Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case study 1 สตรีตั้งครรภ์อายุ 28 ปี G2P0A1 มีอายุครรภ์ 5 เดือน (20…

- - - - Hct 29%
        
        Hb 9.6
        
        Moderate anemia
        
        คำแนะนำ
        
        แนะนำการรับประทานยาบำรุงธาตุเหล็ก ซึ่งควรรับประทานในขณะที่กระเพาะอาหารว่าง
        
        ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่โดยรับประทานอาหารโปรตีนอาหารที่มีกรดโฟลิก และอาหารที่ธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ผักใบเขียวนม ไข่ เพื่อช่วยให้มีการสร้างเลือดมาก การออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดีขึ้น
        
        ให้นอนพักผ่อนโดยจัดสภาพแวดล้อมให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย
        
        จากงานวิจัยEffectiveness of Balanced Diet-Iron Supplement Program among Pregnant Women with Anemia: A Quasi-Experimental Study
        กล่าวว่าBDISP ประกอบด้วย3กระบวนการ
        1) ให้ความรู้ด้านโภชนาการและอาหารเสริมธาตุเหล็ก
        2) ฝึกวางแผนมื้ออาหาร
        3) ติดตามผลทางโทรศัพท์ สามารถอธิบายได้ว่าการให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ และผลของอาหารที่สมดุลและการเสริมธาตุเหล็กต่อสุขภาพควรกระตุ้นให้พวกเขาตระหนักถึงพฤติกรรมการกินของพวกเขา นอกจากนี้ ความรู้เกี่ยวกับหมู่อาหาร 5 หมู่ ประโยชน์ของการจัดอาหารประเภทต่างๆ อาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก อาหารช่วยการดูดซึมธาตุเหล็ก สารยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก รายการแลกเปลี่ยนอาหาร ความต้องการพลังงานในแต่ละวัน และอาหารเสริมธาตุเหล็ก อาหารเพื่อสุขภาพและเสริมธาตุเหล็กอย่างสม่ำเสมอและสามารถทำได้อย่างเหมาะสม
        
        ผลการศึกษาพบว่าสัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างในกลุ่มทดลองมีความเข้มข้นของเลือดปกติได้รับอาหารเพียงพอได้รับยาบำรุงธาตุเหล็กครบถ้วนและน้ำหนักเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์เหมาะสมสูงกว่ากลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสัดส่วนการคลอดก่อนกําหนด และทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อยในกลุ่มทดลองต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โปรแกรมอาหารสมดุลและยาบำรุงธาตุเหล็กนี้ควรได้รับการทดสอบในสตรีตั้งครรภ์กลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่ที่แตกต่างกันอย่างไรก็ตามโปรแกรมนี้มีศักยภาพที่ดีที่จะนำไปใช้ได้จริงสำหรับพยาบาลผดุงครรภ์และสตรีตั้งครรภ์สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็กต้องการความช่วยเหลือความรู้และการฝึกวางแผนจัดซื้ออาหารเพื่อช่วยให้สามารถรับประทานอาหารสมดุลและได้รับยาบำรุงธาตุเหล็กครบถ้วนเพื่อส่งเสริมสุขภาพมารดาและป้องกันผลลัพธ์การคลอดที่ไม่พึงประสงค์
    - - ระดับยอดมดลูก 1/4 >สะดือ วันขนาดมดลูกได้ 26 cm
        
        ระดับยอดมดลูกควรจะอยู่2/4- > เเต่การวัดอยู่ระดับไม่เหมาะสมกับอายุครรภ์ (28*8/7=32)
        
        มีระดับยอดมดลูกกับหน้าท้องน้อยกว่าอายุครรภ์
  - - - Hct 24%
        (ต่ำกว่าปกติ)
        
        Hb 8
        
        Moderate anemia
        
        คำแนะนำ
        
        แนะนำการรับประทานยาบำรุงธาตุเหล็กซึ่งควรรับประทานในขณะที่กระเพาะอาหารว่าง
        
        ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่โดยรับประทานอาหารโปรตีนอาหารที่มีกรดโฟลิก และอาหารที่ธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ผักใบเขียวนม ไข่ เพื่อช่วยให้มีการสร้างเลือดมาก การออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายดีขึ้น
        
