Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาปฏิชีวนะและยาต้านจุลชีพ, ่ - Coggle Diagram
ยาปฏิชีวนะและยาต้านจุลชีพ
เป็นสารสกัดจากจุลินทรีย์บางชนิด
สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค (Bacteriostatic)
อทําให้เชื้อโรคนั้นตายได้ (Bactericidal)
กลไกการออกฤทธิ์ของยาปฏิชีวนะต่อแบคทีเรีย
ขัดขวางการสร้างผนังเซลล
Penicillins
Cephalosporins
ออกฤทธิ์ดีมากในระยะเวลาที่จุลชพีเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ขัดขวางการทํางานของเยื่อหุ้มเซลล
Polypeptide antibiotic
antifungal antibiotic
ออกฤทธิ์ทันที่เมือสัมผัสกับจุลชีพ
3.ขัดขวางการสร้างโปรตีนในเซลล์
Macrolide antibiotic
Aminoglycoside
Tetracycline
Chloramphenical
ขัดขวางการสร้างกรดนิวคลีอิค
Griseofulvin
Rifampicin
ทําให้ขบวนการสร้างโปรตีนของแบคทีเรียผิดปกติ
Aminoglycosides
1. ยาต้านแบคทีเรีย
กลุ่มยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย
ยา β-lactam
Penicillins Natural penicillins
penicillin G
penicillin V
ยาต้านเชื้อ staphylococci
Cloxacillin
oxacillin
methicillin
nafcillin
3.ยาที่มีขอบเขตการต้านแบคทีเรียขยายกว้าง
Amoxicillin
ampicillin
ยาทที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อpseudomonas
Ticarcillin
carbenicillin
piperacillin
Carbapenems
Meropenam
ertapenem
imipenem
6.Monobactams
Aztreonam
Cephalosporins
รุ่นที่ 1
Cefadroxil
cefazolin
cephalexin
cephalothin
cephapirin
cephradine
รุ่นที่ 2
Cefaclor
cefamandole
cefmetazole
cefonicid
cefotetan
cefoxitin
cefprozil
cefuroxime
รุ่นที่ 3
Cefdinir
cefixime
cefoperazone
cefotaxime
ceftibuten
ceftizoxime
ceftriaxone
รุ่นที่ 4
Cefepime
cefpirome
Glycopeptides
vancomycin
teicoplanin
ยาอื่นๆ
ยาปิดกั้น bactopenol ได้แก่ bacitracin
ยายับยั้ง EPT ได้แก่ fosfomycin
สารที่มีโครงสร้างคล้าย alanine ได้แก่ cycloserine
ยายับยั้ง β-lactamase
clavulanic acid
sulbactam, tazobactam
ยาที่ทําลายเยื่อหุ้มเซลล์
polymycin A/B
1.Penicillins
ยาปฏิชีวนะ penicillins ได้มาจากเชื้อรา Penicillium chrysogenum
แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ
Natural penicillins หรือ penicillins
ยา penicillins ที่สามารถต้านเชื้อ Staphylococcus
Penicillins ที่มีขอบเขตการต้านเชื้อขยายออก
Penicillins ที่สามารถต้านเชื้อ Pseudomonas
กลไกการออกฤทธิ์
ยา penicillins ผ่านผนังเซลล์แบคทีเรียแล้วไปจับกับ penicillin-binding proteins (PBP)
ซึ่งอยู่บน cytoplasmic membrane
ยับยั้งเอนไซม์ transpeptidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ PBP
ทําให้ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์(cell wall)
ทําให้เซลล์แบคทีเรียแตกสลาย (lysis)
กลไกการดื้อต่อ penicillins
มี 3 กลไกหลัก
