Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Intercoatal Draninge (ICD), เช่นเดียวกับการเจาะโพรงเยื่อหุ้มปอด,…
Intercoatal Draninge (ICD)
ข้อบ่งชี้ :<3:
เพื่อระบายอากาศ สารน้ำ หรือเลือด ในโพรงเยื่อหุ้มปอด
อุปกรณ์ :<3:
ชุดกราวน์ปลอดเชื้อ ถุงมือปลอดเชื้อ หน้ากากอนามัย หมวกอนามัย
น้ายา antiseptic เช่น chlorhexidine in alcohol
ผ้า drape หรือกระดาษ drape มีช่องเจาะกลาง
ผ้าก๊อซขนาด 3 x 3 นิ้ว หรือ 4 x 4 นิ้ว
เข็มดูดยาชา ขนาด 18 G เข็มฉีดยาชา ขนาด 21-25 G (ควรมีความยาว 40 มม.ขึ้นไป) และ syringe 10 ซีซี
ยาชาเฉพาะที่ เช่น lidocaine 1%
มีดผ่าตัดเบอร์ 15 หรือ 11 พร้อมด้ามมีด กรรไกรตัดไหม
ไหมเย็บแผลชนิดไม่ละลาย เช่น silk เบอร์ 0 หรือ 1-0 Nylon เบอร์ 2-0 พร้อม needle holder และ forceps
อุปกรณ์สาหรับ blunt dissection เช่น clamp โค้ง ขนาดกลาง 1-2 อัน
สายระบายทรวงอก ชนิดและขนาดที่เหมาะสม พร้อมข้อต่อ
ระบบระบายทรวงอก เช่นขวดแก้ว พร้อมแท่งแก้ว จุกยาง และสายยางเหลืองปลอดเชื้อ
ผ้ายืดมีกาวทาหรับปิดแผล เช่น Fixomull หน้ากว้าง 4 นิ้ว
ขวดระบาย :<3:
ระบบขวดเดียว ( ขวด subaqueous) ใช้สำหรับระบายอากาศอย่างเดียวโดยไม่มีสารน้ำร่วมด้วย
ระบบสองขวด (ขวด reservoir และขวด subaqeous) ใช้สำหรับระบายอากาศและสารน้ำแต่ไม่มีแรงดูดจากภายนอก
ระบบสามขวด (ขวด reservoir , ขวด subaqeous และ ขวด pr essure regulator) เหมือนระบบสองขวดเพียงแต่
เพิ่มแรงดูดจากภายนอก โดยอาศัยเครื่องดูดสูญญากาศควบคุมความดันโดยระดับน้ำ
ระบบสี่ขวด เพิ่มขวด subaqueous อีก 1 ขวดโดยต่อจากขวด reservoir ของระบบสามขวด เพื่อให้มีการระบายอากาศได้ถ้าเครื่องดูดสูญญากาศไม่ทำงานหรือมีอากาศออกมามาก
ข้อควรระวัง :<3:
สายต่อจากท่อระบายไปยังขวด reservoir ต้องไม่ให้ยาวมากเกินไปจนทำให้การระบายไม่สะดวก แต่ก็ไม่ควรให้สั้นเกินไปจน เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
ระบบขวดระบายต่างๆ จะต้องให้อยู่ต่ำกว่าตัวผู้ป่วยเสมอ โดยเฉพาะเวลาส่งผู้ป่วยไปทำการตรวจเพิ่มเติม หรือเคลื่อนย้าย
ดูแลระบบการระบายให้เป็นระบบปิดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อจากภายนอก
หมั่นตรวจสอบ ระดับปลายท่อที่อยู่ด้านในของขวด subaqeous ให้อยู่ใต้น้ำประมาณ 2 ซม . เสมอ ถ้าปลายท่อพ้นน้ำ
การที่เห็นฟองอากาศในขวด subaqeous ตลอดเวลา อาจเกิดจากสา เหตุดังต่อไปนี้
5.1 Bronchopleural fistula
5.2 รูสุดท้ายของท่อระบายอยู่นอกโพรงเยื่อหุ้มปอด
5.3 แผลจากการใส่ท่อระบายที่ช่องซี่โครงใหญ่เกินไป ทำให้อากาศจากภายนอก
สายอุดตัน สังเกตได้จากน้ำในสายต่อหรือน้ำที่ปลายท่อด้านในขวด subaqeous ไม่ขยับตามจังหวะการหายใจ อาจป้องกันหรือแก้ไขได้โดยการรีดสายต่อเป็นระยะๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นมีเนื้อเยื่อหรือ fibrin ปนมาในสารน้ำด้วย
น้ำในขวด subaqeous ถูกดูดกลับไปขวด reservoir แสดงว่ามีความดันเป็นลบสูงขึ้นในโพรงเยื่อหุ้มปอดจากปอดไม่ขยายตัว แก้ไขโดยการต่อสายระหว่างขวด subaqeous กับขวด reservoir ให้ยาวขึ้นและจัดสายให้อยู่สูงกว่าขวดทั้งสอง
น้ำในขวด pressure regulator พุ่งออกมาภายนอกขวดขณะที่ผู้ป่วยไอหรือหายใจแรง แสดงว่ามีอากาศรั่วจากโพรงเยื่อหุ้มปอดออกมาปริมาณมาก ให้ใช้เครื่องดูดที่มีแรงดูดมากขึ้น หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบสี่ขวด
ภาวะแทรกซ้อน :<3:
สายระบายเลื่อนตาแหน่งหรือหลุด เกิดจากการยึดตรึงสายระบายไม่แน่นหนาเพียงพอ อาจก่อให้เกิด subcutaneous emphysema หรือ pneumothorax ได้
ปลายสายระบายไม่อยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด เช่น อยู่ในเนื้อปอด อยู่ในช่องท้อง อยู่ในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เกิดจากการใส่ผิดตาแหน่ง หรือผิดเทคนิค มักเกิดกับสายระบายชนิดมีแกน trocar อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะภายในได้
อาการปวดระหว่าง หรือหลังใส่สายระบาย มักเกิดจากฉีดยาชาเฉพาะที่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหากเลือกใช้สายระบายขนาดใหญ่
เลือดออกมาก อาจเกิดจากการบาดเจ็บต่อหลอดเลือดแดงระหว่างกระดูกซี่โครงในขณะใส่สายระบาย หรือเลือดออกจากเนื้อปอดที่ฉีกขาดจากการใส่สายระบาย
สายระบายอุดตันโดยลิ่มเลือดหรือ fibrin มักเกิดในสายระบายขนาดเล็ก หรือใส่มานาน
การถอดสายระบายทรวงอก :<3:
ยืนยันตัวผู้ป่วย และนัดนัดแนะขั้นตอนกับผู้ป่วยก่อน
ลอกผ้าปิดแผล ระวังสายระบายเลื่อนหลุด
ทาน้ายา antiseptic บนผิวหนังรอบแผล และบนสายระบาย
ตัดไหมที่ยึดสายระบายกับผิวหนังผู้ป่วย (ไม่ต้องตัดไหมที่เย็บลดขนาดปากแผล)
วางก๊อซชุบวาสลีนและก๊อซแห้งปลอดเชื้อทับปากแผล หากใช้สายระบายขนาดเล็กหรือมีไหมสาหรับผูกปิดปากแผลที่เย็บไว้ก่อนอาจละเว้นการใช้ก๊อซชุบวาสลีนได้
ดึงสายออกอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลหลังจากให้ผู้ป่วยหายใจเข้าสุดและทา Valsalva’s maneuver (ลดโอกาสเกิด pneumothorax หลังถอดสายระบาย) หากมีไหมสาหรับผูกปิดปากแผลให้ผูกไหมปิดปากแผลในขั้นตอนนี้
ปิดแผลแน่นด้วยผ้ายืดมีกาวทาหรับปิดแผล
ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ปอด
อัตราการระบายของเหลวจากช่องเยื่อหุ้มปอด :<3:
ไม่ระบายมากกว่า 1.5 ลิตร ในครั้งเดียว
ไม่ระบายมากกว่า 1.5 ลิตร ในชั่วโมงแรก หรือ
ไม่ระบายเร็วกว่า 0.5 ลิตรต่อชั่วโมง
การหนีบสายระบายและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย :<3:
ไม่ควรหนีบสายระบายทรวงอกที่ยังมีฟองอากาศปุดออกจากฝั่งผู้ป่วย เนื่องจากอาจทาให้เกิด tension pneumothorax ได้ ในระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีสายระบายทรวงอก แนะนาให้วางระบบระบายช่องเยื่อหุ้มปอด under water seal แบบหนึ่งขวด ต่ากว่าระดับทรวงอกของผู้ป่วยเพื่อป้องกันของเหลวไหลเข้าทรวงอกผู้ป่วย
เช่นเดียวกับการเจาะโพรงเยื่อหุ้มปอด
นางสาวสร้อยฟ้า วงค์ชัย 116212201114-8