Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

PBLกลุ่มที่ 4 - Coggle Diagram

- - - - 1.ความเร่งด่วน คือ ความต้องการหรือความจำเป็นที่ต้องให้การช่วยเหลือโดยเร็ว เช่น การปฐมพยาบาลในรายที่ตกเลือดหรือผู้ป่วยมีอาการหอบซึ่งญาติไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลได้
      - 2.การป้องกันการแพร่กระจายของโรค จำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ตนเองเป็นผู้นำโรคจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งหรือจากครอบครัวหนึ่งไปสู่อีกครอบครัวหนึ่ง
    - - 1.เยี่ยมครอบครัวที่มีความต้องการหรือความจำเป็นที่ต้องให้การช่วยเหลืออย่างรีบด่วน
      - 2.เยี่ยมครอบครัวที่ทราบประวัติแน่นอนและต้องการความช่วยเหลือ เช่น เด็กแรกเกิดและมารดา หลังคลอด เด็กวัยทารก
      - 3.เยี่ยมครอบครัวที่ต้องการให้การพยาบาล เช่น ไข้หวัด อุจจาระร่วงจากอาหารเป็นพิษ
      - เยี่ยมครอบครัวที่มีผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
      - 5.เยี่ยมครอบครัวที่มีผู้ป่วยเป็นโรคติดต่อ เช่น วัณโรคปอด บิด ไทฟอยด์ คางทูม
    - - 1.ช่วยการป้องกันการแพร่กระจายของโรคจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่ง
        2.สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยตามความจำเป็นหรือเร่งด่วน
        3.เพื่อกระชับเวลาและไม่เกิดปัญหาระหว่างการเยี่ยมบ้าน
    - - 2.เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรคไปสู่บุคคลอื่น
      - 1.เพื่อที่จะได้ให้การพยาบาลได้อย่างถูกต้อง
  - - - นวัตกรรมผลผลิต (product innovation) คือนวัตกรรมที่ทำขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์
      - นวัตกรรมกระบวนการ (process innovation) คือ คือนวัตกรรมที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวาวางแผนงาน การบริหารงาน และการจัดการองค์กร
      - นวัตกรรมการบริการ (service model innovation) คือนวัตกรรมี่พัฒนาระบบการบริการสุขภาพให้มี ความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว มีความเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ
    - - กำหนดขอบเขตและกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
      - ค้นหาแนวทางการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพตามกระบวนการสืบเสาะ และแสวงหาข้อมูล โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
        
        ศึกษาสถานการณ์ชุมชน และรวบรวมข้อมูลสุขภาพชุมชน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนานวัตกรรม
        
        ดำเนินการจัดการความรู้โดยจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของผู้ป่วย
        
        ค้นหาทุนทางสังคมที่มีอยู่ในชุมชน และสามารถช่วยเหลือในการพัฒนานวัตกรรมบริการสุขภาพที่เหมาะสม
        