การสร้าง β-lactamase เพื่อทําลายยา การเปลี่ยนแปลง PBP ทําให้ยาจับได้น้อยลงและ
การเปลี่ยนแปลง porins ทําให้ยาผ่านเข้าได้น้อยลง
ยาไม่มีผลต่อแบคทีเรียที่ไม่มีผนังกั้นเซลล์หรือแบคทีเรียที่อยู่ในระยะที่ไมได้เจริญเติบโต
โดยปกติยา penicilins จะไมเ่ข้าสมอง ยกเว้นเมื่อ เกิดการอักเสบ เช่น เยื่อหุ้ม สมองอักเสบ(meningitis) ทําให้ยาสามารถผ่านเข้าสมองได้
ประโยชน์ในการใช้
Natural penicillins มีผลต่อแบคทีเรียแกรมบวกเป็นส่วนใหญ่ เชื้อที่ไวต่อยาได้แก
streptococci
ใช้ penicillin เป็นยาตัวเลือกอันดับ 1
Pneumococci
ใช้penicillin เป็นยาตัวเลือกอันดับ 1
ปัจจุบันพบเชื้อนี้ดื้อต่อยา penicillin มากกว่า 70%
Meninggococci
ใช้ยา penicillin เป็นตัวเลือกอันดับ 1
ยาไม่มีผลต่อ Neisseria gonorrhoeae
Clostridium
โรค gas gangrene
บาดทะยัก
spirochetes
syphilis
leptospirosis
เชื้ออื่นๆ
Listeria
enterococci
diphtheria
antrax
เภสัชจลนศาสตร์
การดูดซึมจากทางเดินอาหารไม่แน่นอน ขึ้นกับปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร และความสามารถของยาในการทน
กรด
ยาจับกับโปรตีนในอาหารทําให้การดดู ซึมน้อยลง
การดูดซึมยาจะน้อยลงเมอื่ รับประทานพร้อมอาหาร
ควรกินยาตอนท้องว่าง
ยาส่วนใหญ่ถกูขับในรปูเดิมที่ไมเ่ปลี่ยนแปลงทางปัสสาวะ โดยการกรอง (glomerular filtration) และการขับออกทางท่อไต (tubular secretion)
ยกเว้น nafcilin และ ampicillin ถูกทําลายที่ตับและขับออกทางน้ำดี
ผลข้างเคียง
ชัก (seizure)
อาการทางระบบทางเดินอาหาร
ท้องเสีย (diarrhea)
คลื่นไส้(nausea)
เลือดจางเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก
ไตอักเสบ (nephritis)
2.ยา penicillins ที่สามารถต้านเชื้อ staphylococcus
ทนต่อเอนไซม์ β-lactamase
Methicillin เลิกใช้ทางคลินิกแล้ว
Nafcillin
Dicloxacillin
Cloxacillin
ประโยชน์การนําไปใช้
มีขอบเขตการต้านแบคทีเรียแคบ
ควรใช้เฉพาะการรักษาการติดเชื้อ staphylococci
กรณีที่ผลเพาะเชื้อพบว่าเชื้อ staphylococcus aureus ดื้อต่อ methicillinแสดงว่า
ยากลุ่มนี้ทั้งหมดใช้ไม่ได้ผล ทางเลือกคือใช้ vancomycin
ผลข้างเคียง
เหมือนกับ natural penicillins
Methicillin ทําให้เกิดไตอักเสบจึงเลิกใช้ยานี้ในคนแล้ว
Methicillin กับ Nafcillin อาจทําให้เม็ดเลือดขาวชนิด granulocytes ต่ำ (granulocytopenia) โดยเฉพาะในเด็ก
Oxacillin อาจทําให้ตับอักเสบ (hepatitis)
Penicillins ที่มขีอบเขตการต้านเช้ือที่ขยายออกไป
หรือเรียกว่า aminopenicillins
Amoxicillins ใช้เป็นยากิน
Ampicillin ใช้เป็นยากิน ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดํา หรือฉีดเข้ากล้าม
ประโยชน์การนําไปใช้
ใช้เป็นตัวเลือกแรก (first-line drug) ในการรักษาหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน
โรคแผลในกระเพาะอาหาร (peptic ulcer)
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อ Salmonella
ผลข้างเคียง
เหมือนกับ penicillins
