Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

CASE 3 - Coggle Diagram

- - - - 1.ได้รับสารอาหารครบถ้วน และพอเหมาะแก่ความต้องการของลูก ไม่ทำให้ลูกเป็นโรคขาดสารอาหารหรือโรคอ้วน
      - 2.ได้รับสารอื่นนอกเหนือไปจากสารอาหาร เข่น ฮอร์โมน ที่จะช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย และการทำงานของอวัยวะบางระบบ
      - 3.ลดอัตราการเกิดโรคอุจจาระร่วง
      - 4.ได้รับภูมิคุ้มกันโรคและสารต่อต้านเชื้อโรค
      - 5.ลดอัตราการเกิดโรคภูมิแพ้ โรคเบาหวานและโรคฟันผุในเด็ก
      - 6.ได้รับความรัก ความอบอุ่น และความเอาใจใส่จากแม่
    - - 1.ทำให้มดลูกหดตัวดี เข้าอู่เร็วขับน้ำคาวปลาได้ดี
      - 2.ทำให้รูปร่างของแม่กลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น เพราะแม่ได้ใช้ไขมันที่สะสมไว้ระหว่างตั้งครรภ์ มาใช้ผลิตน้ำนมให้ลูก
      - 3.ทำให้แม่มีความรู้สึกผูกพันกับลูกมากขึ้น
      - 4.ทำให้ท้องว่างจากการตั้งท้อง เป็นการช่วยวางแผนครอบครัวด้วย
      - 5.ไม่เสียเวลา เพราะนมแม่มีพร้อมที่จะให้อยู่เสมอ
      - 6.ประหยัดรายจ่ายของครอบครัว
      - 7.ลดการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่
  - - - ในระยะนี้การเจริญเติบโตของร่างกายและสมองจะรวดเร็วกว่าวัยอื่น ๆ ดังนั้นพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าและมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของเด็กโดยเฉพาะนมแม่แนวทางปฏิบัติการดูแลเด็กในนมแม่
      - กินนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน
      - เมื่อเด็กอายุ 6 เดือนเป็นต้นไปกินนมแม่ควบคู่อาหารตามวัย
      - 3.พูดคุยเล่นเล่าอ่านนิทานร้องเพลงให้เด็กฟัง
      - สร้างความผูกพันและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็ก
      - ประเมินและเฝ้าระวังพัฒนาการเด็กและบันทึกพัฒนาการ
- - - - กลุ่มยา: penicillin
      - อาการข้างเคียง: ผื่นคัน หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด กลืนอาหารลำบาก ไม่สบายท้อง ท้องเสีย อาเจียน
      - กลไกการออกฤทธิ์: จับกับ pennicillin binding protein (PBP) แล้วยับยั้งเอนไซม์ transpepsidase ใน PBP ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการ cross-link สาย peptidoglycan ทำให้ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย และกระตุ้นเอนไซม์ autolysin ทำให้แบคทีเรียย่อยสลายตัวเองมากขึ้น
      - ข้อบ่งชี้: ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคปอดอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคติดเชื้อที่หู โรคผิวหนัง ไซนัส ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบประสาทส่วนกลาง หัวใจ ไต และโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด
      - เหมาะสม :เนื่องจากขนาดปกติต้องได้ 100-200 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 kg q. 12 hr
    - - กลุ่มยา: aminoglycoside
      - ข้อบ่งใช้: รักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจาก pseudomonas,Klebsiella ใช้ได้ผลดีในการรักษาเชื้อแกรมลบทั้งหมด รวมทั้ง pseudomonas มีผลในการรักษาเชื้อ staphylococci ที่สามารถสร้างเอนไซม์ penicillinase ได้
      - อาการข้างเคียง: ผื่น มีผลต่อหูและไต กล้ามเนื้อกระตุก ชัก
      - ไม่เหมาะสม :เนื่องจากทารกรายนี้มีภาวะติดเชื้อ โดยขนาดที่ให้เหมาะสม
        ในเด็ก คือ 2.5 มิลลิกรัมต่อนำ้หนักตัว1 กิโลกรัมทุก 12 ชั่วโมง
      - กลไกการออกฤทธิ์: ออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน โดยจับกับไรโบโซม ซับยูนิต 30S และ 50S ทำให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ transpeptidation หรือ translocation ของบริเวณที่ถูกจับด้วยตัวยา เป็นผลให้เกิดการชะงักของการเติบโตของเซลล์
- - - - O : มีประวัติแรกคลอดมีภาวะสูดสำลักขี้เทา
      - O : ขณะคลอด พบ Thick meconium stained amniotic fluid ทำ direct suction 1 ครั้ง ได้ meconium เหนียวข้น 2 cc
      - O : RR = 80 bpm (9/6/64)
      - O: CXR = RLL Hyperinflatration (9/6/64)
    - - เพื่อให้ทารกหายใจได้อย่างมีสิทธิภาพมากขึ้น
    - - 1.อัตราการหายใจเท่ากับ 40-60/min
      - อัตราการเต้นของหัวใจเท่ากับ 120-140/min
      - สีผิวแดงดี หายใจไม่เหนื่อยหอบ ไม่มีปีกจมูกบาน
      - เสมหะไม่มีขี้เทาปน
      - O2 saturation 2 95%
      - CXR : Normal
    - - จัดท่านอนทารกให้ปอดขยายตัวได้มากที่สุดโดย
        
