Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้สูงอายุเพศหญิง อายุ 74 ปี, เอกสารอ้างอิง - Coggle Diagram

- - - - ภาวะการสำลักอาหาร คือ การที่มีเศษอาหารหรือน้ำ (Food particle) หลังกลืนอาหาร หล่นเข้าไปอยู่ในหลอดลม ซึ่งจะทำให้เกิดอาการไอติดต่อกันหลายๆครั้ง เพื่อขับดันให้เศษอาหารนั้นหลุดออกไปจากหลอดลม
        อาการที่บ่งบอกถึงภาวะกลืนลำบาก คือ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่าหลังจากเพิ่งกลืนอาหาร รู้สึกว่ามีอาหารติดอยู่ในลำคอหรือหน้าอก
        จากทฤษฏีความเสื่อมโทรม เกิดจากความผิดพลาดของการสร้างเซลล์เนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ และการบาดเจ็บเซลล์อย่างต่อเนื่อง จึงเกิดการเสื่อมของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายลดลง
        จากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารและการฝ่อลงของเยื่อบุ ทำให้เกิดการกลืนลำบาก
        สำหรับผู้สูงอายุรายนี้ มีปัญหาด้านการกลืนกลืนลำบาก อาจทำให้เสี่ยงต่อการสำลักอาหารได้
    - - ไม่เกิดการสำลักอาหาร
    - - S : ผู้สูงอายุบอกว่า “ เคยสำลักอาหาร 2 ครั้ง แต่ก็พยายามเคี้ยวช้าๆแล้ว"
      - O : ไม่พบข้อมูล
    - - ไม่มีอาการและอาการแสดงของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่าหลังจากเพิ่งกลืนอาหาร รู้สึกว่ามีอาหารติดอยู่ในลำคอหรือหน้าอก
      - สามารถตอบคำถามในการป้องกันการสำลักอาหารได้ อย่างน้อยร้อยละ 80
    - - 2.แนะนำการจัดท่าทางในการรับประทานอาหาร โดยนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หลีกเลี่ยงท่านอน เพื่อป้องกันการสำลักเข้าปอด และไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ
      - 3.ก้มหน้าเล็กน้อยขณะกำลังกลืนอาหาร ซึ่งเป็นท่าที่เหมาะสมในการป้องกันการสำลักในผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก
      - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่าหลังจากเพิ่งกลืนอาหาร รู้สึกว่ามีอาหารติดอยู่ในลำคอหรือหน้าอก
      - 4.ตั้งใจกลืนอาหาร ไม่คุยกันระหว่างรับประทานอาหารหรือไม่ควรหัวเราะขณะรับประทานอาหาร และจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบและลดสิ่งรบกวนขณะรับประทานอาหาร เช่น การพูดคุย การดูโทรทัศน์
      - 5.บอกผู้สูงอายุว่าเมื่อพบว่ามีการสำลักควรปฏิบัติ ดังนี้ หยุดรับประทานอาหารทันที จัดท่านั่งให้หันไปข้างหน้าเล็กน้อยหรือตะแคงกึ่งคว่ำ นำอาหารหรือฟันปลอมที่อยู่ในปากออกให้หมด ไม่ควรทำการล้วงคอเด็ดขาด ในกรณีที่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก หน้าซีด ปากเขียวคล้ำ ต้องรีบพบแพทย์ทันที
      - 6.แนะนำรับประทานอาหารคำเล็กหรือพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ ให้ละเอียดที่สุดก่อนกลืน ไม่ควรรับประทานอาหารขณะรู้สึกเหนื่อย เพราะอาจทำให้เกิดการสำลักได้
      - 7.หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียว เคี้ยวยาก เนื่องจากอาจทำให้ติดคอ ถ้าอาหารชิ้นใหญ่ควรทำการหั่นก่อน ปรุงอาหารให้มีลักษณะอ่อนนิ่ม หั่นเนื้อสัตว์ให้เล็กที่สุด หากเป็นผักก็หั่นให้เล็กลงและต้มให้นิ่ม ทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
      - 8.แนะนำอย่ารับประทานอาหารแห้งเกินไป ควรมีน้ำซอสหรือน้ำซุป เพื่อช่วยให้เนื้ออาหารชุ่มและนุ่มขึ้น
      - 9.แนะนำการดูแลทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อจากการสำลักได้
      - 10.แนะนำท่าการฝึกควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม และลิ้น ได้แก่ ยิ้มยิ้งฟัน เม้มริมฝีปาก ห่อปาก เป่าลม
    - - กิจกรรมผู้สูงอายุ
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่าหลังจากเพิ่งกลืนอาหาร รู้สึกว่ามีอาหารติดอยู่ในลำคอหรือหน้าอก
        
        2.นั่งตัวตรงขณะรับประทานอาหาร ก้มหน้าเล็กน้อยขณะกลืนอาหาร
        
        3.ไม่พูดคุยขณะรับประทานอาหารและดูโทรทัศน์ไปด้วย
        
        4.หลีกเลี่ยงอาหารเหนียว เขี้ยวยาก รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
        
        5.ดูแลทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
        
        6.บริหารการเคลื่อนไหวของปาก เช่น ยิ้มยิงฟัน เม้มริมฝีปาก
      - กิจกรรมผู้ดูแล
        
        2.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุนั่งตัวตรงขณะรับประทานอาหาร
        
        3.ไม่พูดคุยกับผู้สูงอายุขณะรับประทานอาหาร
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่าหลังจากเพิ่งกลืนอาหาร รู้สึกว่ามีอาหารติดอยู่ในลำคอหรือหน้าอก
        