การใช้ ampicillin ในผู้ป่วยโรค mononucleosis อาจทําให้เกิดผื่น
Ampicillin อาจทําให้เกิดผื่น pseudomembranous colitis
4.Penicillins ที่สามารถต้านเชื้อ Pseudomonas
ตัวอย่างยา
piperacillin
ticarcillin
เป็นนยาฉีดเข้ากล้ามและหลอดเลือดดํา
ยากลุ่มนี้ถูกทําลายโดย β-lactamase
ยากลุ่มนี้ถูกทําลายโดยกรดในกระเพาะอาหารอย่างรวดเร็ว
ยามีผลต่อเชื้อแบคทีเรียแกรมลบทรงแท่ง
Enterobacter
Pseudomonas
ปอดอักเสบ (pneumia) จากการติดเชื้อ Proteus, E. coli, Enterobacter หรือ Klebsiella pneumoniae
ทางเดินปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื้อกลุ่มเดียวกับโรคปอดอักเสบข้างบน
ผลข้างเคียง
ยับยั้งการทํางานของเกร็ดเลือด (Platelet dysfunction)
การแพ้ยา
ยาที่ใช้รักษาการติดเช้ือ Pseudomonas arieruginosa
ตัวเลือกที่ 1 (1st-line choice)
(ticarcillin หรือ piperacillin)
ร่วมกับ
1 more item...
ตัวเลือกที่ 2 (2nd-line choice)
(cefepime หรือ ceftazidime)
ร่วมกับ
1 more item...
ตัวเลือกที่ 3 (3rd-line choice)
(imipenem หรือ aztreonam)
ร่วมกับ
1 more item...
การเลือกใช้ยาต้องพจิารณายาตัวเลือกที่ 1 ก่อนเสมอ
การพยาบาล
1.ก่อนเริ่ม dose แรก ควรถามประวัติการแพ้ยาก่อน ถ้ามีประวัติการแพ้ควรเขียนไว้ใน OPD card รายงานหรือ kardex ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ง่ายแม้จะเป็นสารอื่นก็ต้องระวังเป็นพิเศษ
ตรวจสอบวิธีการใช้ยา วิถีทาง ให้ชัดเจน เพราะยาบางอย่างฉีดเข้าหลอดเลือดดําไม่ได้ ฉะนั้นแม้จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ก็ต้องระมัดระวังอย่าให้ปลายเข็มแทงเข้าไปในหลอดเลือดเป็นอันขาด
การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ควรเลือกกล้ามเนื้อที่ใหญ่และหนา ต้องฉีดให้ลึก เพราะยาจะระคายเคืองทํา
ให้เจ็บปวดมาก
การฉีดเข้าเส้นเลือดดําควรเลือกเส้นที่ใหญ่พอสมควร เลือกเข็มที่เล็กและคมการเจือจางยาพอสมควรจะช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดดําได้มาก
5.เตรียมเครื่องใช้สําหรับการช่วยเหลือฉุกเฉินให้พร้อมเสมอ ในกรณีที่เกิดการแพแ้บบ
Anaphylactic reaction
6.ไม่ควรผสมกับยาอื่นพร้อมกัน เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาที่ไม่ต้องการได้เช่น ฉีด penicillin ขณะที่กําลังให้ sodium bicarbonate หยดทางหลอดเลือดดําอยู่ โดยฉีด I.V. line เดียวกัน penicillin จะถูกทําลาย เพราะ pH จะเปลี่ยนไป
2.Cephalosporins
คุณสมบัติทั่วไป
เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่ม β-lactams โครงสร้างประกอบด้วยวงแหวน lactam (lactam ring)
สกัดจากเชื้อรา cephalosporium acremonium
มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย (bacteriacidal activity)
กลไกการออกฤทธิ์
จับกับ peniciilin binding protein (PBP)
ยับยั้ง transpeptidase ใน PBP
กระตุ้นเอนไซม์ autolysin ทําให้แบคทีเรียย่อยสลายตัวเองมากขึ้น
ผลข้างเคียง
การแพ้ยา (hypersensitivity reactions)