        ใช้ม้วนผ้าเล็กๆหนุนใต้ใหล่ให้คอไม่งอหรือแหงนเกินไป
        
        ให้นอนศีรษะสูงเล็กน้อย 30 องศา
        
        พลิกตะแคงตัวอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง
      - สังเกต ประเมิน ติดตามอาการแสดงของการแลกเปลี่ยนก๊าซไม่ดี ได้แก่ หายใจเร็ว อกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ใช้กล้ามเนื้อในการช่วยหายใจมากขึ้นหรือหายใจออกมีเสียงคราง เขียว ชีพจรเต้นเร็วประเมินทุก 2 ชั่วโมงหรือตามสภาพทารก
      - ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา คือ O2 box 8 LPM เมื่อเกิดอาการแสดงการ แลกเปลี่ยนก๊าซไม่ดี รีบรายงานแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน
      - ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดูดเสมหะด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ ดูดเสมหะเท่าที่จำเป็น
      - ประเมินค่าออกซิเจนในเลือดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ Pulse oximeter หรือการเจาะค่าแก๊ส
      - ทารกที่สำลักขี้เทาเข้าปอด ดูแลให้ได้รับการเคาะปอดและSuction เป็นระยะในหลอดเลือดแดงตามแผนการรักษาและรายงานเมื่อค่าผิดปกติ
      - ประเมิน ติดตามและบันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจ ฟังเสียงลมที่เข้าปอดทั้ง 2 ข้างทุก 2 ชั่วโมง เพราะการมีลมเข้าปอดลดลง อาจเกิดจากทางเดินหายใจอุดกั้นจากเสมหะ
      - ดูแลให้มีอุณหภูมิกายปกติ เพื่อลดการใช้ออกซิเจนของ โดยควบคุมอุณหภูมิห้องที่ 26-28 องศาเซลเซียส วัดอุณหภูมิกายทุก 4 ชั่วโมง
      - ลดการรบกวนทารกโดยไม่จำเป็น พยายามจัดกิจกรรมการรักษาพยาบาลให้อยู่ในเวลาเดียวกัน เพื่อลดการใช้ออกซิเจนของร่างกาย
      - ติดตามภาพรังสีทรวงอกเพื่อประเมินความก้าวหน้าของโรค
  - - - O : มีประวัติแรกคลอดมีภาวะสูดสำลักขี้เทา
      - O : ขณะคลอด พบ Thick meconium stained amniotic fluid ทำ direct suction 1 ครั้ง ได้ meconium เหนียวข้น 2 cc
      - O : BT = 37.4 (9/6/64)
      - O: WBC = 20 10^3/ uL (9/6/64)
      - O: Neutrophils 65.3% (9/6/64)
      - O: Lymphocytes 40.8 % (9/6/64)
      - O: Monocytes 7.5 % (9/6/64)
      - O : Basophil 0.4 % (9/6/64)
    - - ไม่เกิดภาวะติดเชื้อในร่างกาย
    - - O: WBC = 5-19.5 10^3/ uL
      - O: Neutrophils = 54-62%
      - O: Lymphocytes = 25-33 %
      - O: Monocytes = 3-7 %
      - O : Basophil = 0-0.75 %
    - - 1.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตรมแผนการรักษา
      - 1.1 Ampicillin 320 mg IV a 12 hr
        
        กลุ่มยา : Penicillin
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : ออกฤทธิ์โดยกำจัดหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในร่างกาย โดยมีฤทธิ์จับกับ penicillin-binding protein (PBPs) ที่ยับยั้งกระบวนการทรานเปปซิเดชั่น ซึ่งเป็นผลให้ยับยั้งการสังเคราะห์ของผนังเซลล์แบคทีเรียและทำให้เซลล์แบคทีเรียแตกสลาย
        
        อาการข้างเคียง : ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดงตามตัวซึ่งไม่ใช่เกิดจากการแพ้
      - 1.2 Gentamicin 12 mg IV OD
        
        กลุ่มยา : Aminoglycosides
        
        กลไกการออกฤทธิ์ : เป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย โดยเข้าจับกับหน่วยย่อย 30 เอสของไรโบโซมแบคทีเรียแบบไม่ผันกลับ ซึ่งจะส่งผลรบกวนการสังเคราะห์โปรตีนของเซลล์แบคทีเรียนั้นทำให้แบคทีเรียขาดโปรตีนที่จำเป็นในการดำรงชีพและแพร่ขยายพันธุ์ จนตายไปในที่สุด
        
