSS/2 200 ml v drip in 24 hr x 7 days
จับกับเหล็ก (iron chelating agent) โดยจับกับ free iron หรือเหล็กที่จับกับโปรตีนอย่างหลวมๆ ส่วนเหล็กที่เป็นส่วนประกอบอยู่ใน heme หรือ cytochrome จะไม่ถูกดึงออกมา deferoxamine จับกับเหล็กจะได้สารประกอบที่ละลายน้ำถูกขับออกทางไต ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะเป็นสีชมพูอมส้ม
ผลข้างเคียงความดันโลหิตต่ำ ปวด บวม แดง ผื่นขึ้น หรือคัน บริเวณที่ ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ บริเวณแขนหรือขา ปวดศีรษะ มีไข้ ทาให้เด็กมีการเจริญเติบโตช้า รบกวน การมองเห็นและการได้ยิน
เพื่อขับเหล็ก จากภาวะเหล็กเกิน
การบริหารยา
หลังเปิดทิ้งทันที
(ถ้าสารละลายถูกเก็บไว้ในสภาวะปลอดเชื้อสามารถเก็บได้นาน 24 ชม)(ห้ามแช่แข็ง)
-เก็บที่อุณหภูมิ <25°C
ละลายผงยา 1 vial ด้วย sterile water 2 ml เท่านั้น แล้ววเขย่าให้ผงยาละลาย และนําไปเจือจางต่อใน D5W/NSS
Folic acid 5 mg 1 tab oral OD
เป็นวิตามินละลายน้ำ
กรดโฟลิกมีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานในระบบต่างๆของร่างกาย เช่น การสังเคราะห์สารต่างๆที่เป็นกระบวนการสำคัญของการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น เพียวรีน (Purine) และ ไพริมิดีน (Pyrimidine) และสนับสนุนการ สร้างเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต
ผลข้างเคียง อาการโดยทั่วไปไม่ค่อยพบ แต่สามารถทำให้หลอดลมหดเกร็ง (Bronchospasm) ,ผื่นคัน
MTV 1 tab oral bid pc
วิตามินเสริมที่ประกอบด้วยวิตามินหลากหลายชนิดซึ่งพบได้ในอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน โดยจะนำมาใช้ในกรณีที่อาจได้รับวิตามินจากอาหารไม่เพียงพอ หรือเพื่อรักษาภาวะขาดวิตามินของร่างกายที่อาจเกิดจากอาการป่วยบางชนิด เช่น การขาดสารอาหาร โรคเกี่ยวกับการย่อยอาหาร และอื่น ๆ เป็นต้น
การเปรียบระหว่าง Folic acid กับ Ferrous sulfate
Ferrous sulfate : มีกลไกการออกฤทธิ์ โดยจะทำให้ฮีโมโกลบินที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง สามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น และยังทำให้มัยาอโกลบิน (Myoglobin) สารธาตุเหล็กที่อยู่ในกล้ามเนื้อกักเก็บออกซิเจน เพื่อใช้เป็นพลังงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นรูปแบบของยาบำรุงโลหิตช่วยเสริมธาตุเหล็ก
Folic acid : เป็นวิตามินละลายน้ำ
กรดโฟลิกมีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานในระบบต่างๆของร่างกาย เช่น การสังเคราะห์สารต่างๆที่เป็นกระบวนการสำคัญของการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น เพียวรีน (Purine) และ ไพริมิดีน (Pyrimidine) และสนับสนุนการ สร้างเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง
สาเหตุที่ไม่ให้ Ferrous sulfate เพราะเป็นยาเสริมธาตุเหล็ก ซึ่งไม่สามารถให้ในผู้ป่วยเคสนี้ได้ เนื่องจากผู้ป่วยมีการตรวจเลือดพบ serum ferritin ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะธาตุเหล็กเกิน ถ้าหากให้ Ferrous sulfate ก็จะทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีธาตุเหล็กในร่างกายเพิ่มมากขึ้น
การรักษาของโรคธาลัสซีเมีย
การรักษาทั่วไป ที่สาคัญ คือ การอธิบายให้ผู้ป่วยและผู้ปกครองเข้าใจเกี่ยวกับโรค การถ่ายทอดทาง พันธุกรรม การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่ มีธาตุเหล็กสูง ระวังการติดเชื้อซึ่งอาจทาให้เกิดภาวะซีดรุนแรง เป็นต้น
2.การใหเ้ลือดวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกายมีการให้เลือดเป็น2ประเภทคือ
2.1 การให้เลือดแบบ Low transfusion คือ การให้เลือดเมื่อมีอาการซีดมาก เพื่อป้องกันการเกิดภาวะหัวใจวาย การให้เลือดแบบนี้จะรักษาระดับ Hematocrit อยู่ที่ระดับประมาณร้อยละ 20
2.2 การให้เลือดแบบ High transfusion คือ การให้เลือดจนระดับ Hematocrit อยู่ในระดับใกล้เคียง ปกติ ข้อดีของการให้เลือดชนิดนี้ คือ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ดี แต่มีข้อเสียที่ต้องให้เลือดบ่อยครั้งมาก และอาจ เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือดได้ง่าย ภาวะแทรกซ้อนที่พบในผู้ป่วยธาลัสซีเมียขณะหรือภายหลังได้รับเลือด ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะชัก และการมีเลือดออกในสมอง (Hypertension, Convulsion and
Cerebral hemorrhage)
การให้ยาขับเหล็ก เพื่อป้องกันและลดภาวะเหล็กเกินในเลือดปกติค่า Serum ferritin ในเลือดควรอยู่
ที่ระดับ 300 มิลลิกรัม/มล. หากสูงเกิน 1,000 มิลลิกรัม/มล. ถือว่ามีภาวะเหล็กเกิน จาเป็นต้องได้รับยาขับเหล็ก แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
3.1 ยาขับธาตุเหล็กชนิดฉีด Desferrioxamine (Desferal) เป็นยาขับธาตุเหล็กที่มีประสิทธิภาพดีและ ค่อนข้างปลอดภัยใช้กันมานานสามารถใช้ได้ในเด็กเล็ก ให้ในขนาด 20-60 mg/kg/day ในเด็กแนะนาที่ขนาด 20-40 mg/kg/day) จานวน 5-7 วัน/สัปดาห์ บริหารยาโดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังโดยใช้เครื่องช่วยฉีดยา (Infusion pump) ช้าๆ วันละ 8-12 ชั่วโมง ติดตามดูผลการขับธาตุเหล็กโดยติดตามดูระดับเฟอริตินในเลือดทุก 2-3 เดือน
3.2 ยาขับธาตุเหล็กชนิดรับประทาน ในปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ Deferiprone และ Deferasirox
Deferiprone (GPO-L-One) ในประเทศไทยอนุโลมให้ใช้ในผู้ป่วยอายุ 6 ปีขึ้นไปที่สามารถ รับประทานยาเม็ดได้ ขนาดยาที่ใช้คือ 50-75 mg/kg/day แบ่งให้วันละอย่างน้อย 2-3 เวลา หลังหรือพร้อมอาหาร