        ให้นอนพักผ่อนโดยจัดสภาพแวดล้อมให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย
      - VDRL reactive
        
        พบเชื้อซิฟิลิส
    - - การคลำ
        
        คลำมดลูก Ballottement
        
        คลำพบก้อนนิ่มบริเวณหัวหน่า
        
        ทารกมีส่วนนำเป็นก้น
        
        คลำท้องพบแผ่นเรียบเหมือนกระดาษอยู่ด้านซ้ายมือของมารดา
        
        Large part อยู่ด้านซ้ายมือแม่
        
        การคลำ 4 ท่า
        
        คลำท่าที่1 (Fundal grip) คือการคลำบริเวณยอดมดลูก
        เพื่อตรวจหาระดับยอดมดลูก (Fundus)
        
        วิธีตรวจ
        
        ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วแตะที่บริเวณยอดมดลูก อีกมือหนึ่งแตะที่บริเวณลิ้นปี่ ดูว่าระดับยอดมดลูกว่าเป็นสัดส่วนเท่าใดกับระยะระหว่างสะดือและลิ้นปี่ หรือในกรณีอายุครรภ์น้อยดูว่าเป็นสัดส่วนเท่าใดกับระยะระหว่างสะดือถึงขอบบนของกระดูกหัวหน่าว
        
        ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วมือทั้งสองข้างคลส่วนของทารกที่บริเวณยอดมดลูก ว่าเป็นศีรษะหรือก้น ถ้าเป็นศีรษะจะคลําได้เป็นก้อนกลมแข็งมี ballottement คลำได้ร่องคอ ถ้าเป็นก้นจะนุ่มกว่าไม่กลมอาจมี ballonement บ้าง แต่ไม่ชัดเจนเท่าศีรษะ
        
        คลำท่าที่2 (Umbilical grip) คือการคลำหาส่วนของทารกว่า
        อยู่ทางด้านไหนของลำตัวแม่
        
        วิธีตรวจ
        
        ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางทาบบนผนังหน้าท้อง
        
        มือข้างหนึ่งกด อีกมือวางไว้เฉยๆ คลำให้ได้ว่าด้านไหนเป็นส่วนหลังของทารก ด้านที่เป็นส่วนหลังจะคลำได้เป็นแผ่นเรียบโค้งเป็นทางยาวติดต่อกัน มีความรู้สึกด้านฝ่ามือ ส่วนที่เป็นด้านหน้าของทารก จะมีความรู้สึกว่าคลำได้เป็นปุ่ม ซึ่งได้แก่ แขน ขา ข้อศอก หัวเข่า ในกรณีที่คลำแขนขาได้ไม่ชัดเจน จะมีความรู้สึกว่าด้านหน้าของทารกจะว่างสามารถกดผนังหน้าท้องลงไปได้มากกว่า
        
        คลำท่าที่3 (Pawlick’s grip) คือการตรวจหาส่วนนำ
        (Presenting part) และของทารก attitude ของทารกในครรภ์
        
        วิธีตรวจ
        
        ใช้มือขวาคลำและจับส่วนของทารกที่บริเวณเหนือหัวเหน่าให้อยู่ภายในอุ้งมือ
        
        ตรวจหาส่วนนำ ถ้าเป็นศีรษะจะมีลักษณะกลมแข็งและเรียบ มี ballottement ชัดเจน และอาจคลำได้ร่องคอ
        
        ตรวจหาระดับของส่วนนำ โดยถ้าโยกส่วนนำของทารกให้เคลื่อนไหวไปมาได้ แสดงว่าส่วนนำของทารกยังลอยอยู่ แต่ถ้าไม่สามารถโยกส่วนนำได้เลย แสดงว่าส่วนนำผ่านลงสู่ช่องเชิงกรานแล้ว
        