        อาการข้างเคียง : มีผลต่อหูและไต มีกล้ามเนื้อกระตุก ชัก ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เป็นผื่น
      - 2.ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
      - ปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้หลัก aseptic technique เพื่อลดและป้องกันการติดเชื้อ
      - 5.ติดตามและบันทึกผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น CBC , H/C เมื่อพบความผิดปกติรายงานแพทย์ทันที
      - ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อทุก 4 ชั่วโมง
        หรือตามสภาพทารก เช่น มีไข้ หนาวสั่น หอบเหนื่อย ซึมลง เป็นต้น
  - - - O:บิดามารดามีสีหน้าเคร่งเครียดหวั่นวิตกมารดาร้องไห้เมื่อมาเยี่ยมบุตรครั้งแรก
      - O:บิดามารดาสอบถามอาการของบุตรแนวทางการรักษาและระยะเวลาการรักษาทุกครั้งที่มาเยี่ยมบุตร
    - - เพื่อลดความวิตกกังวลของมารดาบิดา
    - - -มารดาบิดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น
      - -ยอมรับฟังและให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาลและมาเยี่ยมบุตรสม่ำเสเสมอ
    - - สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบิดา มารดาด้วยความจริงใจ และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้บิดา มารดาเกิดความไว้วางใจ และเปิดโอกาสให้พูดคุยระบายความรู้สึกต่างๆ
      - ประเมินความวิตกกังวลของบิดา มารดาและครอบครัวต่อความเจ็บป่วยและเหตุผลของการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
      - ประเมินความสามารถและความต้องการของบิดา มารดาในการทำกิจกรรมให้กับทารกพบมีความมั่นใจน้อยในการทำกิจกรรมให้ทารกและกลัวว่าทารกจะเจ็บปวด
      - ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทารกที่ชัดเจนและถูกต้องตามความจำเป็นเกี่ยวกับอาการ สิ่งที่ทารกต้องประสบขณะรับการรักษาพยาบาลซึ่งความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้
      - หลีกเลี่ยงบรรยากาศที่ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดี การทำให้ความวิตกกังวลของบิดามารดาเพิ่มขึ้นเช่น การใช้ศัพท์แพทย์ที่ไม่เข้าใจเพราะอาจเกิดจินตนาการที่ผิดได้
      - เป็นผู้ฟังที่ดีโดยให้บิดา มารดาได้ระบายกวามรู้สึกและความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยและการรักษาในโรงพยาบาล
      - ให้กำลังใจสนับสนุนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแล เช่น การเปลี่ยนผ้าอ้อม การเช็ดตัว ทำให้บิดา มารดารู้สึกว่าได้ทำทุกสิ่งเท่าที่สามารถจะทำได้ดีที่สุดแก่ทารก
      - ให้กำลังใจชมเชยเมื่อบิดา มารดาสามารถช่วยเหลือดูแลบุตร ได้ ความภาคภูมิใจจะช่วยให้บิดา มารดารู้สึกว่ามีคุณค่าในบทบาทของตนเอง
  - - - O: วันที่ 09/06/2564 แพทย์ให้ NPO และได้รับ 10% D/W rate 9ml/hr (ทารกได้รับพลังงาน 86.4 kcal ซึ่งปกติทารกรายนี้ควรได้รับพลังงาน 315.5 kcal/day)
      - O: วันที่ 10/06/2564 แพทย์มีแผนการรักษาให้ BF/นม N 15 cc * 8 Fds และ 10% D/W rate 7 cc/hr (ทารกได้รับพลังงาน 147.2 kcal ซึ่งปกติทารกรายนี้ควรได้รับพลังงาน 315.5 kcal/day)
    - - ทารกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
    - - 1.ความตึงตัวและความยืดหยุ่นของผิวหนังเป็นปกติดี
      - 2.ปัสสาวะออกไม่ต่ำกว่าวันละ 6 ครั้ง หรือออกไม่ต่ำกว่า 1-4 cc/kg/hr
      - 3.น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 20-30 กรัม/วัน ภายในสองสัปดาห์
    - - 1.รายงานแพทย์ให้แพทย์ปรับแผนการรักษา เนื่องจากเด็กทารกรายนี้ได้รับพลังงานต่อวันไม่เพียงพอพลังงานที่ทารกต้องการใน 1 วัน
      - 2.ดูแลให้ทารกได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ 10% D/W rate 7 ml/hr
      - 3.ประเมินและบันทึกจำนวนน้ำเข้าออก เมื่อผิดปกติรายงานแพทย์
      - 4.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะขาดสารน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อย น้ำหนักตัวลด
      - 5.ชั่งน้ำหนักตัวทารกทุกวันในเวลาเดียวกัน และเครื่องชั่งน้ำหนักตัวเดิม
      - 6.ให้การพยาบาลเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่เป็นการรบกวนทารก
- - - - ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นและรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น:
        
        Anaphylaxis (0-1 ชม.)
        
        Guillain-Barre syndrome(1-6 สัปดาห์)