        กำหนดข้อตกลงร่วมในการพัฒนานวัตกรรมบริการสุขภาพ
        
        สร้างเครือข่ายการดูแลสุขภาพผู้ป่วยในชุมชน
      - พัฒนาศักยภาพของทีมสุขภาพในด้านการประสานงานกับชุมชน และภาคีเครือข่ายสุขภาพชุมชน
    - - นวัตกรรมเป็นการสร้างสิ่งใหม่ หรือการทำให้แตกต่างจากคนอื่นโดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงมาสร้างให้เป็นโอกาส เน้นการพัฒนา และการลงมือทำ นวัตกรรมเป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นการแก้ปัญหาในพื้นที่ชุมชนโดยจะต้องอาศัยทุนทางสังคมในท้องถิ่นร่วมด้วย เช่น ความเชื่อ ความสามารถของคนในท้องถิ่น ที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีลักษณะเป็นองค์รวมและวัตนธรรม
    - - ด้านการคิดค้นนวัตกรรม หรือวางแผนใช้นวัตกรรม โดยเลือกใช้นวัตกรรมในการแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับพื้นที่เหตุการณ์ และช่วงระยะเวลา
      - ด้านเป็นผู้ใช้นวัตกรรม ควรศึกษานวัตกรรมให้เข้าใจ ถึงข้อดี ข้อเสีย
      - ด้านดารประเมิน เมื่อนำนวัตกรรมไปใช้แล้ว ในระยะแรกควรติดตามอย่างใกล้ชิด และประเมินเป็นระยะๆ เพื่อรู้ข้อดี ข้อเสียของการดำเนินงาน แล้วนำมาแก้ไข ปรับปรุงพัฒนาต่อไป
    - - วิเคราะห์ความต้องการการใช้นวัตกรรมของกลุ่มเป้าหมาย โดยวิเคราะห์จากปัญหาสุขภาพและความต้องการของเป้าหมาย
      - กำหนดชื่อเรื่องนวัตกรรมหรือประเด็นหรือหัวข้อที่ต้องการพัฒนา
      - ทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ โดยรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์ว่าข้อมูลที่ได้มานั้น มีรูปแบบอะไรบ้างที่ีสามารถช่วยแก้ไขปัญหาของผู้ใช้บริการตามกลุ่มเป้าหมาย
      - สังเคราะห์องค์ความรู้ที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรมที่มีคุณภาพตามระดับความน่าเชื่อถือของหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อนำสิ่งที่สังเคราะห์มาบูรณาการ ในการวางแผนออกแบบนวัตกรรมสุขภาพ
      - ออกแบบนวัตกรรม
      - สร้างเครื่องมือวัดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของนวัตกรรม
      - สร้างคู่มือวิธีการใช้นวัตกรรมบริการสุขภาพ
  - - - การบันทึกระยะเยี่ยม
      - การบันทึกระยะหลังเยี่ยม
        
        นำข้อมูลที่ได้จากการเยี่ยมบ้านมาประชุมร่วมกันในทีมว่าใครคุยกับญาติเพื่อนบ้านได้ข้อมูลมาประกอบและหาข้อสรุปเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาอย่างครอบคลุมเป็นองค์รวมมากขึ้นเขียนบันทึกในแบบฟอร์มการเยี่ยมบ้านหรือใน Nurse's Note ใน OPD Card เพื่อสื่อสารให้บุคลากรในทีมสุขภาพที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการวางแผนการดูแลผู้ป่วยต่อไป
      - การบันทึกระยะก่อนเยี่ยม
        
        ข้อบ่งชี้ การวางแผน
    - - ข้อมูลที่ได้จากผู้ป่วยบอกเล่า (Subjective
        
        เป็นข้อมูลที่ผู้ป่วยบอกเพื่อแสดงอาการหรือความรู้สึกของตนเองเช่นอาการสำคัญประวัติปัจจุบันประวัติอดีตประวัติส่วนตัวประวัติครอบครัวควรบันทึกเฉพาะประวัติที่สำคัญมีความสัมพันธ์กับปัญหาความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
      - ข้อมูลที่ได้จากผู้เยี่ยม (Objective)
        
        ข้อมูลส่วนที่สามารถตรวจหรือวัดได้ ได้แก่ ผลการตรวจร่างกายผลการตรวจเลือด X-ray ที่มีจนถึงวันที่เขียนบันทึกต้องเป็นข้อมูลที่สัมพันธ์กับปัญหานั้น ๆ
      - การประเมิน (Assessment)
        
        การประเมินการวินิจฉัยโรคว่า เป็นเหมือนเดิมหรือต้องเปลี่ยนการการวินิจฉัย ทั้งนี้อาจเป็นอยู่เดิม แล้วหรือเกิดปัญหาใหม่
      - การวางแผน(PLAN)
        
        แผนการดูแลที่ต้องให้ครอบคลุมการแก้ปัญหาที่เบ็ดเสร็จผสมผสานเป็นองค์รวมและต่อเนื่อง
        