        4.ดูแลจัดอาหารอ่อน ย่อยง่าย ให้ผู้สูงอายุ
        
        5.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุดูแลทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
    - - 7/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีการสำลัก และไม่มีอาการของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่า สามารถตอบคำถามในการป้องกันการสำลักอาหารได้ร้อยละ 90
      - 4/10/64 พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีการสำลัก และไม่มีอาการของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่า สามารถตอบคำถามในการป้องกันการสำลักอาหารได้ร้อยละ 50
      - 6/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีการสำลัก และไม่มีอาการของการสำลัก ได้แก่ ไอ หรือสำลักเวลากลืน เสียงแหบ เสียงพร่า สามารถตอบคำถามในการป้องกันการสำลักอาหารได้ร้อยละ 80
  - - - S : ผู้ป่วยบอกว่า “ มีอาการเจ็บตึงหน้าอก กลัวว่าจะเป็นมะเร็งเต้านมอีก“
      - O : เคยผ่าตัดมะเร็งเต้านมข้างซ้าย ผู้ป่วยมีสีหน้าและน้ำเสียงวิตกกังวล
    - - ความวิตกกังวล คือ ภาวะที่รู้สึกไม่สุขสบายหรือหวาดหวั่น วิตก ตึงเครียด ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดจากการรับรู้ หรือคาดการณ์ถึงอันตราย หรือความไม่แน่นอนของสิ่งที่มาคุกคามต่อความจำเป็นในการดำรงชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจหรือบางครั้งก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด
        สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาทางสุขภาพจิต
        
        การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายไปในทางที่เสื่อมถอยลง หย่อนสมรรถภาพในด้านต่าง ๆ มีข้อจำกัด ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่น เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ความจำแย่ลง
        
        การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ต้องพบกับความสูญเสียและการพลัดพรากของคู่ชีวิต ญาติสนิทหรือเพื่อนฝูง เกิดความเหงา ขาดที่พึ่งทางใจ ขาดคนพูดคุยปรึกษาหารือให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
        
        การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำให้ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ต้องปรับตัวกับบทบาทใหม่จากเดิมที่เคยเป็นผู้นำครอบครัว ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่างต้องกลายมาเป็นผู้พึ่งพิงอาศัย ไม่ได้รับการเคารพนับถือ หรือปรึกษาหารือจากคนรุ่นหลัง
        จากทฤษฏีอนุมูลอิสระ คือ การเสื่อมของอนุมูลอิสระในเซลล์ ทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้อวัยวะและเนื้อเยื่อเสื่อมลงและสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้
        สำหรับผู้สูงอายุรายนี้ มีสีหน้าและน้ำเสียงวิตกกังวลว่าตนเองจะเป็นมะเร็งเต้านมอีก เนื่องจากตนเองเคยเป็นแล้วเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แล้วเมื่อเกิดอาการเจ็บคัดตึงเต้านม จึงมีความกังวล
    - - ไม่มีความวิตกกังวลเรื่องอาการเจ็บตึงบริเวณหน้าอก
    - - 2.มีสีหน้ายิ้มแย้ม
      - 3.ไม่มีสีหน้าและน้ำเสียงวิตกกังวล
      - 4.สามารถตรวจเต้านมได้ด้วยตนเอง
      - 1.ไ่ม่มีอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น อ่อนล้าเหนื่อยง่าย
    - - 1.สร้างสัมพันธภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุไว้วางใจ
      - 3.เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ระบายเกี่ยวกับความวิตกกังวล ความรู้สึกต่างๆ และฟังอย่างตั้งใจ
      - 4.แนะนำวิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง มี 3 ท่า คือ ท่ายืนหน้ากระจก ท่านอนราบ และการตรวจขณะอาบน้ำ โดยมีการคลำ 3 แบบ คือ การคลำแนวก้นหอย การคลำแนวรูปลิ่ม และการคลำแนวขึ้นลงจากใต้นมถึงกระดูกไหปลาร้า โดยใช้สามนิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง พร้อมทั้งแนะนำให้ตรวจทุก 1 เดือน ในวันที่เดือนกัน และถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น เป็นก้อน มีน้ำเหลืองหรือของเหลวไหลออกมา ให้ไปโรงพยาบาลทันที
      - 5.แนะนำจัดห้องให้เงียบสงบ ผ่อนคลาย ให้ผู้สูงอายุพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
      - 6.แนะนำวิธีลดความวิตกกังวล เช่น การนั่งสมาธิ ฝึกลมหายใจ ลองกำหนดลมหายใจเข้า - ออกง่ายๆ ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ ดูหนัง ฟังเพลง
      - 2.ประเมินอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น อ่อนล้าเหนื่อยง่าย
    - - กิจกรรมผู้สูงอายุ
        
        2.พักผ่อนอย่างเพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
        
        3.นั่งสมาธิ ฟังเพลง ทำงานอดิเรกที่ชอบ
        
        4.ตรวจเต้านมด้วยตนเองทุก 1 เดือน
        
        1.ประเมินอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย
      - กิจกรรมผู้ดูแล
        
        2.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุพักผ่อนอย่างเพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
        
        3.ทำกิจกรรมร่วมกับผู้สูงอายุ เช่น นั่งสมาธิ ทำงานอดิเรก
        
        4.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุตรวจเต้านมด้วยตนเองทุก 1 เดือน
        
        5.ให้กำลังใจผู้สูงอายุ คอยรับฟัง
        
        1.ประเมินอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย
    - - 6/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง สีหน้ายิ้มแย้ม มีอาการและอาการแสดงตวามความวิตกกังวล ได้แก่ นอนหลับยาก มีน้ำเสียงและสีหน้าวิตกกังวลลดลงเมื่อพูดถึงอาการเจ็บตึงบริเวณหน้าอก สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้และนำไปปฏิบัติ
      - 7/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง สีหน้ายิ้มแย้ม มีอาการและอาการแสดงตวามความวิตกกังวล ได้แก่ นอนหลับยากไม่มีมีน้ำเสียงและสีหน้าวิตกกังวลเมื่อพูดถึงอาการเจ็บตึงบริเวณหน้าอก สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้และนำไปปฏิบัติ
      - 4/10/64 พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง มีอาการและอาการแสดงตวามความวิตกกังวล ได้แก่ นอนหลับยาก สีหน้ายิ้มแย้มแต่ยังมีน้ำเสียงและสีหน้าวิตกกังวลเมื่อพูดถึงอาการเจ็บตึงบริเวณหน้าอก ไม่สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้
  - - - S : ผู้สูงอายุบอกว่า “ กว่าจะหลับใช้เวลาประมาณ 30 นาที และตอนกลางคืนมีเสียงมอเตอร์ไซค์รบกวน ตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน 1-2 ครั้ง“
      - O : แบบประเมิน PSQI ได้ 6 คะแนน แปลผล มีคุณภาพการนอนหลับไม่ดี
    - - การนอนหลับ หมายถึง ภาวะที่บุคคลมีความรู้สติเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการรับรู้และมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมลดลง ซึ่งเป็นภาวะที่บุคคลลดการทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อและความคิด ทำให้บุคคลนั้นเกิดความสงบผ่อนคลาย ปราศจากความเครียด และความวิตกกังวล
        การนอนหลับที่มีคุณภาพ คือ การหลับลึกและหลับสนิท สมองได้พักผ่อนเต็มที่ มีวงจรการนอนหลับที่ปกติ มีช่วงเวลาของการหลับที่เหมาะสมกับอายุ ซึ่งสามารถรับรู้ได้จากความรู้สึกของบุคคลนั้น ถ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วรู้สึกสดชื่น สามารถทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง ไม่ง่วงนอนหรือเพลีย
        การเปลี่ยนแปลงตามวัยที่เกี่ยวข้องกับการการนอนหลับในผู้สูงอายุ
        1.ระบบประสาท แบบแผนการนอนหลับของผู้สูงอายุที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทเรติคิวลาร์ฟอร์เมชั่น ทำหน้าที่ควบคุมการตื่นตัวและง่วงหลับ การทำงานของระบบประสาทจะมีประสิทธิภาพลดลง การส่งสัญญาณประสาทลดลง การเสื่อมของระบบประสาท การทำงานของวัฎจักรชีพและการหลั่งสารสื่อประสาทลดลง มีผลทำให้วงจรการนอนหลับของผู้สูงอายุเปลี่ยนแปลงไป
        2.ระบบทางเดินปัสสาวะ ผู้สูงอายุมีกระเพาะปัสสาวะเล็ก ทำให้ผู้สูงอายุปวดถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น ทำให้ต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อย ก่อให้เกิดความไม่สุขสบายขณะหลับ
        3.วัฏจักรชีพประจำวัน คือ วงจรของคนใน1วัน หรือที่เรียกว่านาฬิกาชีวิต (biological clock) ปัจจัยที่มีผลต่อวัฎจักรชีพ ได้แก่ ปัจจัยภายนอก คือ จิตใจ อารมณ์ และสิ่งแวดล้อม และปัจจัยภายในร่างกาย ได้แก่ ความสามารถในการทำงานของร่างกาย ชีพจร ความดันโลหิต และสารเคมีในร่างกาย และการหลั่งเมลาโทนิน
        4.ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องข้อเสื่อม ส่งผลต่อการนอนหลับ ทำให้นอนหลับไม่สนิท หลับๆตื่นๆหรือนอนไม่หลับ
        สำหรับผู้ป่วยรายนี้ มีการตื่นมาปัสสาวะในเวลากลางคืน และจากการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้สูงอายุ และจากการประเมินคุณภาพการนอนหลับ โดยใช้แบบประเมิน PSQ ได้คะแนนเท่ากับ 6 คะแนน คือมีคุณภาพการนอนหลับไม่ดีทำให้มีปัญหาเรื่องการนอนหลับไม่มีประสิทธิภาพ
    - - สามารถนอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอกับความต้องการ
    - - 1.ไม่มีอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย ง่วงนอนเวลารู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน
      - 2.สามารถนอนหลับพักผ่อนได้กลางคืน 7-8 ชั่วโมง กลางวัน 1 ชั่วโมง
      - 3.ประเมิน PSQI ได้คะแนนน้อยกว่า 5
    - - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพจากการซักถามและการตรวจร่างกาย ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย ง่วงนอนเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน
      - 2.ประเมินคุณภาพการนอนหลับ โดยใช้แบบประเมิน PSQI
      - 3.จัดสภาพแวดล้อมห้องนอนให้ถูกสุขลักษณะ ให้เงียบสงบ สะอาด อากาศถ่ายเท แสงสว่างไม่มากเกินไป ควรสลัว จัดอุปกรณ์การนอนให้สะอาด สวมเสื้อผ้าที่สบายไม่คับหรือแน่น
      - 4.ดูแลและแนะนำให้ผู้สูงอายุทำความสะอาดร่างกาย ปากฟันก่อนเข้านอน
      - 5.แนะนำให้ผู้สูงอายุทำจิตใจให้สงบก่อนเข้านอน เช่น การสวดมนต์หรือทำสมาธิ ฟังเพลงสบายๆ ไม่แนะนำให้ทำกิจกรรมอื่นบนเตียง เช่น การดูโทรทัศน์ การอ่านหนังสือ
      - 6.แนะนำให้ผู้สูงอายุเข้านอนตรงเวลาและตื่นตรงเวลาเป็นประจำในเวลาใกล้เคียงกัน ไม่ควรงีบหลับ โดยเฉพาะหลังเวลา 15.00 น. แต่ถ้าง่วงมากงีบหลับกลางวันได้ไม่เกิน 60 นาที
      - 7.แนะนำให้ปัสสาวะก่อนเข้านอน
      - 8.แนะนำไม่ให้ผู้สูงอายุดื่มน้ำมากในตอนเย็นและตอนค่ำ ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อใหญ่ อย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน
      - 9.แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้ง ละ 20-30 นาที
      - 10.แนะนำให้ผู้สูงอายุงดเครื่องดื่มีที่มีส่วนผสมของคาแฟอีก เช่น ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม
    - - กิจกรรมผู้สูงอายุ
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ เช่นอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิด ง่วงนอนเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน
        
        2.ทำความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน ก่อนเข้านอน
        
        3.สวดมนต์และทำสมาธิก่อนเข้านอน
        
        4..เข้านอนและตื่นตรงเวลา
        
        5.ปัสสาวะก่อนเข้านอน และไม่ดื่มน้ำมากในตอนเย็นและตอนค่ำ
      - กิจกรรมผู้ดูแล
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ เช่นอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิด ง่วงนอนเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน
        
        2.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุทำความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน ก่อนเข้านอน
        
        3.จัดสภาพแวดล้อมในห้องนอนให้เงียบสงบ และสะอาด
        
        4.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุเข้านอนและตื่นให้ตรงเวลา
        
        5.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุปัสสาวะก่อนเข้านอน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากในตอนเย็นและตอนค่ำ
    - - 4/10/64
        พูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย ง่วงนอนเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน มีการตื่นกลางดึกมาเข้าห้องน้ำ ประเมิน PSQI ได้คะแนนเท่ากับ 6
        6/10/64
        พูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย ง่วงนอนเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน มีการตื่นกลางดึกมาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ประเมิน PSQI
        7/10/64
        พูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการและอาการแสดงของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน รู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย ง่วงนอนเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน มีการตื่นกลางดึกมาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ประเมิน PSQI
  - - - S : ผู้สูงอายุบอกว่า"เคยทราบวิธีการปฏิบัติตัวแล้วแต่ลืม และเคยเป็นมะเร็งเต้านมข้างซ้ายเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทำการรักษาโดยการผ่าตัดแล้ว ปัจจุบันไม่ได้ไปรับการตรวจมะเร็งเต้านม เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19"
      - O : ไม่พบข้อมูล
    - - มะเร็งเต้านม เป็นโรคมะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อที่มีความผิดปกติส่วนใดส่วนหนึ่งภายในเต้านมเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งและขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย ก่อนจะลุกลามไปสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงและแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่นของร่างกาย มะเร็งชนิดนี้สามารถพบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่พบในเพศชายในอัตราที่น้อยมากอาการของมะเร็งเต้านม
        มะเร็งเต้านมในระยะแรกแทบไม่แสดงอาการใด ๆ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยการคลำพบก้อนเนื้อในเต้านมหรือบริเวณรักแร้มากที่สุด อาการอื่น ๆ อาจสังเกตได้จากขนาดหรือรูปร่างของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล อาจมีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนม
        จากทฤษฏีอนุมูลอิสระ คือ การเสื่อมของอนุมูลอิสระในเซลล์ ทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้อวัยวะและเนื้อเยื่อเสื่อมลงและสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้
        สำหรับผู้สูงอายุรายนี้ เคยเป็นมะเร็งเต้านมข้างซ้ายและได้ทำการผ่าตัดไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ถ้ายังขาดความรู้ในการ ปฏิบัติตัวหรือยังปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องร่วมกับทฤษฎีอนุมูลอิสระอาจทำให้เกิดเป็นมะเร็งเต้านมอีกได้
    - - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนม
      - 2.สอบถามการปฏิบัติตัวในการป้องกันการเป็นมะเร็งเต้านม
      - 6..แนะนำการรับประทานอาหาร ดังนี้
        
        รับประทานอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม
        
        เลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย หมั่นหมุนเวียนรายการอาหารแต่ละมื้อให้มีความแตกต่างกัน ไม่ควรรับประทานอาหารซ้ำกันทุกวัน
        
        เลือกรับประทานข้าว/แป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แทนข้าว/แป้งขัดขาว เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่เพิ่มมากขึ้น
        
        เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลาหรือไข่ขาว หากรับประทานเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ให้เลาะส่วนที่เป็นไขมันหรือหนังออก
        
        รับประทานผัก-ผลไม้เป็นประจำ เนื่องจากผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีวิตามิน เกลือแร่และสารต้านมะเร็งสูง โดยเลือกรับประทานผัก-ผลไม้ให้หลากหลาย สามารถรับประทานผักใบได้ในปริมาณไม่จำกัด เลือกรับประทานผลไม้ที่รสไม่หวานจัด พร้อมทั้งดูแลเรื่องความสะอาด มีการล้าง/แช่ผัก-ผลไม้ให้เหมาะสม
        
        หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและแปรรูป เช่น ไส้กรอก หมูยอ ปลาสลิด ปลาเค็ม ผักและผลไม้ดองหรือแช่อิ่ม เนื่องจากอาจมีสารพิษที่ปนเปื้อน
        
        งดหรือลดการบริโภคอาหารรมควัน หรืออาหารที่ปิ้ง ย่างจนไหม้เกรียม
        
        หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง เสี่ยงต่อการได้รับพลังงานเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้อ้วนได้
        