Deferasirox (DFX) เป็นยาขับเหล็กชนิดรับประทานที่มีข้อบ่งใช้ สาหรับการรักษาภาวะธาตุ เหล็กเกินเรื้อรัง เนื่องจากการได้รับเลือด (Themosiderosis) ในผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่และเด็ก (อายุมากกว่าหรือ เท่ากับ 2 ปี) บริหารยาโดยการละลายยาในน้าเปล่า น้าส้ม หรือน้าแอปเปิ้ล ในขนาด 20–40 mg/kg/day วันละ 1 ครั้งก่อนอาหาร 30 นาที กินเป็นประจาวันติดต่อกัน ทั้งนี้ขนาดยาที่ผู้ป่วยได้รับขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่ผู้ป่วยได้รับ และระดับของเฟอริตินในเลือดของผู้ป่วย อาการข้างเคียงและอาการแทรกซ้อนน้อย ได้แก่ ผื่นผิวหนังแบบไม่ รุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
การผ่าตัดม้าม (Splenectomy) จะทาในรายที่มีอาการม้ามโตมากกว่า 6 เซนติเมตร หรืออยู่ระดับ สะดือ แน่น อึดอัดท้องจนหายใจลาบาก หรือม้ามทางานมากกว่าปกติ (Hypersplenism) ได้เลือดทุก 2 สัปดาห์ การผ่าตัดม้ามจะได้ผลดีมากในผู้ป่วย Hb H
การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก หรือการเปลี่ยนถ่ายเลือดจากสายสะดือทารกแรกเกิดเป็นการรักษาเด็กที่เป็น โรคธาลัสซีเมียให้หายขาดได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียที่จะทาการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ต้องเป็นผู้ป่วยโรคธาลัสซี เมียชนิดรุนแรง อายุน้อยและยังไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ม้ามโต ภาวะเหล็กเกิน หรือมีพี่น้องที่ไม่เป็นโรคและมี HLA ตรงกัน
การผ่าตัด Splenetomy
splenectomy คือการผ่าตัดเอาม้ามออก มี2ประเภทคือ วิธีการเปิด แบบดั้งเดิมโดยใช้แผลขนาดเต็มและวิธีการ laparoscopic ซึ่งใช้ incisions ขนาดเล็กมากการผ่าตัดผ่านกล้องส่องผ่านจะทำให้เเผลหายเร็วเเละมีเเผลขนาดเร็วกว่า
Deferiprone 500 mg 2x3 tid ac
ยา deferiprone
กลุ่มยา bidentate
กลไก จะจับกับธาตเดหล็กที่มีสารประกอบเป็นกลาง pHของร่างกายสารนี้จะขับเหล็กออกจากโปรตียที่เป็นแหล่งสะสมของเหล็ก ได้เเก่ferritin และ heamosiderin และtranferrin และlactoferrin
ผลข้างเคียง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
เหตุผลที่ให้ยา Deferiprone เมื่อผู้ป่วยมี Plan D/C หลังจากให้ยาครบ เพราะว่ายา Deferiprone เป็นยาชนิดรับประทาน และเป็นยาขับธาตุเหล็ก ทำให้เกิดความสะดวกต่อตัวป่วยเมื่อกลับไปอยู่บ้าน เนื่องจากขณะที่อยู่โรงพยาบาลผู้ป่วยจะได้รับเป็นยา Desferal 1000 mg + 5% D/NSS/2 200 ml v drip in 24 hr x 7 days ซึ่งเป็นยาที่ให้ทางหลอดเลือดดำ แพทย์จึงต้องเปลี่ยนให้แบบรับประทาน และผู้ป่วยที่เป็นธาลัสซีเมีย จำเป็นต้องได้รับเลือดทุก 3-6 สัปดาห์ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะธาตุเหล็กเกินได้ จึงต้องได้รับยาขับธาตุเหล็กอยู่เสมอ เมื่อมีระดับ serum ferritin ในเลือดสูงกว่า 1000 นาโนกรัม/มิลลิลิตร หรือหลังจากได้รับเลือดไปแล้วประมาณ 10-15 ครั้ง และเมื่อผู้ป่วยได้รับยา deferiprone แล้ว จะต้องติดตามตรวจเลือดเดือนละครั้งในระยะแรกที่เริ่มกินยา และทุก 3 เดือนในเวลาต่อมา เพื่อติดตามผลตรวจเลือดว่ายังมีภาวะธาตุเหล็กเกินอีกหรือไม่
PRC v drip 600 ml in 4 hr