        การบันทึกครบถ้วน
        
        2.ระบุปัญหาปัจจุบันที่ยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงภาวะการเจ็บป่วย
        
        3.อาการและอาการแสดงที่ไม่ปกติรุนแรงขึ้นและข้อบ่งชี้ถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อน
        
        1.การเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของผู้ป่วยและผู้ดูแล
        
        4.การปฏิบัติการพยาบาลต่าง ๆ และการดูแลกิจวัตรประจำวันที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการเจ็บป่วย
        
        5.การตรวจเยี่ยมโดยบุคลากรในทีมสุขภาพ
        
        6.ผลจากการปฏิบัติการพยาบาล
        
        7.ผลการตรวจรักษาต่างๆ เช่น แผลหลังการผ่าตัดเป็นอย่างไรเค้านมระยะให้นมบุตรความเจ็บปวดความไม่สุขสบายต่างๆ
        
        8.วางแผนกิจกรรมที่จะทำครั้งต่อไป
        
        9.ต้องคำนึงถึงความสำคัญของการบันทึกด้านกฎหมายทุกครั้งที่บันทึกเพราะสิ่งที่บันทึกจะสะท้อนถึงคุณภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลผู้ปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยเสมอ
    - - การบริหารให้มีการจัดบริการผู้ป่วยและครอบครัวที่บ้านอย่างเหมาะสม โดยทีมสหสาขาวิชาชีพโดยประเมินปัญหาและความต้องการของครอบครัว (Family assessment) การวางแผนเพื่อช่วยเหลือ (Planning) การปฏิบัติตามแผน (Intervention) และการประเมินผล (Evaluation) การบันทึกข้อมูลจะช่วยให้ทีมเยี่ยมบ้านทราบถึงข้อมูลที่เกิดขึ้น ทำให้บุคลากรอื่น รับทราบข้อมูล และช่วยในการวางแผนการเยี่ยมครั้งต่อไป
    - - 1.การทำงานเป็นทีม (สหวิชาชีพ)
        