        ตรวจทรงของทารก โดยคลำหา cephalic prominence ของทารกถ้าคลำได้ตรงกันข้ามกับหลังและสูงกว่าแสดงว่าทารกอยู่ทรงก้ม ถ้าคลําได้ด้านเดียวกับหลังแสดงว่าทรกอยู่ในทรงเงย
        
        คลำท่าที่4 (Birateral inquinal grip)คือตรวจหาระดับของส่วนนำ
        
        วิธีตรวจ
        
        ยืนหันหน้าไปทางปลายเท้าของหญิงตั้งครรภ์
        
        ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างวางลงที่ด้านข้างของส่วนนำที่บริเวณขาหนีบ เคลื่อนฝ่ามือสัมผัสด้านข้างของส่วนนไปตามขาหนีบ
        
        ตรวจหาระดับของส่วนนำ ถ้าปลายมืองสอดเข้าหากันได้ แสดงว่าศีรษะทารกยังไม่ผ่านลงสู่ช่องเชิงกราน แต่ถ้าปลายนิ้วมือสอบเข้าหากันไม่ได้ แสดงว่าศีรษะทารกผ่านลงสู่ช่องเชิงกรานแล้ว
        
        ปลายนิ้วผู้ตรวจชนกัน
        
        ก้นยังไม่เข้าสู่อุ้มเชิงกราน
      - การฟัง
        
        บริเวณหน้าท้องได้ยินเสียงฟู่ๆ จํานวนครั้งต่อนาทีมากกว่า
        อัตราการเต้น ของหัวใจของหญิงตั้งครรภ์
        
        เป็นเสียงปกติของหัวใจทารก
        
        FHS 146 bpm (ปกติ110-160)
        
        ปกติ
    - - พบรอยเเตกลายสีเทาบริเวณท้องเป็นริ้วๆจํานวนมาก
        
        เป็นปกติในหญิงตั้งครรภ์ท้องที่ 2 ในท้องเเรกจะพบสีชมพู
      - V/S
        
        BT 37.2 องศาเซลเซียส
        
        PR 86 bpm
        
        RR 22 bpm
        
        BP 124/74 mmHg
      - ระดับยอดมดลูก 2/4>๏
        
        ผิดปกติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ในระดับนี้คือ อายุครรภ์ 32 สัปดาห์
      - วัดขนาดของมดลูกได้ 30 ซม.
        
        (30*8)/7=34.3 สัปดาห์ เหมาะสม
    - - ยา Triferdine 1*2 o pc
        
        อาการข้างเคียง
        
        มีผื่นแดง ปวดท้อง อาเจียน หายใจไม่สะดวก (ควรหยุดยา) และปรึกษาแพทย์
        
        ข้อห้าม
        
        ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ iodine ,เหล็ก และกรดโฟลิก
        
        ให้ใช้ยานี้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น
        
        ปรึกษาแพทย์ผู้ที่มีความผิดปกติของต่อมไธรอยด์ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
      - Calcium 1*1 o pc
        
        อาการไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
        
        คลื่อ อาเจียน
        
        ปวดศรีษะ
        
        สับสน
        
        เบื่ออาหาร
        
        อ่อนเพลียหรือเหนื่อง่ายผิดปกติ
        
        อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยาหากเป็นต่อเนื่อง
        หรือรบกวนชีวิตประจำวันให้แจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบ
        
        รู้สึกถึงรสชาติโลหะในปาก
        
        เรอ
        
        ปากแห้ง
        
        ปวดท้อง
        
        ท้องผูก
        
        ปัสสาวะบ่อยขึ้น
        
        ข้อห้าม
        
        สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบ
        
        การใช้ยาอื่นๆทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เองโดยเฉพาะยาที่ใช้
        รักษาโรดหัวใจล้มเหลว โรคกระดูกพรุน โรคลมชัก และยาปฏิชีวนะ
        
        การแพ้ยาแคลเซียมคาร์บอเนต หรือแพ้ยาอื่นๆ
        
        การใช้วิตามินอาหารเสริม และยาสมุนไพรที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้ หรือกำลังจะใช้
        
        การมีความผิดปกติของการทำงานของไตหรือกระเพาะอาหาร
        
        การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
    - - สามีถามว่า “สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม”
        
        ไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์
        
        เนื่องจากมารดาเป็นซิฟิลิส และมีประวัติแท้งบุตรมาก่อน
        
        ถ้าต้องการมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัย
        
        ใช้ท่าที่ผ่อนคลาย ไม่รุนแรง
        หลีกเลี่ยงท่าที่นอนตะแคงขวาเป็นเวลานาน
  - - - เส้นสีดำผ่านสะดือเเนวยาวจากกระบังลมถึงยอดหัวหน่าว
        
        linea nigra เกิดจาดฮอร์โมนเอสโตรเจนกระตุ้นให้มีการสะสม malenin pigment
      - ระดับยอดมดลูก(high fundus) ระดับสะดือ
        
        เท่ากับ 20 week สัมพันธ์กับอายุครรภ์
      - เหมือนมีอะไรมาตอดอยู่ในท้อง
        
        การดิ้นของเด็กโดยเริ่มดิ้นตั้งเเต่16week
      - น้ำหนักก่อนท้อง 60 กก ปัจจุบัน 65 กก
        
        BMIก่อนคลอด 22.9
        
        เพิ่มขึ้นเหมาะสม 1.6+3.5 = 5.1 กก.
      - เยื่อหุตาไม่ซีด
        
        ไม่มีภาวะซีด
      - มีฝ้าเเละสิวขึ้นใบหน้า
        
        คำแนะนำ
        
        หลีกเลี่ยงการแผชิญแสงแดด ไม่เครียด รับประทานผักและผลไม้
      - เวียนศีรษะเป็นบางครั้ง
        
        มดลูกขยายไปขัดขวางการไหลกับของหลอดเลือด inferior vena cava
      - มือเท้าเเละเท้าเเข้งบวม 1+
        
        มีการบวมเล็กน้อย 2 mm
        
        เกิดจากการเพิ่มของสเตอรอยด์เเละการเพิ่มการซึมผ่านของเส้นเลือดฝอย การเพิ่มเเรงดันของหลอดเลือดดำในอวัยวะส่วนล่างของร่างกาย การลดของโปรตีนในน้ำเลือด เเละการเพิ่มการดูดกลับของไต
      - V/S
        
        BT 36.9 C
        
        PR 86/min
        
        RR 20/min
        
        BP 128/76 mmHg
      - ไม่มีท้องผูก อุจจาระเเละปัสสาวะปกติ
    - - OF positive
        
        เป็นพาหะ
        
        ใช้ในการตรวจกรองพาหะ ß-thalassemia, พาหะ a-thalassemia 1
      - DCIP negative
        
        ไม่พบเชื้อธาลัสซีเมีย
        
        ใช้ตรวจกรอง Hb E
      - Hct 32.6%
        
        ตำกว่าปกติ ค่าปกติ 33 %
      - HIV Non reactive
        
        ไม่พบเชื้อ HIV
      - VDLR reaction
        
        พบเชื้อซิฟิลิส
        
        ตรวจครรภ์เพื่อประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนหรือความเสี่ยงที่พบบ่อยในทารกเช่นทารกบวมน้ำทารกตับและม้ามโตทารกเสียชีวิตในครรภ์หรือตายคลอดทารกโตช้าในครรภ์การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนดเป็นต้นดูแลส่งต่อสตรีตั้งครรภ์พบแพทย์เพื่ออัลตราซาวด์ดูความผิดปกติของทารกจากโรคซิฟิลิส แต่กำเนิดโดยเฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อซิฟิลิสหลังอายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์รวมทั้งหากสตรีตั้งครรภ์ให้ประวัติว่าทารกดิ้นน้อยลงตรวจพบเสียงหัวใจทารกผิดปกติหรือการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ (Non stress test) ผิดปกติส่งพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยต่อไปต้องเพื่อให้สามารถดูแลตนเองและทารกในครรภ์ได้โดยการให้
        
