Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
DHF
(Dengue hemorrhagic fever), วันที่ 17 ตุลาคม 2561, วันที่ 16 ตุลาคม…
-
-
-
-
- WBC
- Hematocrit
- Platelet count
- Monocyte
- Basophil
- MCV
- MCH
-
-
3,760 
42
14,000 
18 
3 
69 
24
-
-
- 5,000-10,000 cells/cumm
- M 40-50, F 36-45 g/dL
- 140,000-400,000 cell/mm^3
- 3.4-9.0 %
- 0.1-1.5 %
- 80.0-99.0 fl
- 27.0-31.0 pg
-
-
- Sodium
- Chloride
- Total CO2
-
-
-
-
- 136-145 mmol/L
- 98-107 mmol/L
- 22-29 mmol/L
-
- Total Protein
- Globulin
- Direct bilirubin
- AST (SGOT)
- Alkaline Phosphotase
2,660 
41
33,000 
11 
3 
69 
24
-
-
-
-
- 6.6-8.7 g/dL
- 2.7-3.5 g/dL
- 0-0.2 mg/dL
- 0-40 U/L
- 35-129 U/L
-
- Protein
- Urobilinogen
- Bilirubin
-
-
-
-
- Negative
- Negative
- Negative
-
-
-
-
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1. เสี่ยงต่อภาวะช็อก เนื่องจากการรั่วของพลาสมาออกจากหลอดเลือด
- S: ผู้ป่วยบอกว่า “ฉี่วันละประมาณ 5-6 ครั้ง ในแต่ละครั้งที่ฉี่ปัสสาวะออกน้อย ไม่มีเลือดไม่มีหนองปน ปวดหัวเล็กน้อย ไม่หลงลืม รู้สึกตัวดี”
- O: สัญญาณชีพ T = 37.3 องศาเซลเซียส PR = 86 ครั้ง/นาที RR = 20 ครั้ง/นาที BP = 110/70 mmHg
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่า Platelet count ลดลงอย่างรวดเร็วจาก 33,000 cell/mm^3 เหลือ 12,000 cell/mm^3 , AST (SGOT) = 50 U/L , Alkaline Phosphotase = 174 U/L
วัตถุประสงค์: ป้องกันการเกิดภาวะช็อก
- สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะช็อก เช่น ชีพจรเบาเร็ว หัวใจเต้นเร็ว Pulse pressure แคบ กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่มีปัสสาวะ เป็นต้น
- ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะช็อก โดย keep BP > 90/60 mmHg, RR > 20 /min และ PR > 120 /min
- บันทึกสารน้ำเข้า-ออก ทุก 8 ชั่วโมง ประเมินลักษณะการขับถ่ายปัสสาวะ สีปัสสาวะ กลิ่น ปริมาณ พร้อมทั้ง Keep urine output ³ 200 ml / 8 hr
- ติดตามค่า Hct q 6 hr keep 36-44% ® 40% เพื่อเฝ้าระวังการรั่วของพลาสมา/ระยะช็อก
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 5%DNSS 1000 ml IV rate 40 ml/hr เพื่อป้องกันภาวะช็อกและทดแทนปริมาณพลาสมาที่รั่วออกไป
- ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ Platelet count, Hematocrit, AST (SGOT) Alkaline Phosphotase และ Urine Specific gravity
-
-
-
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
2. มีภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก เนื่องจากกระบวนการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- S: ผู้ป่วยบอกว่า “วันแรกๆที่มาโรงพยาบาลปวดท้องมาก แต่ตอนนี้ไม่ปวดแล้ว เมื่อวานถ่ายเป็นสีดำ แต่วันนี้ยังไม่ถ่าย”
- O: การตรวจร่างกาย พบว่า มีรอยผื่นแดงกระจายตามส่วนต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ที่ผิวหนัง ทรวงอก และบริเวณหน้าท้อง
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันที่ 16 ตุลาคม 2561
Platelet count = 33,000 cell/mm^3
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันที่ 17 ตุลาคม2561
Platelet count = 28,000 cell/mm^3
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันที่ 18 ตุลาคม 2561
Platelet count = 14,000 cell/mm^3
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันที่ 19 ตุลาคม 2561
Platelet count = 12,000 cell/mm^3
วัตถุประสงค์: ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกทั้งภายใน และภายนอกร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
- สังเกตลักษณะ จำนวน และตำแหน่งเลือดออกภายนอกร่างกาย (External bleeding) เช่น จุดเลือดออกตามร่างกาย เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน
- สังเกตอาการและอาการแสดงของการมีเลือดออกภายในร่างกาย (Internal bleeding) เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (Melena) ปัสสาวะมีเลือดปน (Haematuria) อาเจียนเป็นเลือด
- ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง การวัดความดันเลือดไม่ควรใส่ความดันใน Cuff สูงเกินไป เพราะอาจทำให้เส้นเลือดแตกได้ง่าย
- งดการแปรงฟัน เพื่อป้องกันการมีเลือดออกตามไรฟัน
- ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหาร (Soft diet) งดอาหาร ดำ แดง น้ำตาล เพราะถ้าผู้ป่วยอาเจียนอาจทำให้สับสนกับภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
- ดูแลป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยท้องผูก เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกบริเวณทวารหนัก ขณะอุจจาระ โดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-11แก้ว/วัน หรือ 1,900 - 2,600 ซีซี
- ป้องกันอุบัติเหตุหรือการกระทบกระแทกที่อาจทำให้เสียเลือดได้ เช่น การตกเตียง การหกล้ม การเดินชนโต๊ะ
- ระมัดระวังเรื่องการฉีดยา การเจาะเลือด การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำควรเลือกหัวเข็มขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อหรือใต้ผิวหนัง หากจำเป็นควรใช้เข็มเบอร์เล็ก คม และเมื่อดึงเข็มออกแล้วต้องกดไว้นานประมาณ 3-5 นาที
- หากผู้ป่วยมีการสูญเสียเลือดให้ทำการบันทึกปริมาณเลือดที่สูญเสียไปด้วย
- ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ Platelet count และ Hematocrit
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
**3. เสี่ยงต่อภาวะขาดสารน้ำและสารอาหาร เนื่องจากร่างกายได้รับสารอาหารและสารน้ำไม่เพียงพอ
- S: ผู้ป่วยบอกว่า “ ฉี่วันละประมาณ 5-6 ครั้ง ในแต่ละครั้งที่ฉี่ปัสสาวะออกน้อย ปวดหัวเล็กน้อย แต่ไม่เวียนหัว มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน 1 ครั้ง”
- O: การตรวจร่างกาย พบว่า ปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม ปริมาณน้อย
-ผลการตรวจ UA พบว่า Urine-Color = Amber , Protein = +1, Urobilinogen = 2+, Bilirubin = +1
วัตถุประสงค์: ได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิกาย เพื่อติดตามภาวะไข้
- บันทึกลักษณะและปริมาณของอาเจียน เพื่อประเมินความรุนแรงของอาการคลื่นไส้อาเจียน
- บันทึกสารน้ำเข้า-ออก ทุก 8 ชั่วโมง เพื่อประเมินลักษณะการขับถ่ายปัสสาวะ สีปัสสาวะ กลิ่น ปริมาณ
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 5%DNSS 1000 ml IV rate 40 ml/hr เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำของร่างกาย
- ดูแลให้ได้รับยา Dimenhydrinate 50 mg IV prn q 6 hr เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ผลข้างเคียง ปาก คอ หรือจมูกแห้ง ตาพร่าเบลอ ง่วงนอน
- ดูแลให้ได้รับยา Motilium 1×3 po ac เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผลข้างเคียง ปวดบริเวณหน้าอก อาการชัก ท้องเสียตื่นตัว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
- กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ (Force oral fluid) อย่างน้อยวันละ 8-11แก้ว/วัน หรือ 1,900 - 2,600 ซีซี เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- คอยดูแลให้จิบ ORS บ่อยๆ เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
- ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ Specific gravity