        ปรุงอาหารด้วยการอบ นึ่ง ผัด ต้มแทนการทอด
        
        ไม่ควรรับประทานถั่วเหลืองในความเข้มข้นสูง ควรเป็นนมไขมันต่ำ ควรรับประทานเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองไม่เกิน 1 แก้ว/วัน
      - 5.บอกผู้สูงอายุให้รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นหลังวัยหมดประจำเดือน เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเต้านม การศึกษาของสมาคมมะเร็งอเมริกัน พบว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 10–15 กก.ในช่วงวัยผู้ใหญ่ (หลังอายุ 18 ปี) มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งเต้านมหลังวัยหมดประจำเดือนมากกว่าผู้หญิงที่น้ำหนักขึ้นไม่เกิน 10 กก. ถึง 40% ยกเว้นผู้ที่ใช้ฮอร์โมนบำบัดในวัยหมดประจำเดือน นักวิจัยยังพบว่าการลดน้ำหนักประมาณ 10 กก. หรือมากกว่าหลังจากหมดประจำเดือนจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
      - 7.แนะนำให้ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ ผู้หญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ออกกำลังกาย โดยสามารถลดความเสี่ยงลงได้ 20–30% ด้วยการออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นปานกลาง เช่น การเดินเร็ว เต้นแอโรบิค และโยคะ สัปดาห์ละ 3-4 ชั่วโมง การออกกำลังกายยังช่วยลดความเสี่ยงของการกลับเป็นซ้ำในผู้ที่เคยได้รับการรักษามะเร็งเต้านม
      - 8.แนะนำไม่ให้ผู้สูงอายุเครียด เพราะเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถขจัดสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการผ่อนคลายความเครียด เช่น การฟังเพลง การนั่งสมาธิ การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก การนวดคลายเครียด
      - 4.แนะนำวิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง มี 3 ท่า คือ ท่ายืนหน้ากระจก ท่านอนราบ และการตรวจขณะอาบน้ำ โดยมีการคลำ 3 แบบ คือ การคลำแนวก้นหอย การคลำแนวรูปลิ่ม และการคลำแนวขึ้นลงจากใต้นมถึงกระดูกไหปลาร้า โดยใช้สามนิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง พร้อมทั้งแนะนำให้ตรวจทุก 1 เดือน ในวันที่เดือนกัน และถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น เป็นก้อน มีน้ำเหลืองหรือของเหลวไหลออกมา ให้ไปโรงพยาบาลทันที และแนะนำให้ตรวจเมมโมแกรมทุก 1 ปี
      - 3.ให้ความรู้เรื่องการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็งเต้านมเพื่อให้ผู้สูงอายุได้เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลตนเอง โดยสามารถกลัมาเป็นซ้ำได้ ถ้าถูกพบว่ามีเซลล์มะเร็งเดิม ตำแหน่งเดิมหรือบริเวณที่ใกล้เคียงเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยสาเหตุของการเป็นมะเร็งซ้ำ ได้แก่ การที่ร่างกายดื้อต่อสารเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาเซลล์มะเร็ง การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งออกไม่หมด และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า
    - - ไม่เกิดมะเร็งเต้านมและมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งเต้านม
    - - 1.ผู้สูงอายุไม่มีอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนม
      - 2.สามารถตอบคำถามเรื่องการปฏิบัติตัวในการป้องกันการเป็นมะเร็งได้ อย่างน้อยร้อยละ 80
      - 3.สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้
    - - กิจกรรมผู้สูงอายุ
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือสิ่งคัดหลั่งออกมาที่หัวนม
        
        2.รับประทานอาหารอาหารตามคำแนะนำ ได้แก่ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ ทานผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง / แปรรูป หรืออาหารปิ้งย่าง ปรุงอาหารด้วยการอบ นึ่ง ต้ม แทนการทอด
        
        3.ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
        
        4.หลีกเลี่ยงความเครียดและหาวิธีการผ่อนคลายความเครียด
        
        6.ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
        
        5.ตรวจเต้านมด้วยตนเองทุก 1 เดือน และตรวจเมมโมแกรมทุก 1 ปี
      - กิจกรรมผู้ดูแล
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือสิ่งคัดหลั่งออกมาที่หัวนม
        
        2.กระตุ้นให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้ ปรุงอาหารด้วยการอบ นึ่ง ต้ม แทนการทอด
        
        3.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุออกกำลังกาย และออกกำลังกายเป็นเพื่อนผู้สูงอายุ
        