พบประมาณ 10-15% ของผู้ป่วยที่แพ้penicillins ซึ่งมักจะแพ้cephalosporins
พิษต่อไต (nephrotoxicity) จึงต้องลดขนาดยา (dose) ในผู้ป่วยโรคไต ยกเว้น cefoperazone และ ceftriaxone
Disulfiram-like reactions ถ้าได้รับแอลกอฮอล์ร่วมอาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ พบบ่อยใน cefotetan,
cefamandole และ cefoperazone ขณะที่ได้รับยานี้ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์
Coombs’test ให้ผลบวก แต่มักไม่พบว่าเกิดภาวะซีดจากเม็ดเลือดแดงแตก (hemolytic anemia)
Cephalosporins แบ่งเป็ น 4 รุ่น
Cephalosporins ร่นุ ที่ 1 ยากินได้แก่ cephalexin (keflex®) และ cephadroxil มีฤทธิ์ครอบคลุมแบคทีเรียดังต่อไปนี้
แบคทีเรียแกรมบวกทรงกลม
ยาไม่ครอบคลุมเชื้อ enterococci
ไม่เข้าสมอง
นิยมให้ก่อนผ่าตัด เพือป้องกันการติดเชื้อที่ผิวหนัง
Cefazolin ออกฤทธิ์นาน ยาเข้ากระดูกได้ดี
Cephalosporins รุ่นที่ 2 ยากินได้แก่ cefaclor, cefuroxime axetil, loracarbef และ
cefprocil ยาฉีดได้แก่ cefotetan, cefoxitin และ cefuroxime
Cephalosporins รุ่น ที่3
ยากินได้แก่ cefixime, cefpodoxime, cefdinir, ceftibuten
ยาฉีดได้แก่ cefoperazone, cefotaxime, ceftazidime, ceftizoxime และ ceftriaxone
ครอบคลุมแบคทีเรียแกรมลบหลายชนิด ทั้งทรงกลมและแท่ง แต่ครอลคลุมแบคทีเรียแกรมบวกน้อย
การติดเชื้อ Pseudomonas ใช้ ceftazidime หรือ cefoperazone
การติดเชื้อ Burkholderia (Pseudomonas) pseudomallei ที่ทําให้เกิดโรค melioidosis
ใช้ยา ceftazidime
Cephalosporins ร่นุ ที่ 4
ตัวอย่างยาได้แก่ cefepime, cefpirome ใช้เป็ นยาฉีดเท่านั้น
ยามีฤทธิ์ขยายขอบเขตต่อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบมากขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นที่ 3 โดยเฉพาะเชื้อPseudomonas ที่สร้าง β-lactamase (ยาทนต่อเอนไซม์นี้มากขึ้น)ซึ่งทนต่อ β-lactamase มากที่สดุ ในกลุ่ม cephalosporin
Carbapenems
เป็นยาต้านแบคทีเรียกลุ่ม β-lactams ที่ได้มาจากการสังเคราะห์
มีโครงสร้างคล้าย penicillins
มีกลไกการออกฤทธิ์เหมือน penicillins ในปัจจุบันยายังทนต่อ β-lactamase
มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย (bactericidal)
ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ imipenem เป็นยาต้นแบบ meropenem และ ertapenem
ยาทั้ง 3 ชนิดเป็ นยาฉีดเท่านั้น
Imipenem
มีผลฆ่าแบคทีเรียกว้างมาก (bactericidal) สามารถฆ่าได้ทั้งแบคทีเรียแกรม
บวก แกรมลบ และ anaerobes
พบเอนไซม์ที่proximal tubules ในไต
การยับยั้งเอนไซม์นี้ทําให้ยา Imipenem มีผลรักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ลดพิษต่อไต
Imipenem ถูกทําลายอย่างรวดเร็วโดย dehydropeptidase ในไต
ยาถูกขับออกทางปัสสาวะ ต้องปรับลดขนาดยาในผู้ป่วยไตวาย
ประโยชน์การนําไปใช
รักษาการติดเชื้อ pneumococci ที่ด้ือต่อ penicillins โดยใช้เป็ นตัวเลือกรองจาก ceftriaxone
ใช้ Imipenem หรือ meropenem ร่วมกับ tobramycin รักษาการติดเชื้อ Pseudomonas โดยเป็ น
ตัวเลือกอันดับ 3
รักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่เกิดจาก Enterobacter (แกรมลบทรงแท่ง) ใช้เป็ นตัวเลือกอันดับ 1
ผลข้างเคียง
ชัก (seizures) โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไต
รบกวนระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้อาเจียน อุจจาระร่วง)
เม็ดเลือดขาวชนิด eosinophils มาก (eosinophilia)
การพยาบาล
ซักประวัติการแพ้ยา
ถ้าฉีดเข้ากล้ามเนื้อจะปวดมาก หากจําเป็นต้องฉีดควรฉีดให้ลึกที่กล้ามเน้ือใหญ่ เช่น
กล้ามเนื้อสะโพก และเปลี่ยนที่ฉีดเสมอ
การฉีดเข้าหลอดเลือดดํามกัพบว่ามีการอักเสบบริเวณรอยฉีดยา อาจหลีกเลี่ยงโดยการเจือจางยาให้มากและฉีดหรือหยดช้าๆ
Cephalotin เมื่อผสมแล้วยาจะคงทนอยู่ได้ประมาณ 6 ชั่วโมงในอุณหภูมิหอง การหยดทางหลอดเลือดดําควรให้หมดในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ผสมแล้วใช้ไม่หมด ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะคงทนอยู่ได้ประมาณ 48 ชั่วโมง
Monobactam
ตัวอย่างยาเช่น aztreonam
กลไกการออกฤทธิ์
เหมือน penicillins และยานี้เป็ นยากลุ่ม β-lactams
Aztreonam
ใช้เป็ นยาฉีด (IV, IM)
ยาถูกขับทางปั สสาว
ยามีผลฆ่าแบคทีเรีย (bacteriacidal)
ยาไม่มีผลต่อแบคทีเรียแกรมบวก และ anaerobes แต่มีผลต่อแบคทีเรียแกรมลบหลายชนิด
นิยมใช้ยานี้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบทรงแท่ง เช่น Pseudomonas, Klebsiella, Serratia เป็ นต้น
Aztreonam ทนต่อ β-lactamase
ไม่มี cross-allergenicity กับ penicillins ดังนั้นผูท้ี่แพ้penicillins สามารถใช้ยานี้ได้
ผลข้างเคียง
ผนื่ (skin rash)
เอนไซม์จากตับสูงในเลือด
รบกวนทางเดินอาหาร (คลื่นไส้อาเจียน)
Glycopeptides
ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ vancomycin ทั้งกินและฉีด teicoplanin และ dalbavancin
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งกระบวนการ polymerization ของสาย peptidoglycan
มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย (bacteriacidal) แกรมบวกทุกชนิด
ปัจจุบันยานี้ถูกสงวนไว้สําหรับการติดเชื้อรุนแรงที่เกิดจาก Staphylococcusaureus ที่ดื้อต่อ methicillin และ
แบคทีเรียแกรมบวกอื่นๆ ที่ดื้อยาอื่น รวมทั้งสงวนสําหรับผู้ป่วยที่แพ้ penicillin
ผลข้างเคียง
ไข้หนาวสั่น (Fever and chills)
ช็อก จากการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดําเร็วเกินไป
Red man’s syndrome ซึ่งมีอาการหน้าแดง ความดันเลือดต่ำ โดยเฉพาะเมื่อฉีดยาเร็วๆ เชื่อว่าเกิด
จากการกระตุ้นการหลั่ง histamine
พิษต่อหู (ototoxicity)
พิษต่อไต (nephrotoxicity) ซึ่งพบน้อย
ยาอื่นๆที่ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์
Bacitracin
ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ โดยไปยับยั้งการเสียหมู่ฟอสเฟต (dephosphorylation) ของbactropenol pyrophosphate
ยาไม่ถูกดูด ซึมจากทางเดินอาหารในบางครั้งเพื่อกำจัดเชื้อ Clostidium difficile ในทางเดินอาหาร
ผลข้างเคียง
ผนื่ คลื่นไส้อาเจียน
Cycloserine
เป็ น analog ของ D-Ala
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสังเคราะห์ peptidoglycan
ยามีผลต่อเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ แต่นิยมใช้รักษาวัณโรคซึ่งเกิดจาก เชื้อ Mycobacterium tuberculosis ที่ดื้อ
ต่อยาต้านวัณโรคตัวเลือกแรก (first-line-drugs)
ผลข้างเคียง
พิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง
อาจทําให้เกิดสั่น (tremors)
ชัก (seizures)
สับสน (confusion)
ปวดศีรษะ
มีอาการโรคจิต (psychosis)
Fosfomycin
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยากิน
ยับยั้ง enol pyruvate trnasferase ในแบคทีเรีย แต่ไม่มีผลต่อเอนไซม์นี้ในคน
มีผลต่อแบคทีเรียแกรมลบ เช่น E. coli, Klebsiella และ Serratia
ยาถูกขับออกทางเดินปัสสาวะ
ยามีผลน้อยมากต่อแบคทีเรียแกรมบวก
ผลข้างเคียง
พบน้อย
ปวดศีรษะ
อาเจียน
อุจจาระร่วง
ยายับยั้ง β-lactamase (β-lactamase inhibitors)
ตัวอย่างยา
clavulanic acid
sulbactam
tazobactam
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้ง β-lactamase ชนิด (class ) A
แต่ไม่มีผลต่อ β-lactamase ชนิด B, C และ D เมื่อให้ยาเหล่าน้ีอย่างเดียวจะไม่มีผลต่อแบคทีเรียแต่ต้องใช้
ร่วมกับ β-lactams เช่น penicillins ปัจจุบันใช้ยาเหล่านี้ผสมกับยายับยั้งการสร้างผนังเซลล์อื่นๆ
amoxicillin+clavulanate (Augmentin®) เป็นยากิน
ampicillin+sulbactam (Unansyn®) เป็นยาฉีด
piperacillin+tazobactam (Zosyn®) เป็นยาฉีด
ticarcillin+clavulanate (Timentin®) เป็นยาฉีด
ยายับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนในแบคทีเรีย
ยาต้านแบคทีเรียยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนในแบคทีเรียออกฤทธิ์โดยจับกับไรโบโซม 70s
ของแบคทีเรียที่ตําแหน่งต่างๆ
สําหรับคนจะมีเซลล์แบบ eukaryotic ซึ่งมีไรโบโซม 80s
(ประกอบด้วยหน่วยย่อยคือ 60s และ 40s )
แต่ในแบคทีเรียจะมี ไรโบโซม 70s (ประกอบด้วยหน่วยย่อยคือ 50s และ 30s)
ยาเหล่านี้จึงมีพิษเฉพาะต่อแบคทีเรียเท่านั้น เรียกว่า selectivity toxicity
s ย่อมาจาก Svedburg unit of sedimentation coefficient
Aminoglycosides
ได้แก่ amikasin, netilmycin, neomycin, tobramycin, gentamycin, streptomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ยามีผลต่อแบคทีเรียแกรมลบ โดยยาผ่านเยื่อชั้นนอก (outer membrane) ทางโปรตีน ยาจะถูกนําเข้าเซลล์
โดยกระบวนการ active transport ซึ่งอาศัยออกซิเจน
ทําให้ยาผ่านเยื่อ cytoplasmic เข้าสู่ cytoplasm แล้วยาจับกับไรโบโซมหน่วยย่อย 30s อย่างถาวร
ทําให้มีการยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนในระยะเริ่มต้น (initiation step)
