Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การแต่งกายในวัฒนธรรมจีน(ชุดกี่เผ้า) และวัฒนธรรมปรานากัน (สัปดาห์ที่13…
การแต่งกายในวัฒนธรรมจีน(ชุดกี่เผ้า) และวัฒนธรรมปรานากัน
(สัปดาห์ที่13 23กันยายน64)
การแต่งกายในวัฒนธรรมจีน(ชุดกี่เผ้า)
ที่มา
กี่เผ้า หรือฉีผาว-ชุดเสื้อคลุมยาว เป็นชุประจำชาติจีน
เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง สมัยที่แมนจูปกครอง เป็นเครื่องแต่งกายสำหรับพวกชนชั้นสูง จึงต้องใช้ความพิถีพิถัน
วิวัฒนาการ มี 5 ช่วง
1.รายวงศชิง
-หลวม กว้าง ใหญ่ ตรง ยาวถึงเท้า แขนยาว
2.ปลายราชวงศ์ชิง(ยุคสาธารณรัฐ)
-ผสมแบบชาวฮั่น แยกกนะโปรงกับเสื้อ เเขนสั้นลงและกว้างขึ้น
3.ก่อนสงครามปราบขุนศึกภาคเหนือ
-กลับมายาว เเต่เเขนกุดและใส่เสื้อเเขนทรงระฆังไว้ข้างใน
4.ก่อนยุคปฏิรูปเปิดประเทศ
-ความยาวสั้นลง มีส่วนเว้าโค้ง จากนิยมปกคอสูง ต่อมาเริ่มนิยมปกคอต่ำ(ยิ่งต่ำยิ่ง “โมเดิร์น”)
5.หลังการปฏิรูปเปิดประเทศยุคปัจจุบัน
-ปกเสื้อต่ำ ความยาวสั้นลง มีส่วนเว้าโค้ง เพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่มากยิ่งขึ้น
ความหมายของลวดลาย
ลายอู่ฝู
-สื่อถึงมงคล 5 ประการ มั่งมีศรีสุข โชคลาภ อายุมั่นขวัญยืน กิจการราบรื่น สุขภาพแข็งแรง
ลายดอกโบตั๋น
-มั่นคง มีเกียรติ สง่างาม ความร่ำรวย ความซื่อสัตย์ และนำมาซึ่งความโชคดีและโชคลาภ
ลายมังกร
-ราชาของสัตว์ตามความเชื่อของจีน สื่อความแข็งแกร่ง สิริมงคล อำนาจ บารมี และมั่งคั่ง
ลายนกยูง
-เป็นราชินีของนก สื่อสง่างาม อำนาจ วาสนา นำความโชคดีมาให้
ลายเมฆ
-สื่อสันติสุข ความโชคดีและ นำพาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ความหมายของสี
สีแดง
เป็นสีที่นิยมมากที่สุด หมายถึงความสุข ความสวยงาม ความมีชีวิตชีวา ความโชคดี และความสำเร็จ
สีทองหรือสีเหลือง
หมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ ความเจริญรุ่งเรือง
สีชมพู
หมายถึงความสดใสบริสุทธิ์ของวัยสาว ความรักอันบริสุทธ์ ความเบิกบาน
สีเขียว
เป็นสีแห่งความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ ความหวัง ความสามัคคีและการเติบโต
วัฒนธรรมปรานากัน
ที่มา
ในสมัยที่ชาวจีนอพยพมาส่วนมักจะยังไม่ได้แต่งงาน จึงแต่งงานกับคนพื้นเมืองที่เป็นหรือไม่เป็นชาวมุสลิม ลูกหลานจึงกลายเป็นกลุ่มสังคมชาติพันธุ์ใหม่ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและมาเลเซีย
สายเลือfระหว่างชนพื้นเมืองเดิม(คาบสมุทรมลายู-อินโดนีเซีย) กับชาวต่างชาติ
จีนเปอรานากัน
อาหรับเปอรานากัน
ดัชต์เปอรานากัน
อินเดียเปอรานากัน
*แต่จีนเปอรานากันเป็นกลุ่มที่มีจำนวนและมีบทบาทในสังคมค่อนข้างมาก คำว่า “เปอรานากัน” จึงนำมาใช้อ้างเฉพาะกลุ่มชาวจีนเปอรานากันเท่านั้น
ชาวเปอรานากันหญิงชาย ถูกเรียกว่า บาบ๋า - ย่าหยา
ลูกชายที่เกิดจากจีนและมลายู เรียกว่า บาบ๋า
ลูกสาวที่เกิดจากจีนและมลายู เรียกว่า ย่าหยา
การแต่งกาย
เป็นการแต่งกายที่สวยงามผสมผสานรูปแบบของจีนและมลายูเข้าด้วยกัน
ผู้หญิง
ใส่เสื้อฉลุลายดอกไม้ รอบคอ เอว และปลายแขนนิยมนุ่งผ้าซิ่นปาเต๊ะ
ผู้ชาย
คล้ายรูปแบบจีนดั้งเดิม
อาหาร
มักนำส่วนประกอบของอาหารจีน เช่น ซีอิ๊ว เต้าหู้ยี้ มาปรุงร่วมกับกะทิ และเครื่องผัดของมลายู
มีวิวัฒนาการแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น
ภาษา
ไม่มีภาษาเป็นของตัวเอง มักใช้ตามถิ่นที่อยู่
ศาสนา
ส่วนมากนับถือ ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ พุทธนิกายมหายาน
ประเพณี
พิธีศพจะฝังเหมือนจีน
มีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษเหมือนจีน
ขึ้นปีใหม่เหมือนไทย แต่มีการให้ซองแดง(อั่งเปา)เหมือนจีน
6310410125 นางสาวภารดี พรหมยก :star: