Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บัญชียาตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข - Coggle Diagram
บัญชียาตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข
แนวคิดในการจัดทำบัญชียา
หลักแห่งชาติ
1.หลักการยาจำเป็นขององค์การอนามัยโลก
ยาสำเร็จรูปจำหน่ายในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก
ทำให้เป็นภาระของประเทศในภาพรวมต่อ
การพัฒนาระบบยาในด้านต่างๆ
ทุกประเทศมีทรัพยากรอยู่จำกัด
องค์การอนามัยโลกนำหลักการยาจำเป็น
มาใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ.2540 และแนะนำให้
ประเทศสมาชิกคัดเลือกรายการยาจำเป็น
ยาหลัก (ยาจำเป็น, essential drug)
สามารถใช้ได้ตามบริบทของระบบสาธารณสุขของประเทศตลอดเวลา
มีปริมาณที่เพียงพอ ขนาดยาที่เหมาะสม มีคุณภาพ
และข้อมูลหลักฐานทางวิชาการที่เพียงพอ
ราคาเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลและชุมชน
มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และคุ้มค่าของราคา
หลักการการใช้ยามีความยืดหยุ่นและ
ปรับได้กับหลาย ๆ สถานการณ์
ตอบสนองความต้องการด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญของประชากร
เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับประเทศ
2.เภสัชตำรับโรงพยาบาล
กระทรวงสาธารณสุขมีหลักการและแนวคิดในการจัดหาและเลือกสรรยาที่มีความจำเป็นต้องใช้ในโรงพยาบาล โดยคำนึงความประหยัดและความสะดวกในการบริหารเวชภัณฑ์
"เภสัชตำรับโรงพยาบาล" ต่อมาเป็น
"เภสัชตำรับกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2515"
เพื่อเป็นแม่แบบในการจัดหาและคัดเลือกยาของโรงพยาบาล
3.บัญชียากระทรวงสาธารณสุข
ได้ประกาศใช้ "นโยบายแห่งชาติด้านยา พ.ศ.2524" และจัดทำบัญชียาแห่งชาติฉบับแรก เรียกว่า "บัญชียาจำเป็นแห่งชาติ พ.ศ.2524" และมีการปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ
โดยยึดหลักการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศควบคู่กับหลักการขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดให้ "ยาหลัก" ตามบัญชียาหลักแห่งชาติ หมายถึง ยาที่มีความสำคัญ เป็นยาพื้นฐานที่ขาดเสียมิได้และมีความจำเป็นต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ
บัญชียาหลักแห่งชาติ
ครอบคลุมยาที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหา
สาธารณสุขของประเทศ
นำไปใช้เป็นกรอบอ้างอิงสิทธิประโยชน์ด้านยาของสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา
กรอบอ้างอิงในระเบียบ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารเวชภัณฑ์และสวัสดิการรักษาพยาบาลของประเทศ
คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ
ความเป็นมา
ใน พ.ศ. 2541 ประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง มีมาตรการลดค่าใช้จ่ายสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและลูกจ้าง
คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติ
การปรับปรุง
ขยายให้ครอบคลุมตัวยาอย่างกว้างขวาง
บัญชียาหลักแห่งชาติในปัจจุบันมีลักษณะเป็นบัญชียา ไม่ใช่ยาจำเป็นชั้นพื้นฐาน
ปรัชญา
การค้นพบและวิจัยพัฒนายาใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงของระบบสุขภาพ
สร้างเสริมระบบการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล
แนวทาง
ยาต้องมีข้อบ่งใช้
มีข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้อง เชื่อถือได้
มีทะเบียนตำรับยาในประเทศไทย
มีการผลิตในประเทศ
ตำรับยาควรเป็นยาเดี่ยว หากจำเป็นต้องเป็นยาผสม ต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้
การแบ่งหมวดหมู่ยา
1.ปัจจัยด้านยา ได้แก่ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความคุ้มค่า ปริมาณและคุณภาพของข้อมูลการศึกษาต่าง ๆ ที่เป็นองค์ความรู้ของยานั้น
2.ปัจจัยด้านสถานบริการสาธารณสุข ได้แก่ ความพร้อมของการตรวจวินิจฉัยโรค การติดตามผลการรักษาและความพร้อมในการกำหนดมาตรการการใช้ยานั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและคุ้มค่า
3.ปัจจัยด้านผู้สั่งยา บัญชี ก. และ ข. เป็นยาที่ใช้ได้โดยแพทย์ทั่วไป ส่วนยาในบัญชี ค. และ ง. เป็นยาที่ต้องใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
4.กลวิธีและขั้นตอนการปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติ
การจัดทำบัญชียา
ข้อมูลต้นทุนประสิทธิภาพเปรียบเทียบ ระหว่างยาในกลุ่มเดียวกันและต้นทุนผลได้ของยาระหว่างกลุ่มสำหรับโรคเดียวกัน
หน้าที่
สถาบันการศึกษาต่างๆที่จะต้องสร้างองค์ความรู้เหล่านี้เกิดขึ้น
คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียา จะต้องนำข้อมูลเหล่านี้
มาประกอบการตัดสินใจ
บัญชีอ้างอิงของสวัสดิการรักษาพยาบาลต่างๆ
ตระหนักถึงผลกระทบทางการเงินและผลตอบแทนสุขภาพ
การกำกับ การประเมินผล การใช้ยาบัญชีย่อยต่างๆ ในบัญชียา
รายจ่ายจากการบริโภคยาในบัญชียา เพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว
หากไม่มีผลตอบแทนสุขภาพที่คุ้มค่า
ผู้บริหารระบบประกันสุขภาพ
วิจัยและพัฒนาเพื่อกำหนดชุดสิทธิประโยชน์ด้านยาสำหรับผู้มีสิทธิ์
ปรับให้ชุดสิทธิประโยชน์ด้านยาเป็นชุดเดียวกันสำหรับประชาชนไทยทุกคน
ปัญหาและอุปสรรค
โรงพยาบาลในแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน
แพทย์ยึดถือการรักษาผู้ป่วยเป็นที่ตั้ง ไม่สนยาที่อยู่ในบัญชี
ยาที่จำเป็นและใช่บ่อยไม่อยู่ในบัญชียาหลัก โรงพยาบาลต้องสร้างกลไกรับรองยาเอง ทำให้เกิดความยุ่งยากต่อผู้ให้และผู้รับบริการ
การแสดงชื่อสามัญทางยา
ส่วนใหญ่ชื่อสามัญทางยาแสดงด้วยชื่อ INN
กรณีไม่มีชื่อ INN ใช่ชื่ออื่นแทน เช่น BAN, USAN
ยาทุกรายการ คือ ยาที่มีสารออกฤทธิ์ 1 ชนิด เว้นแต่ยาสูตรผสม
รูปแบบยาที่แสดงในบัญชี คือ รูปแบบยาทั่วไป ไม่ได้พัฒนา
รูปแบบยาพิเศษ เช่น ยาเตรียมสำหรับออกฤทธิ์นานทุกชนิด
การจำเพาะเจาะจงยาบางชนิด
กระบวนการคัดเลือกยา
1.ความโปร่งใสในกระบวนการคัดเลือกยาบริสุทธิ์ใจ โปร่งใส ตามหลักวิชาการและมุ่งประโยชน์ส่วนรวม
2.การคัดเลือกยา ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์
คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ
รายการบัญชีหลักแห่งชาติ
2 บัญชียาจากสมุนไพร
รายการยาจากสมุนไพรเป็นยาแผนไทย ยาโบราณ พัฒนาจากสมุนไพร รายละเอียดตามภาคผนวก 4
1 บัญชียาสำหรับโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข
บัญชี ก คือ รายการยามาตรฐาน มีหลักฐานชัดเจน
และเลือกใช้เป็นอันดับแรก
บัญชี ข คือ รายการยาใช้สำหรับข้อบ่งใช้ ที่ใช้ในยาบัญชี ก ไม่ได้หรือไม่ได้ผล หรือใช้แทนยาในบัญชี ก ตามความจำเป็น
บัญชี ค คือ รายการยาที่ต้องใช้ในโรคเฉพาะทางโดยผู้เชี่ยวชาญ
บัญชี ง คือ รายการยาที่มีหลายข้อบ่งใช้
แต่เหมาะสมที่จะใช้บางข้อบ่งใช้
หรือมีแนวโน้มสั่งยาไม่ถูก
หรือยาราคาแพง สำหรับผู้ป่วยบางราย
บัญชี จ คือ (1)รายการยาสำหรับโครงการพิเศษของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ
(2)รายการยาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเฉพาะ ดูแลโดยกรมบัญชีกลาง หรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
เภสัชตำรับยาโรงพยาบาล
รายการยาที่โรงพยาบาลสามารถผลิตใช้ในโรงพยาบาล
ตามเภสัชตำรับของโรงพยาบาล ที่เป็นรายการยาตาม
ที่ระบุในภาคผนวก 1 หรือ2 หรือ4
PTC
ความสำคัญ
เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้เกิดการใช้ยาที่เหมาะสม
เป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาดีที่สุด
ลดความเสี่ยงจากความคลาดเคลื่อนทางยา
การจัดการด้ายามีประสิทธิภาพ
เพื่อให้เกิดการสื่อสารผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
บทบาทการบริหารจัดการยา
ความรับผิดชอบดูแลกำกับระบบยาในโรงพยาบาล
มีหน้าที่พิจารณา คุณภาพ ความปลอดภัย
ประสิทธิศักดิ์หรือประสิทธิผล และราคา
การจัดหายาต้องคำนึงความต้องการแพทย์ นโยบายโรงพยาบาล และงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
บทบาทคณะกรรมการ
บริหารด้านยาโดยตรง
กำหนดนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติ
บทบาทในการจัดการคำรับยา
เชื่อโยงการดำเนินงานด้านกฎหมาย ระเบียบ
และการจัดการทรัพยากรในองค์กร
ปรับเปลี่ยนรูปแบบ แนวทาง และเนื้อหาการประชุม
พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510
1 ตามศาสตร์การรักษา
ยาแผนปัจจุบัน
ยาแผนโบราณ
2 ตามวิธีใ้ช้งาน
ยาใช้ภายนอก
ยาใช้เฉพาะที่
บริเวณหู
บริเวณตา
จมูก
ปาก
ทวารหนัก
ช่องคลอด
ช่องปัสสาวะ
3 ตามกระบวนการแปรรูป
เภสัชเคมีภัณฑ์
เภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป
ยาสมุนไพร
ยาบรรจุเสร็จ
4 ตามระดับการควบคุม
ยาควบคุมพิเศษ จะต้องมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนด