Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Primigravidarum with obesity with Severe preeclampsia - Coggle Diagram

- - - - ระบบประสาท
        
        ทำให้เนื้อเยื่อในสมอง มีเลือดออก และเกิดเนื้อตายขึ้นในสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ เห็นภาพเบลอ ภาพช้อน หรืออาจมองไม่เห็น เกิดปฏิกิริยาตอบสนองที่เร็วเกินไป มีการกระตุกสั่นของกล้ามเนื้อ ระดับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง และมักจะชักเสมอเมื่อเกิดพยาธิสภาพที่สมอง
      - ระบบการทำงานของปอด
        
        เกิดภาวะปอดบวม ซึ่งมีผลมาจากการลดลงของแรงดันพลาสมา และเพิ่มการดูดซึมในหลอดเลือดชั้นเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก
      - 7.การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อมดลูกและรก
        
        มีหลอดเลือดไปเลี้ยงบริเวณรก น้อยกว่าปกติ จึงมีผลต่อทารกทำให้ทารกได้รับเลือดจากแม่น้อยลง และทารกในครรภ์มีขนาดเล็กกว่าปกติ
      - ระบบหัวใจและหลอดเลือด
        
        พบว่ามีการเพิ่มของเลือดที่ออกจากหัวใจอย่างมากและหลอดเลือดหดรัดตัวทั่วร่างกาย ทำให้หัวใจส้มเหลวและการกำซาบของเนื้อเยื่อในสมองและ ไตลดลง
      - ระบบโลหิตวิทยา
        
        เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดถูกทำลายมากขึ้น ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดแดงแตกและเกล็ดเลือดลดน้อยลง ซึ่งก่อให้เกิดกาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่า HELLP syndrome
      - ระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        เกิดการกำซาบในไตลดลง ทำให้ครีเอตินินและกรคยูริกเพิ่มขึ้น พบโปรตีบในปัสสาวะ และพบปัสสาวะเป็นเลือด ถ้ามีการแตกของเม็ดเลือดแดง
      - ระบบการทำงานของตับ
        
        มีเลือดออกจากรอยโรค มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดบริเวณชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ ปี่ ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องผ่าตัดอย่างรีบด่วน เพื่อป้องกันการเสียชีวิตทั้งมารดาและทารก
  - - - In case
        
        O: ตรวจปัสสาวะได้ protein 2+
        
        O: ความวัดโลหิตสูง วัด BP 170/110 mmHg หลังพักนาน 15 นาที วัดซ้ำได้ 180/120mmHg.
        
        S: ปวดศีรษะตั้งแต่ 22.00 น. นอนไม่หลับ
        
        O:DTR 3+
  - - - 1.1 พรีอีแคลมป์เซีย (Preeclampsia) หมายถึง ภาวะความดันโลหิตสูงซึ่งเกิดขึ้นใน ขณะตั้งครรภ์เมื่ออายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์ขึ้นไป ร่วมกับการตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ (โปรตีน ในปัสสาวะ หมายถึง ปัสสาวะที่ตรวจมีปริมาณโปรตีนมากกว่า 0.3 กรัม/ลิตร ในปัสสาวะที่เก็บตลอด 24 ชั่วโมง หรือหมายถึงปัสสาวะที่ตรวจมีปริมาณโปรตีนมากกว่า 1 กรัมลิตร ในปัสสาวะที่เก็บโดยการสุ่ม) หรือ/และอาการบวม กดปุ่ม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 5 ปอนด์สัปดาห์ (2.27 กิโลกรัม/สัปดาห์) หรือมากกว่า Preeclampsia แบ่งออกได้ ดังนี้
        
        1.1.1 ซีเวียพรีอีแคลมป์เซีย (Severe preeclampsia) ประกอบด้วยความดันโลหิตสูงร่วมกับอาการหรือสิ่งตรวจพบ ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ความดันโลหิตสูงค่าไดแอสโตลิค (Diastolic) 110 มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่าค่าซีสโตลิค (Systolic) 160 มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่า โดยวัด 2 ครั้งห่างกัน 6 ชั่วโมง และวัดในขณะที่สตรีตั้งครรภ์ได้นอนพัก มีโปรตีน ในปัสสาวะประมาณ 5 กรัม/ลิตร หรือมากกว่า หรือ3-4 บวก ในปัสสาวะที่เก็บ 24 ชั่วโมง มีจำนวนปัสสาวะน้อยกว่า 400 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใน 24ชั่วโมง มีอาการตาพร่ามัว มองไม่ชัดเห็นภาพซ้อนหรือปวดศีรษะมาก มีภาวะน้ำคั่งในปอด, มีอาการปวดบริเวณลิ้นปี่ (Epigastric pain) มีความไวต่อการตอบสนองของระบบประสาท(Hyper Reflexia)
        
        INCASE
        
        O: ความวัดโลหิตสูง วัด BP 170/110 mmHg หลังพักนาน 15 นาที วัดซ้ำได้ 180/120mmHg.
        
        O: ตรวจปัสสาวะได้ protein 2+
        
        O: DTR 3+
        
        S: ปวดศีรษะตั้งแต่ 22.00 น. นอนไม่หลับ
        
        1.1.2 อีแคลมป์เซีย (Eclampsia) หมายถึง สตรีตั้งครรภ์ที่มี Preeclampsia แล้วมีอาการชักเกร็ง หมดสติมีลักษณะสำคัญ คือก.ระยะเตือน (Premonitory stage) สตรีตั้งครรภ์จะมีอาการเกร็งกระตุกของ กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตาและริมฝีปาก ศีรษะจะหันไปด้านใดด้านหนึ่ง กระสับกระส่าย กรอกตา หน้าบูดเบี้ยว ระยะนานประมาณ 10-20 วินาที ข.ระยะเกร็ง (Tonic stage) มีอาการตัวแข็งเกร็ง แขนขางอ มือกำแน่น ขบฟันแน่น ตาเขม็ง หยุดหายใจ หน้าเขียว นานประมาณ 10-20 วินาที ค.ระยะกระตุก (Clonic stage) นานประมาณ 2 – 2 นาที มีอาการชักกระตุกทั่วร่างกายอย่างแรง ซึ่งอาการชักจะเริ่มที่หน้าก่อนต่อมาที่แขนและขาจนชักทั้งตัว อาจเป็นเหตุทำให้ตกเตียงได้ การกระตุกของขากรรไกรล่าง จะทำให้มีน้ำลายฟูมปากและกัดลิ้นของตัวเองได้ ง.ระยะหมดสติ (Stage of coma or unconscious) จะนอนนิ่งหลังชักอาจมี หายใจเร็ว แรง หรือตัวเขียวก็ได้ ระยะเวลาที่หมดสติอาจจะสั้นหรือนานก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถี่ ห่างของการซัก
- - - - จากการศึกษาพบว่าภาวะอ้วนในสตรี ตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับพันธุกรรม
        
        In case
        
        ผู้คลอดมีบิดาเป็นโรความดันโลหิตสูง
    - - สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะอ้วน ส่วนใหญ่รับประทานอาหารที่มีคุณค่าอาหารทางโภชนาการ ต่ำแต่ให้พลังงานสูง เช่น น้ำอัดลม อาหารจานด่วน ทำให้ร่างกาย มีการสะสมไขมันมาก นอกจากนี้มักรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น ในระหว่างตั้งครรภ์เพื่อให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง โดยสตรีตั้งครรภ์ส่วนใหญ่รับรู้ว่าเมื่อตั้งครรภ์ โดยพบว่าสตรีตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ขาดการ รับรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากภาวะอ้วนหรือ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเกินเกณฑ์ปกติ มีภาวะเบาหวานและ/ หรือความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ที่มีผลต่อสุขภาพของ ตนเองและทารก
    - - เช่น สตรีตั้งครรภ์อาจมีความผิดปกติของ ต่อมไทรอยด์ การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยารักษาภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
    - - สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะอ้วนส่วนใหญ่มักมีวิถีชีวิตประจำวันที่มีกิจกรรมทางกายน้อยหรือออกกำลังกายน้อยลง เนื่องจากกลัวมีผลกระทบต่อสุขภาพของ ทารกในครรภ์
  - - - มารดาที่มีภาวะอ้วนในระยะ หลังคลอดเสี่ยงต่อการตกเลือดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี การติดเชื้อหลังผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง เช่น เยื่อบุ โพรงมดลูกอักเสบ (endometritis) หลอดเลือดดำ อุดกั้น (deep vein thrombosis) ทำ ให้ระยะเวลาในการนอนพัก รักษาในโรงพยาบาลนานขึ้น
        มารดาที่มีภาวะอ้วนยังพบว่ามีการสร้างน้ำ นมล่าช้ากว่าปกติ อาจเนื่องจากไขมันที่เพิ่มมาก เกินไปทำ ให้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น จึงยับยั้ง การหลั่งโปรแลคติน และพบว่าระยะเวลาในการเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่สั้นกว่ามารดาที่มีน้ำ หนักตัวปกติ ทำให้น้ำหนัก คงค้างในระยะหลังคลอดมากกว่าปกติโดยเฉพาะมารดาที่มีน้ำ หนักเพิ่มขึ้นเกินเกณฑ์
    - - ผู้คลอดที่มีภาวะอ้วนเสี่ยงต่อการ ได้รับการชักนำ การคลอดร้อยละ 38.7 และร้อยละ 9.9 ใน ครรภ์แรกและในครรภ์หลังตามลำดับ เนื่องจากการสะสม ของไขมันในกล้ามเนื้อมดลูกมีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูก และมีการสะสมของไขมันเพิ่มขึ้นในเนื้อเยื่ออ่อนภายใน ช่องเชิงกราน ทำให้ช่องทางคลอดแคบ จึงมีผลทำ ให้คลอดยาก โดยเฉพาะในรายที่ทารกตัวโต นอกจากนี้การตอบสนองต่อยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ทำให้ผู้คลอดที่มี ภาวะอ้วนเสี่ยงต่อการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        In case
        
        ผู้คลอดได้รับการผ่าตัดคลอด หรือ Caesarean Section
    - - สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะอ้วนมีผล กระทบด้านร่างกาย ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจาก การตั้งครรภ์ เบาหวานในขณะตั้งครรภ์ ภาวะแท้งบุตร ถุง น้ำ คร่ำ แตกก่อนกำ หนด และการหยุดหายใจขณะหลับจาก การอุดกั้น โดยสตรีที่มีภาวะอ้วนนอกจากจะมีบุตรยาก
        ภาวะอ้วนส่งผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์ทั้งด้านจิตใจ และอารมณ์ ได้แก่ ขาดความมั่นใจ ไม่พึงพอใจในรูปร่าง และภาพลักษณ์ของตนเอง เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าในระยะตั้งครรภ์ 1.43 เท่า เมื่อเทียบกับสตรีตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักปกติ และวิตกกังวลในภาพลักษณ์ของตนเองที่มีน้ำหนักเกินและ การที่ไม่สามารถจัดการกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ ยิ่งส่งผลให้ เกิดภาวะซึมเศร้า
- - - - ความดันเลือดลดลง หรือมีอาการคลื่นไส้รักษาโดยการให้สารน้ำและ / หรือยา vasopressor ตามความเหมาะสม
      - ควรตรวจสอบภาวะ urinary retention หลังทำหัตถการ 4-6 ชม.ถ้าผู้ป่วยปัสสาวะไม่ได้แนะนำให้สวนปัสสาวะ
      - Postdural puncture headache (PDPH) พบได้บ่อยใน 24-72 ชม.หลังทำหัตถการ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ ร้าวไปท้ายทอย จะเป็นเมื่อผู้ป่วยลุกนั่งและอาการดีขึ้นเมื่อนอนราบ ถ้ามีอาการของ PDPH ให้การรักษาโดยเริ่มจากการให้ผู้ป่วยนอนราบ ให้ยาแก้ปวด เช่น paracetamol หรือยาในกลุ่ม NSAIDs อาจพิจารณาให้ยา sedatives ร่วมด้วยในผู้ป่วยที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ และได้รับอนุญาตให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้แนะนำให้ดื่มกาแฟ แต่ผลการรักษาจาก caffeine ให้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น ควรให้สารน้ำอย่างเพียงพอภายในเวลา 24-48 ชั่วโมง หลังจากการรักษาอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรพิจารณาทำ epidural blood patch
      - Neurological deficit ตรวจพบได้ภายในเวลา 12-24 ชั่วโมง หลังการทำ spinal anesthesia ผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อหรืออาการชา จะต้องได้รับการตรวจประเมินอาการทางระบบประสาทอย่างละเอียด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางประสาทวิทยา เพื่อการวินิจฉัยและให้การรักษาเพื่อป้องกันผลแทรกซ้อนที่รุนแรง
      - High/total spinal block ผู้ป่วยอาจหมดสติไม่หายใจ มีความดันเลือดต่ำ ให้รีบช่วยการหายใจและแก้ไขภาวะความดันเลือดต่ำ ในกรณีที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ให้ท าการช่วยชีวิตตามแนวทางการช่วยชีวิตขั้นสูง(ACLS)
      - Backache อาการปวดหลังส่วนใหญ่ไม่รุนแรง และจะตอบสนองดีต่อยาแก้ปวด
      - Infection พบได้น้อยมาก อาจพบการติดเชื้อที่ผิวหนัง epidural space หรือเป็น meningitis ถ้าตรวจพบต้องรีบให้การรักษา
      - Hypothermia พบได้หลังจากท า spinal anesthesia ป้องกันโดยพยายามลดการสูญเสียความร้อนจาร่างกายผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด ให้ความอบอุ่นและพิจารณาให้ยารักษาอาการ shivering
  - - - ต้องเฝ้าระวังผู้ป่วยจนปลอดภัย มีความดันเลือดและชีพจรอยู่ในระดับปกติเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที
      - ผู้ป่วยควรขยับขาบริเวณที่ได้รับยาระงับความรู้สึกเฉพาะส่วนตามแนวราบได้จึงพิจารณาส่งผู้ป่วยและส่งต่อข้อมูลเพื่อการดูแลต่อที่หอผู้ป่วย
      - แนะนำให้นอนราบอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันเลือดต่ำ
      - ควรติดตามผู้ป่วย 24-48 ชั่วโมง หลังทำหัตถการ
- - - - Incase : การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบฉุกเฉิน เนื่องจาก ผู้คลอดมีภาวะครรภ์เป็นพิษ
  - - - INCASE
        
        APGAR score 6,8,10