        4.ให้กำลังใจ พูดคุย ไม่ให้ผู้สูงอายุเครียด
        
        5.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุตรวจเต้านมด้วยตนเองทุก 1 เดือน และตรวจเมมโมแกรมทุก 1 ปี
    - - 7/10/64
        ไม่มีอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือสิ่งคัดหลั่งออกมาที่หัวนม
        สามารถตอบคำถามเรื่องการปฏิบัติตัวในการป้องกันการเป็นมะเร็งได้ร้อยละ 90 สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้และนำไปปฏิบัติ
      - 4/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือสิ่งคัดหลั่งออกมาที่หัวนม ตอบคำถามเรื่องการปฏิบัติตัวได้ร้อยละ 60 ไม่สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้
      - 6/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีอาการและอาการแสดงของการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ พบก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล มีน้ำเหลืองหรือสิ่งคัดหลั่งออกมาที่หัวนม ตอบคำถามเรื่องการปฏิบัติตัวได้ร้อยละ 80 สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้และนำไปปฏิบัติ
  - - - S : ผู้สูงอายุบอกว่า “ เคยหกล้ม น้ำยาถูพื้นลื่น ขึ้นลงบันไดทุกวัน วันละ 10 ครั้ง ปวดกล้ามเนื้อ เป็นโรคกระดูกพรุน ประเมิน T-Score = -2.5 มีเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ “
      - O : ประเมินความเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ ได้ 2 คะแนน แปลผล ไม่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม
    - - การหกล้ม หมายถึง การที่บุคคลตกล้มไปอย่างกะทันหันอย่างไม่ตั้งใจจากพื้นผิวหนึ่งไปพื้นผิวล่างโดยที่มีหรือไม่มีการบาดเจ็บ
        ทฤษฏีความเสื่อมโทรม อธิบายว่าการสูงอายุเกิดจากการผิดพลาดของการสร้างเซลล์เนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ และการบาดเจ็บของเซลล์ที่เกิดอย่างต่อเนื่อง ร่างกายมนุษย์ก็เหมือนกับเครื่องจักรที่มีการสึกหรอจากการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ร่วมกับการได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด และการรับประทานอาหารด้อยคุณภาพ จึงเกิดการเสื่อมของเซลล์และอวัยวะ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายลดลง เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม
        ทฤษฏีเชื่อมตามขวาง กล่าวว่า การสูงอายุเกิดจากการเชื่อมตามขวางของโมเลกุลโปรตีนภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เมื่อมีการสะสมของการเชื่อมตามขวางมากขึ้นเรื่อยๆ จนขัดขวางการขนส่งสารภายในเซลล์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น ผิวหนังแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดโรคความดันโลหิตสูง
        การเปลี่ยนแปลงตามวัยที่เกี่ยวข้องกับการผลัดตกหกล้ม ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทลดลง ลูกตามีขนาดเล็กลง มองใกล้ไม่ชัด ความสามารถในการเคลื่อนไหวและการคล่องตัวลดลง กระดูกมีความเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ จึงทำให้รีบเดินไปเข้าห้องน้ำและเกิดการลื่น
        มีการประเมินประเมินความเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ = 1.5 คะแนน มีความเสี่ยงการหกล้มอยู่ระดับ 1
        สำหรับผู้สูงอายุรายนี้ร่างกายเกิดความเสื่อมโทรมเนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ และใช้งานเป็นระยะเวลานาน และผู้สูงอายุสายตายาว ทำให้เกิดการผลัดตกหกล้มได้
    - - 1.ไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม ได้แก่
        ปัจจัยภายในบุคคล เช่น โรคประจำตัว การใช้รองเท้าไม่เหมาะสม ประวัติการหกล้ม การเคลื่อนไหวร่างกาย
        ปัจจัยภายนอกบุคคล เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอหรือแสงจ้ามากเกินไป พื้นทางเดินไม่เรียบ ไม่มีราวบันไดให้ยึดเกาะ พื้นลื่น พื้นและบันไดมีสิ่งกีดขวางทางเดิน อุปกรณ์ในบ้านจัดไม่เป็นระเบียบ
      - 2.ประเมินความเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ (Fall risk assessment tool in elderly)= 0.5 คะแนน
      - 3.ไม่มีร่องร่องการผลัดตกหกล้มตามร่างกาย
      - 6.สามารถตอบคำถามเรื่องการป้องกันการผลัดตกหกล้มได้ อย่างน้อย 80 เปอร์เซ็น
      - 4.มีการจัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ
      - 5.มีการรับประทานอาหารและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกระดูก
    - - 1.ประเมินปัจจัยเสี่ยงจะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม ได้แก่ ปัจจัยภายในบุคคล เช่น อายุ โรคประจำตัว การใช้รองเท้าไม่เหมาะสม ประวัติการหกล้ม การเคลื่อนไหวร่างกาย และปัจจัยภายนอกบุคคล เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอหรือแสงจ้ามากเกินไป พื้นทางเดินไม่เรียบ ไม่มีราวบันไดให้ยึดเกาะ พื้นลื่น พื้นและบันไดมีสิ่งกีดขวางทางเดิน อุปกรณ์ในบ้านจัดไม่เป็นระเบียบ
      - 3.ประเมินความเสี่ยงต่อการผลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ (Fall risk assessment tool in elderly)
      - 4.แนะนำให้ผู้สูงอายุเปลี่ยนอิริยาบถช้าๆ นับ1-10 ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าแต่ละท่า ไม่ควรก้มหน้าต่ำมากเกินไป ควรใช้การค่อยๆย่อตัวเวลาเก็บของ และจากการนอนไปลุกนั่ง ควรค่อยๆลุกนั่งอย่างช้าๆ หลีกเลี่ยงการแหงนหน้าการเหลียวซ้ายเหลียวขวาหรือหมุนศีรษะอย่างรวดเร็ว เพราะอาจทำให้หน้ามืดเป็นลมและเกิดการผลัดตกหกล้มได้ การเคลื่อนไหวต่างๆไม่ต้องรีบร้อน ควรใช้มือจับราวบันได (ปริศนา รถสีดา,2561)
      - 5.แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที เพื่อฝึกการทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ ตัวอย่างเช่น การรำมวยจีน การบริหารศีรษะ คอ ท่ายืดหลัง ท่ายืนด้วยปลายเท้า (ปริศนา รถสีดา,2561)
      - 6.แนะนำให้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ไม่หลวม ยาว ลุ่มล่าม รองเท้าใส่ให้กระชับพอดี ควรเป็นรองเท้าส้นเตี้ยและขอบมน พื้นเป็นดอกยางเพื่อเกาะพื้นได้ดี ควรเป็นรองเท้าหุ้มส้นสั้น หน้ากว่าเพื่อให้เท้าและนิ้วเท้าเคลื่อนไหวได้ดี
      - 7.แนะนำท่านอนให้ถูกต้อง โดยหนุนหมอนเตี้ยๆพยุงบริเวณคอและหัวไหล่ให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง
      - 8.แนะนำเรื่องการรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการให้ครบถ้วนในแต่ละวัน เลือกอาหารอ่อนย่อยง่าย เน้นอาหารประเภทโปรตีนเพื่อสร้าง/ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต และแคลเซีนม วิตามิน แร่ธาตุ ในปริมาณที่เพียงพอ ไม่ควรงดอาหาร เพราะจะทำให้อ่อนเพลีย มึนงง เสี่ยงต่อการหกล้มได้ง่าย และดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว(ปริศนา รถสีดา,2561)
      - 9.แนะนำไม่ให้ใช้น้ำยาถูพื้นมากเกินไป และควรนอนชั้นล่าง เพื่อป้องกันการผลัดตกหกล้มจากการขึ้นลงบันได
      - 10.แนะนำให้จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย ดังนี้
        
        สภาพแวดล้อมในบ้าน ห้ามใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมแหลม ไม่วางของขวางทางเดิน ไม่ใช้พรหมเช็ดเท้าที่ขาดและสีเดียวกับพื้น ห้ามขึ้นลงบันไดหรือเดินในที่แสงสว่างไม่เพียงพอ วางของใช้ให้เป็นระเบียบ ติดราวยึดเกาะภายในห้องน้ำ
        
        สภาพแวดล้อมภายนอกบ้านปรับพื้นบ้านไม่ให้มีทางต่างระดับ กรณีมีทางต่างระดับควรมีป้ายสัญลักษณ์บอก จัดวางของให้เป็นระเบียบ ไม่ให้ขวางทางเดิน มีไฟส่องสว่างเวลากลางคืน หรือตำแหน่งที่มืดของบ้าน
      - 11.แนะนำให้ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก อย่างน้อย 1ครั้ง/ปี
      - 2.ให้ความรู้ในเรื่องปัจจัยเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ ได้แก่ ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น การเสื่อมของสายตา การเปลี่ยนแปลงของระบบโครงสร้างกล้ามเนื้อ ความผิดปกติทางจิต เช่น อาการวิตกกังวล ภาวะหลงลืมและซึมเศร้า และปัจจัยภานอกร่างกาย เช่น พื้นที่ลื่น พื้นต่างระดับ บันไดไม่มีราวยึดเกาะ ห้องน้ำไม่มีราวยึดเกาะ แสงสว่างไม่เพียงพอ จัดวางของไม่เป็นระเบียบ ใส่รองเท้าที่ลื่น การแต่งกายไม่เหมาะสม เช่น เสื้อผ้าที่หลวม ใหญ่ เกินไป (ปริศนา รถสีดา,2561)
    - - กิจกรรมผู้สูงอายุ
        