        ให้คำแนะนำสตรีตั้งครรภ์ในการปฏิบัติตัวที่ถูกความรู้เกี่ยวกับโรคและการปฏิบัติตัว ได้แก่ ผลกระทบของการติดเชื้อซิฟิลิสต่อมารดาโดยเชื้อซิฟิลิสอาจทำให้การดำเนินโรครุนแรงจนเกิดซิฟิลิสระบบประสาทได้หากไม่ได้รับการรักษาและอธิบายการแพร่กระจายเชื้อซิฟิลิสสู่ทารกรวมถึงผลกระทบ
      - ได้รับ dT 1 dose
        
        วัคซีนบาดทะยักในหญิงตั้งครรภ์
        
        หากจำไม่ได้ว่าเคยได้รับหรือไม่ ต้องได้รับตอนฝากครรภ์ทันที เข็มที่ 2 ห่างจากเข็ม 1 1 เดือน เข็มที่ 3 ห่างจากเข็มสอง 6 เดือน เเละกระตุ้นทุก10ปี
    - - ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
      - ประวัติส่วนตัว
      - ประวัติการใช้ยาเเละเเพ้ยา
      - ประวัติการคุมกำเนิด
      - ประวัติครอบครัว
      - ประวัติการตั้งครรภ์เเละการคลอดในอดีต
- - - - อาการจะเริ่มเกิดขึ้นประมาณสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์
        
        เกิดจากการที่มดลูกโตไปกดกระเพาะปัสสาวะทำให้มีความจุน้อยลง จึงมีอาการถ่ายปัสสาวะบ่อยอาการนี้จะหายไปเมื่อตั้งครรภ์ได้ 2-3 เดือนหรือมดลูกโตไปอยู่เหนืออุ้งเชิงกราน
        
        อาการถ่ายปัสสาวะบ่อยจะกลับเป็นอีกเมื่อส่วนนําของทารกเคลื่อนตัวลงมาสู่อุ้งเชิงกรานประมาณสัปดาห์ที่ 36 ของการตั้งครรภ์
        
        การพยาบาล
        
        งดการดมเครอื่ งดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะทาให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
        
        ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะอาจทาให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและทาให้มีอาการ ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น
        
        ดื่มน้ำน้อย ๆ ช่วงก่อนนอน
        
        Kegel exercise
        วันละ 50-100 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อควบคุมการปัสสาวะได้ดี
        
        เกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (กลั้นปัสสาวะหรือผายลม) 5 วินาที และผ่อนลงอีก 5 วินาที
        
        ทำซ้ำ 10 ครั้ง เป็นจำนวน 3 รอบต่อวัน (เช้า กลางวัน เย็น)
        
        เมื่อทำจนชินแล้ว ค่อยเพิ่มระยะเวลาการขมิบให้นานขึ้นเป็น 10 วินาที
        
        ปัสสาวะให้เรียบร้อย ยืน นั่ง หรือนอนก็ได้
        
        แนะนาการทาความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์จากด้านหน้าไปยังทวารหนักเพื่อป้องกันการนา เชื้อโรค จากทวารหนักมาทาให้เกิดการติดเชื้อทกี่ ระเพาะปัสสาวะ
    - - เกิดจากของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนไหวได้น้อยลงเกิดการสะสมของก๊าซจึงเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย
        
        นอกจากนี้ยังขึ้นกับปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ เช่นการรับประทานอาหารที่มีกากน้อยการดื่มน้ำน้อย
        
        การพยาบาล
        
        รับประทานอาหารที่มีกากใย
        
        ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว
        
        ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 30 นาที
        
        ท่ากระดกข้อเท้า
        
        นอนหงาย ขาเหยียดตรง วางแขนข้างลำตัว กระดกข้อเท้าขึ้นลง และค้างไว้ 3 วินาที ทำสลับข้างละ 10 ครั้ง
        
        1 more item...
        
        ท่านอนตะแคงยกขา
        
        นอนตะแคงข้าง ใช้มืออีกข้างดันศีรษะ ยกขาขึ้นลงค้างไว้ 3 วินาที ทำสลับข้างละ 10 ครั้ง
        
        1 more item...
        