ทําให้เกิดความผิดพลาดในการอ่าน mRNA (mRNA misreading)
aminoglycoside มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย (bacteriacidal)
เภสัชจลนศาสตร์
มีขั้วมากเพราะมีประจุบวกมากในโมเลกุลเป็นเบส และละลายในน้ําทำ ให้ไม่ถูกดูดซึมจาก
ทางเดินอาหาร จึงนิยมให้ทางหลอดเลือดดํา
ยากระจายตัวได้ดีในร่างกายแต่ไม่เข้าสมองและไม่สะสมในไขมัน ยาสะสมอย่างมากในไตและ
endolymph ในหูชั้นใน ทําให้ยามีพิษต่อไตและหู
ยาถกูขับออกจากร่างกายในรปูไมเ่ปลี่ยนแปลงทางปัสสาวะ ต้องปรับลดขนาดยาในผูป้่วยที่มี
ความบกพร่องของไต
ยา aminoglycoside เป็นยาฉีด (IV) เพราะยาไม่ถูกดูดซึมโดยการกิน ยกเว้น neomycinซึ่งไม่สามารถให้โดยการฉีดได้เพราะมีพิษต่อไตมาก แต่ใช้เป็นยาทาผวิหนังและกินเพื่อทำลายเชื้อในลําไส้ก่อนการผ่าตัด
ประโยชน์ทางการใช้
ใช้รักษาการาติดเชื้อแกรมลบที่มาจากทางเดินอาหาร เช่น Escherichia coli,Enterobacter และ Klebsiella ยายังมีฤทธิ์ต้าน Pseudomnas aeruginosa ยาaminoglycosides มักให้ร่วมกับ β-lactams ทําให้เสริมฤทธิ์กัน (synergism)
เช้ือแกรมลบที่ด้ือต่อ gentamicin อาจตอบสนองต่อ amikacin
ยา aminoglycoside ไม่มีผลต่อ Burkholderia pseudomallei และไม่ครอบคลุม
เชื้อ anaerobes เพราะการขนส่งยาเข้าเซลล์แบคทีเรียต้องอาศัยออกซิเจน
ฤทธิ์ต้านแบคทีเรียข้ึนกับความเข้มข้นของยาในเลือด ไมข่ ้ึนกับเวลา และยามีpostantibiotic effect
กลไกการดื้อยา aminoglycosides
เกิดจากเอนไซม์ trasferase ซึ่งสร้างโดยเช้ือ gene ที่คุมการสร้างเอนไซม์นี้ถูกถ่ายทอดสู่
แบคทีเรียตัวอื่นทางพลาสมิด
การลดการขนส่งยาเข้าแบคทีเรีย
การเปลี่ยนโครงสร้างของไรโบโซมหน่วยย่อย 30s จนทําให้ยาจับได้ไม่ดี
ผลข้างเคียง
พิษต่อไต (nephrotoxicity) พบบ่อยใน gentamicin และ tobramycin โดยปกติไม่ถาวรแต่ถ้าให้ยาต่อไปนานๆ อาจทําให้เกิด acute tubular necrosis จนไตเสื่อมถาวร ซึ่งพบบ่อยในผู้สูงอายุ
พิษต่อหู (ototoxicity) พบบ่อยใน amikacin และเกิดถาวร เนื่องจากยามีพิษต่อvestibular nerve และ auditory nerve ทําให้เวียนหัวและหูหนวกตามลําดับ พิษต่อหูนี้จะเกิดมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะกลุ่ม loop diuretics
ปิดกั้น neuromuscular junction ทําให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงคล้ายอัมพาต (paralysis) เมื่อได้รับยาในขนาดสงูสาเหตุเพราะยายับยั้งการหลั่ง acetylcholine จากปลายประสาท และเพิ่มความไวของ acetylcholine receptors ที่ด้าน postsynaptic
ใช้ยาในหญิงมีครรภ์อาจทําให้เกิดพิษต่อ cranial nerve VIII ดังนั้นควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง
ยา aminoglycosides มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงโดยเฉพาะต่อหแูละไต ดังนั้นควรติดตาม
ระดับยาในกระแสเลือด
Netilmicin มพี ษิต่อไตน้อยที่สดุ ในกลุ่ม aminoglycosides ยานี้มีขอบเขตต่อเชื้อแกรมลบ
คล้าย amikacin
่