        1.ประเมินปัจจัยเสี่ยงจะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม เช่น รองเท้าไม่เหมาะสม แสงสว่างไม่เพียงพอหรือแสงจ้ามากเกินไป พื้นทางเดินไม่เรียบ พื้นลื่น พื้นและบันไดมีสิ่งกีดขวางทางเดิน อุปกรณ์ในบ้านจัดไม่เป็นระเบียบ
        
        2.เปลี่ยนอิริยาบถอย่างช้าๆ
        
        3.ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที
        
        4,สวมเสื้อผ้าและใส่รองเท้าพอดี พื้นรองเท้าเป็นดอกยาง
        
        5.รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง เช่น นม เนื้อสัตว์ ปลาตัวเล็กๆ
        
        6.จัดสิ่งแวดล้อมให้บ้านให้ปลอดภัย ติดราวเกาะข้างสุขภัณฑ์
        
        7.ไปตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก ที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1ครั้ง/ปี
        
        8.ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
      - กิจกรรมผู้ดูแล
        
        1.ประเมินปัจจัยเสี่ยงจะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม เช่น การใช้รองเท้าไม่เหมาะสม การเคลื่อนไหวร่างกาย แสงสว่างไม่เพียงพอหรือแสงจ้ามากเกินไป พื้นทางเดินไม่เรียบ พื้นลื่น พื้นและบันไดมีสิ่งกีดขวางทางเดิน อุปกรณ์ในบ้านจัดไม่เป็นระเบียบ
        
        2.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุเปลี่ยนอิริยาบถอย่างช้าๆ
        
        3.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที
        
        4.กระตุ้นให้ผู้ป่วยสวมเสื้อผ้าและใส่รองเท้าพอดี พื้นเป็นดอกยาง ดูแลไม่ให้พื้นลื่น
        
        5.จัดอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง
        
        6.ดูแลทางเดินในบ้านให้ปลอดภัย มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ
        
        7.พาผู้สูงอายุไปตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก ที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1ครั้ง/ปี
    - - 4/10/64
        พูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม ได้แก่ ในห้องน้ำไม่มีราวยึดเกาะ ประเมินความเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ ได้ 1.5 คะแนน ไม่มีร่องร่องการผลัดตกหกล้มตามร่างกาย มีการจัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ มีการรับประทานอาหารและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกระดูก สามารถตอบคำถามเรื่องการป้องกันการผลัดตกหกล้มได้ 50 เปอร์เซ็น
        ุ6/10/64
        พูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม ได้แก่ ในห้องน้ำไม่มีราวยึดเกาะ ประเมินความเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ ได้ 0.5 คะแนน ไม่มีร่องร่องการผลัดตกหกล้มตามร่างกาย มีการจัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ มีการรับประทานอาหารและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกระดูก สามารถตอบคำถามเรื่องการป้องกันการผลัดตกหกล้มได้ 70 เปอร์เซ็น
        7/10/64
        พูดคุย ถามตอบรู้เรื่อง มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการผลัดตกหกล้ม ได้แก่ ในห้องน้ำไม่มีราวยึดเกาะ ประเมินความเสี่ยงของการผลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ ได้ 0.5 คะแนน ไม่มีร่องร่องการผลัดตกหกล้มตามร่างกาย มีการจัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ มีการรับประทานอาหารและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกระดูก สามารถตอบคำถามเรื่องการป้องกันการผลัดตกหกล้มได้ 90 เปอร์เซ็น
  - - - S : ผู้สูงอายุบอกว่า “ ใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 กิโลกรัม”
      - O : น้ำหนัก 54 กิโลกรัม ส่วนสูง 156 เซนติเมตร BMI = 22.19 แปลผลปกติ มีสีหน้าและน้ำเสียงวิตกกังวล
    - - ความวิตกกังวล คือ ภาวะที่รู้สึกไม่สุขสบายหรือหวาดหวั่น วิตก ตึงเครียด ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดจากการรับรู้ หรือคาดการณ์ถึงอันตราย หรือความไม่แน่นอนของสิ่งที่มาคุกคามต่อความจำเป็นในการดำรงชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจหรือบางครั้งก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด
        อาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น อ่อนล้าเหนื่อยง่าย
        สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาทางสุขภาพจิต
        
        การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายไปในทางที่เสื่อมถอยลง หย่อนสมรรถภาพในด้านต่าง ๆ มีข้อจำกัด ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่น เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ความจำแย่ลง
        
        การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ต้องพบกับความสูญเสียและการพลัดพรากของคู่ชีวิต ญาติสนิทหรือเพื่อนฝูง เกิดความเหงา ขาดที่พึ่งทางใจ ขาดคนพูดคุยปรึกษาหารือให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ขาดความผูกพันที่เคยมีต่อสังคม สูญเสียบทบาททางสังคม
        
        การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำให้ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ต้องปรับตัวกับบทบาทใหม่จากเดิมที่เคยเป็นผู้นำครอบครัว ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่างต้องกลายมาเป็นผู้พึ่งพิงอาศัย ไม่ได้รับการเคารพนับถือ หรือปรึกษาหารือจากคนรุ่นหลัง เนื่องจากค่านิยมที่ยึดถืออิสรภาพส่วนบุคคล และคิดว่าผู้สูงอายุเป็นล้าสมัยไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยมากขึ้น
        ทฤษฎีความเสื่อมโทรม เกิดจากความผิดพลาดของการสร้างเซลล์เนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ และการบาดเจ็บของเซลล์อย่างต่อเนื่อง และเป็นวัยที่มีการเสื่อมถอยของอวัยวะภายในร่างกายทั้งระบบเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ และเมื่ออายุเพิ่มขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือการเคลื่อนไหวของร่างกายช้าลง ใช้พลังงานน้อยลง ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้า ส่งผลให้มีน้ำหนักมากขึ้นได้
        สำหรับผู้สูงอายุรายนี้ บ่นว่าใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด น้ำหนักเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัม พร้อมแสดงสีหน้าและน้ำเสียงวิตกังวล ร่วมกับระบบเผาผลาญของผู้สูงอายุทำงานได้ไม่ดี จึงทำให้เกิดการวิตกกังวลในเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
    - - ไม่มีความวิตกกังวลเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
    - - 3.มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีสีหน้าและน้ำเสียงวิตกกังวล
      - 2.ผู้สูงอายุไม่บ่นว่าใส่เสื้อผ้าแล้วอัดอัด
      - 4.BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 18.5 -22.9
      - 1.ผู้สูงอายุไม่มีอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น อ่อนล้าเหนื่อยง่าย
    - - 1.สร้างสัมพันธภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุไว้วางใจ
      - 3.เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ระบายเกี่ยวกับความวิตกกังวล ความรู้สึกต่างๆ และฟังอย่างตั้งใจ
      - 4.ให้ข้อมูลแก้ผู้สูงอายุเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตามวัย โดยวัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการเสื่อมถอยของอวัยวะภายในร่างกายทั้งระบบเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือการเคลื่อนไหวของร่างกายช้าลง ใช้พลังงานน้อยลง ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้า ซึ่งส่งผลให้มีน้ำหนักมากขึ้นได้
      - 5.แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที เมื่อไม่มีอาการอ่อนเพลีย เช่น การกายบริหาร การไทเก๊ก การแกว่งแขน การเดินเร็ว การเล่นฮูลาฮุป ควรเน้นความสนุกสนาน รูปแบบที่ง่ายๆ ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย และข้อควรระวังในการออกกำลังกาย ได้แก่ เมื่อมีไข้ ไม่สบาย ไม่ควรออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการปะทะกระทบกระเทือนหรือใช้ความอดทนมากเกินไป หลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนหรือมีแดดมาก
      - 6.แนะนำกินอาหารให้ตรงเวลา และครบทุกมื้อ ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลา ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ดื่มนม และวิตามินบี ช่วยเรื่องทำงานของประสาทและสมองเป็นสารอาหารที่จะช่วยยับยั้งความเครียดและวิตกกังวล เช่น นม ถั่ว เนื้อปลา ข้าวกล้อง วิตามินอี เป็นสารอาหารที่ใช้ต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด ตัวช่วยสำคัญในการป้องกันความเครียด เช่น เมล็ดถั่ว ผักใบเขียว ทานผัก ผลไม้ งดของหวาน งดของมัน ประกอบอาหารด้วยวิธีต้ม ตุ๋น นึง อบ ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
      - 7.แนะนำจัดห้องให้เงียบสงบ ผ่อนคลาย ให้ผู้ป่วยพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ กลางคืน 7-8 ชั่วโมง กลางวัน 1 ชั่วโมง
      - 8.แนะนำวิธีลดความวิตกกังวล เช่น การนั่งสมาธิ ฝึกลมหายใจ ลองกำหนดลมหายใจเข้า - ออก ฟังดนตรีคลายเครียด เช่น ดนตรีหรือเพลงที่ผู้สูงอายุชอบ ที่มีทำนองและจังหวะสบายๆ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า การได้ฟังดนตรีจะไปกระตุ้นการหลั่งโดปามีนโดยใช้เส้นทางที่เรียกว่ามีโซลิมบิก ที่เกี่ยวข้องกับการได้รับรางวัลและสิ่งเร้าที่กระตุ้นให้เกิดความพอใจ ช่วยลดความวิตกกังวลและคลายเครียด รวมทั้งเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ (อัญชลี ชุ่มชัวทอง จันทนา ยิ้มน้อย ชาาพิมพ์ สัมมา,2560) และดูหนังที่มีเนื้อหาไม่เครียด เช่น หนังตลก หรือหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ หรือฟังเสียงจากธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำตก เสียงฝน จะทำให้ผ่อนคลายได้
      - 9.แนะนำการประเมินดัชนีมวลกาย และบอกการแปลผล
      - 10.ให้กำลังใจผู้สูงอายุ
      - 2.ประเมินอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น อ่อนล้าเหนื่อยง่าย
    - - กิจกรรมผู้สูงอายุ
        
        2.ออกกำลังกายเป็นประจำ เมื่อไม่มีอาการอ่อนเพลีย
        
        3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลา ไข่ ทานผักและผลไม้ ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
        
        4.พักผ่อนอย่างเพียงพอ กลางคืน 7-8 ชั่วโมง กลางวัน 1 ชั่วโมง
        
        5นั่งสมาธิ ฟังเพลง หลีกเลี่ยงความเครียด
        
        1.ประเมินอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ถ้ามีอาการเหล่านี้ให้อาวิธีผ่อนคลายความเครียดแต่ถ้ายังไม่หายวิตกกังวลให้ปรึกษากับทีมสุขภาพ
      - กิจกรรมผู้ดูแล
        
        2.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายเป็นประจำ และออกเป็นเพื่อนผู้สูงอายุ
        
        3.จัดหาอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงของทอด กระตุ้นให้ทานผัก ผลไม้ ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
        
        4.กระตุ้นให้ผู้สูงอายุนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ กลางคืน 7-8 ชั่วโมง กลางวัน 1 ชั่วโมง
        
        5.ให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุ คอยให้คำปรึกษา ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ดูหนังตลก ฟังเพลง
        
        1.ประเมินอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ ตกใจง่าย กลัว ไม่สุขสบายใจ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น
    - - 7/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง มีอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ นอนหลับยาก ไม่บ่นว่าใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด ไม่มีสีหน้าวิตกกังวล BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 22.19
      - 6/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง มีอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ นอนหลับยาก บ่นว่าใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด มีสีหน้าวิตกกังวลลดลงเมื่อพูดถึงเรื่องน้ำหนักลดลง BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 22.19
      - 4/10/64
        พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง มีอาการของความวิตกกังวล ได้แก่ นอนหลับยาก บ่นว่าใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด มีสีหน้าวิตกกังวลเมื่อ
        พูดถึงเรื่องน้ำหนัก BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 22.19