        ท่าแมวขู่
        
        คุกเข่าอยู่สนท่าคลาน แขนเหยียดตรง ตัวโก่ง ค้างไว้ 3 วินาที จนครบ 10 ครั้ง
        
        1 more item...
        
        ขับถ่ายเป็นเวลา ไม่ควรใช้ยาระบาย
        
        หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทาให้เกิดก็าซ เช่น กะหล่ำปลี อาหารทอด ถั่ว
        
        รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่ให้บ่อยครั้ง เพราะการรับประทานอาหารมากไปจะทาให้ อาหาร
        หมักหมมอยู่ในกระเพาะอาหารนาน
        
        เปลี่ยนท่าทางอิริยาบถบ่อยๆ และควรออกกาลังกายเบาๆ ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที
  - - - เกิดจากกการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลาไส้ลดลงจากอาการอ่อนเพลียและปัจจัยทางด้านอารมณ์หญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกประมาณร้อยละ 50 มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเบื่ออาหารอ่อนเพลียวิงเวียนศีรษะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้
        
        การพยาบาล
        
        ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
        
        งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำอัดลม
        
        แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อ หลีกเลี่ยงอาหารมีกลิ่นฉุนจัด
        
        แปรงฟันหลังรับประทานอาหาร 1ชั่วโมง
      - มีสาเหตุมาจากการเพิ่มของระดับฮอร์โมนที่สร้างจากรก ได้แก่ Human Chorionic Gonadotropin (HCG) และ Human Placental Lactogen (HPL)
    - - การทางานของลาไส้ลดลง ซึ่ง เป็นผลจาก Progesterone และมดลูกกดเบียดการทางานของลาไส้
        
        การพยาบาล
        
        รับประทานอาหารที่มีกากมากๆ เช่น ผักสด ผลไม้
        
        ควรดื่มน้าอุ่นในเวลาเช้าและดื่ม น้ำอย่างน้อยวันละ 6 แก้ว
        
        ควรออกกาลังกายเบาๆ ทุกวัน
        
        ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา
        
        ไม่ควรใช้การสวนอุจจาระยาถ่าย หรือยาระบายยกเว้นได้รับคำแนะนำจากแพทย์
        
        หลีกเลี่ยงการใช้ mineral oil เนื่องจากจะไปลดการดูดซึมวิตามิน A. D. E และK.
  - - - กล้ามเนื้อหลังถูกดึงรั้งจนเกิด muscle strain เป็นลักษณะ lordosis ร่วมกับมี ฮอร์โมน Estrogen และ Relaxin ทาให้ข้อต่อต่างๆ คลายตัวกล้ามเนื้อและเอ็นถูกดึงรั้งโดยน้าหนักของมดลูก รวมทั้ง การที่มีมดลูขยายใหญ่มากทาให้ต้องแอ่นหลังเพื่อปรับสมดุลของร่างกายจึงก่อให้เกิดอาการปวดหลัง
      - การทรงตัวและท่าทางต่างๆ คุณแม่ที่มีหน้าท้องใหญ่มากขึ้น มักเดินตัวแอ่นไปข้างหลังเพื่อพยุงตัว
        
        การพยาบาล
        
        ฝึกท่าที่ถูกต้องสำหรับยืน นั่ง ไหล่คออยู่ในแนวตรง ย่อเข่าก่อนเก็บของ ไม่ใส่รองเท้าส้นสูง
        
        นอนตะแคง งอเข่าและวางขาลงบนหมอนข้าง
        
        หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ และการยืนบนพื้นแข็งๆ โดยควรหาผ้าหรือพรมเช็ดเท้ามารองพื้น และมีเก้าอี้เตี้ยๆ รองขาข้างหนึ่งไว้
        
        แนะนำให้ใช้กางเกงในแบบ Support หน้าท้อง
        
        การออกกาลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลังในท่า Pelvic rocking
        
        ถ้าปวดมากให้นวดหลังได้หรือรับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง
    - - โปรเจสเตอโรนทาให้ กล้ามเนื้อเรียบ ผนังและลิ้นกั้นหลอดเลือดดาคลายตัวเลือดไหลกลับไม่สะดวกก่อให้เกิดการอักเสบของหลอด เลือดดาตามมาได้ซึ่งในระยะแรกจะเห็นเป็นตาข่ายตื้นๆ (Spider network) ต่อมาจะเห็นเป็นปมหรือหลอดเลือด โป่งพองขดไปมา ส่วนมากมักจะเกิดที่น่อง
        
        การพยาบาล
        
        ควรนั่งในท่าปกติ ไม่ไขว่ห้างหรือนั่งพับขา เพราะจะทำให้การไหลเวียนของระบบเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายทำได้ไม่ดี
        
        ขณะนอนให้ใช้หมอนหนุนบริเวณข้อเท้า เพื่อให้ขาสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้ามารดามีอาการของเส้นเลือดขอดเกิดขึ้นแล้ว และมีขนาดใหญ่ อาจหาผ้ายืดที่ใช้สำหรับรัดขา และเท้าโดยเฉพาะ มารัดตรงบริเวณขาให้แน่น เพื่อกดเส้นเลือดให้แบนราบกว่าเดิม ช่วยลดอาการปวดจากเส้นเลือดขอด
        
        เลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง (Crossing the legs)
        
        ถ้าเป็นที่อวัยวะเพศให้นอนราบยกสะโพกสูงวันละหลายๆครั้ง
    - - การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงและทำให้กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณปลายหลอดอาหารที่อยู่ติดกับกระเพาะคลายตัวบ่อยกว่าปกติ
        
        การพยาบาล
        
        รับประทานอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ ควรแบ่งมื้ออาหารให้ถี่ขึ้นและลดปริมาณการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลง รวมทั้งเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
        
        ไม่นอนหลังจากเพิ่งรับประทานอาหารเสร็จ ควรนั่ง ยืน หรือลุกเดินอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารแล้วค่อยเอนตัวนอน
        
        หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อน เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว อาหารรสจัด อาหารไขมันสูง อาหารที่มีกรดเป็นส่วนประกอบ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นต้น
      - ทารกในครรภ์เจริญเติบโตขึ้นจนมดลูกขยายขนาดใหญ่ขึ้นและเบียดกระเพาะอาหารให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น
    - - มดลูกโตเมื่อนอนตัวมดลูกจะไปกดทับที่ Inferior vena cava และหลอดเลือดดาใหญ่ทาให้เลือดไปเลี้ยงไตมากขึ้นจึงมีการกรองปัสสาวะเพิ่มขึ้น
        
        การพยาบาล
        
        แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดในเวลากลางวันๆ ละ 6-8 แก้วและพยายามไม่ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่มี คาเฟอีนก่อนเข้านอน
        
        จัดทางเดินระหว่างที่นอนไปยังห้องน้ำให้โล่งอย่ามีสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
    - - ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทำให้มีของเหลวสะสมคั่งค้างมากกว่าปกติ
      - มดลูกที่เจริญเติบโตขึ้นไปกดทับหลอดเลือดดำที่อุ้งเชิงกราน และหลอดเลือดเวนาคาวา (vena cava) ซึ่งเป็นหลอดเลือดดำใหญ่ของร่างกายซีกขวาที่คอยลำเลียงเลือดจากขา (lower limb) กลับไปยังหัวใจ แรงกดที่เกิดขึ้นทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง ส่งผลให้ของเหลวในหลอดเลือดถูกดันเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณข้อเท้าและเท้ามากขึ้น
        
        การพยาบาล
        
        ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ ช่วยลดอาการบวมน้ำและภาวะขาดน้ำระหว่างตั้งครรภ์
        
        นอนตะแคงซ้าย เพื่อให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้สะดวกขึ้น หรือนอนยกขาสูงโดยอาจใช้หมอนรองใต้ขาเพื่อช่วยลดอาการบวม
        
        ออกกำลังกายบริหารเท้าง่ายๆ เช่น ยืดเหยียดเท้าขึ้นลง 30 ครั้ง หมุนเท้าเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาอย่างละ 8 ครั้ง
        
        ลดอาหารเค็ม เพิ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย กีวี่ มะละกอ เป็นต้น
        
        งดเครื่องดื่มคาเฟอีน ดื่มน้าเพิ่มขึ้นให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- - - - ฝึกท่าที่ถูกต้องสำหรับยืน นั่ง ไหล่คออยู่ในแนวตรง ย่อเข่าก่อนเก็บของ
      - หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ และการยืนบนพื้นแข็งๆ โดยควรหาผ้าหรือพรมเช็ดเท้ามารองพื้น และมีเก้าอี้เตี้ยๆ รองขาข้างหนึ่งไว้
      - ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูง เพราะจะทำให้เดินได้ไม่จะดวก และทำให้เกิดอุบัติเหตุที่จะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์และตัวมารดาด้วย
      - แนะนำให้เลือกใส่รองเท้าที่มีพื้นรองมีความหนาที่เหมาะสม
        มีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง พื้นรองเท้ามีส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้า พื้นรองมีหลุมรับส้นเท้า และสวมใส่สบาย
        ไม่ลื่น ไม่สูง
  - - - การพยาบาล
        
        ให้คำแนะนำในการดูแลตนเองและดูแลเด็กในครรภ์
        
        การให้คำปรึกษาษาในการเลี้ยงดูทารก
        
        ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบทบาทของการเป็นแม่
      - จำนวนครั้งต่อการตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ไม่พร้อมในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป จากเคสกรณีศึกษาจำนวนการตั้งครรภ์ทําให้เกิดความวิตกกังวล เนื่องจากครั้งที่แล้วพบประวัติการแท้งบุตร
    - - การดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้านจิตใจดังนี้การดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการไปหาคุณหมอด้วยกันอย่าผลักภาระไปที่แม่ท้องปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังโดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ตั้งแต่เริ่มฝากครรภ์เพื่อความปลอดภัยของแม่ท้อง
      - เป็นกำลังใจที่ดีให้กับภรรยานอกจากนี้ในวันที่คุณหมอนัดตรวจครรภ์คุณพ่อก็จะได้มีส่วนร่วมและสามารถสอบถามสิ่งที่สงสัยเพื่อให้การดูแลหญิงตั้งครรภ์เป็นไปอย่างถูกต้อง
        
        • การดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการชื่นชม
        
        • การดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการอยู่ใกล้ๆ
      - ด้านร่างกาย
        
        • คุณพ่อควรดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการหาข้อมูลศึกษาถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้สัญญาณต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติเพื่อช่วยดูแลหญิงตั้งครรภ์ระหว่างตั้งครรภ์
        
        • คุณพ่อควรดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการศึกษายาที่ต้องห้ามระหว่างตั้งครรภ์ยาบางชนิดเป็นยาที่ไม่ควรใช้ระหว่างตั้งครรภ์หรือยาที่ควรมีไว้ติดบ้านเพื่อกรณีฉุกเฉิน
        เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ
        
        • คุณพ่อควรดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการบีบนวดช่วยให้หญิงตั้งครรภ์ผ่อนคลาย
        
        • คุณพ่อควรดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการชวนกันไป ออกกําลังกายเช่นเดินเล่นสวนสาธารณะหรือพาหญิงตั้งครรภ์ไปศึกษาโยคะคนท้อง หรือการออกกําลังกายสําหรับคนท้อง
        
        • คุณพ่อควรดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยการเตือนสิ่งสำคัญ เช่น คอยเตือนให้หญิงตั้งครรภ์นับลูกดิ้น คอยสอบถามอาการในแต่ละวัน คอยเตือนให้หญิงตั้งครรภ์กินวิตามินบำรุงครรภ์ หรือกินยาตามหมอสั่ง คอยเตือนเรื่องฉีดวัคซีน คอยเตือนให้หญิงตั้งครรภ์ดื่มน้ำบ่อยๆ
        ที่สำคัญคอยดูแลหญิงตั้งครรภ์ตอนนอนด้วย