        2.ร่วมประชุม ให้คำปรึกษาหารือในทุกขั้นตอน
        
        3.ร่วมวางแผนการเยี่ยมบ้านและการดูแลที่บ้าน
        
        4.การสนับสนุนซึ่งกันละกัน
        
        5.ประสานงานในทีม และกับครอบครัวผู้ป่วย
        
        1.มีส่วนร่วมในกระบวนการ หรือการลงเยี่ยมบ้าน
      - 2.การพัฒนาระบบบริการ
        
        4.ประเมินผลลัพธ์บริการและคุณภาพบริการ
        
        5.การจัดบริการ การพัฒนามาตรฐานบริการ และประเมินผลการปฏิบัติ
        
        6.การบันทึกข้อมูลและสื่อสารข้อมูลระหว่างบุคลากรและหน่วยงาน
        
        7.ทำการศึกษาวิจัยเพื่อการพัฒนา
        
        3.การดูแลอย่างต่อเนื่อง
        
        2.การดูแลแบบองค์รวม
        
        1.ให้บริการดูแลรักษาที่บ้านที่มีคุณภาพ
      - ความหมาย
        
        ทิศทางการเปลี่ยนแปลงระบบการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะมุ่งสู่ชุมชน (Community-Based Care) มากขึ้น ดังนั้นแพทย์และทีมงานจะต้องปรับตัวและปรับบทบาท ของตนเองเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของชุมชนและสภาพปัญหาที่เป็นจริงตามบริบท
    - - S : นางเปียบอกว่าพึ่งทราบว่าป่วยเป็นเบาหวานเมื่อเดือนก่อนแพทย์ไม่ได้แนะนําการปฏิบัติตัวและไม่ทราบว่าตนเป็นโรคเบาหวานได้อย่างไร แต่ก็รับประทานยาตามแพทย์สั่งทุกวันเมื่อวานรับประทานทุเรียน 2 พูกลางคืนตื่นมาปัสสาวะ 1-2 ครั้งตื่นมาแล้วนอนไม่หลับไม่เคยออกกำลังกาย
      - O : ผลการตรวจ FBS = 285 mg%
      - A : นางเปียมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพไม่เหมาะสมกับโรคเบาหวานเนื่องจากขาดความรู้
      - P : ให้ความรู้เรื่องโรคและการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับโรคเบาหวานรวมทั้งแนะนําการเข้าร่วมชมรมเบาหวานเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแบ่งเป็นวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อการควบคุมเบาหวานการพยาบาล
    - - ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
      - ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับโรค (Medical Assessment)
      - ส่วนที่ 4 การประเมินมุมมองความเจ็บป่วย (illness) ของผู้ป่วย (IFFE)
      - ส่วนที่ 3 การประเมินตามแนวทาง IN HOME-SSS และ IFFE
  - - - 1.จัดเตรียมพื้นที่สำหรับที่จะวางกระเป๋า เราจะไม่วางกระเป๋าลงกับพื้น แต่จะวางลงบนผ้าหรือหนังสือพิมพ์
      - 2.เมื่อไปถึงบ้านผู้ป่วยควรถือกระเป๋าเยี่ยมไว้กับตัว
        (บนตัก)เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆจนพร้อมให้การพยาบาลแล้วควรบอกกิจกรรมที่จะปฏิบัติให้กับผู้ป่วยทราบ
        หาตำแหน่งวางกระเป๋าโดยไม่ควรวางไว้ใต้บันไดหรือทางเดินที่มีฝุ่นหรือที่เปียกชื้นควรวางในตำแหน่งที่จะใช้งานได้สะดวก
        ปูกระดาษหนังสือพิมพ์วางกระเป๋าไว้ด้านใดด้านหนึ่งแล้วเก็บสายสะพายกระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นให้ประเมินสภาพผู้ป่วยเพื่อที่จะได้กำหนดอุปกรณ์ที่จะจำเป็นต้องใช้ในการให้การพยาบาล
      - 4.เมื่อให้การพยาบาลเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนไปล้างทำความสะอาดแล้วเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ลงกระเป๋าตามเดิมยกเว้นอุปกรณ์ที่ต้องทำความสะอาดอีกครั้งหรือเปียกชื้น เช่น ผ้าเช็ดมือต้องแยกใส่ถุงพลาสติกและเก็บไว้ส่วนบนสุดของกระเป๋า แล้วจึงปิดกระเป๋าให้เรียบร้อยนำขยะไปกำจัดให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
      - 3.ล้างมือด้วยน้ำสบู่ให้สะอาดทั้ง 7 ขั้นตอน ใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดมือให้แห้งจากนั้นหยิบของใช้ที่จำเป็นในการให้การพยาบาล แล้วปิดกระเป๋าไว้ตามเดิม วางเรียงอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบเพื่อประหยัดพื้นที่ ชามรูปไตหรือถุงขยะควรวางใกล้ตัวพยาบาลและวางชิดมุมใดมุมหนึ่ง เพื่อไม่ให้ข้ามของสะอาด ใส่เอี๊ยมกันเปื้อนโดยส่วนบนติดกับกระดุมเม็ดแรกระวังอย่าให้เสื้อด้านนอกถูกพื้นมากเกินไปให้การพยาบาลตามแผน หากต้องการอุปกรณ์เพิ่มให้ล้างมือก่อนหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าทุกครั้ง หากต้องการหยิบของด้านใน ให้หยิบด้วยความระมัดระวัง และใช้หลักการ Aseptic techque
    - - หาที่วางให้เหมาะสม->ใช้มือข้างหนึ่งอุ้มไว้อีกข้างใช้เปิดกระเป๋า->ถอดนาฬิกาข้อมือ->ล้างมือด้วยสบู่->เช็ดมือ->ใส่ผ้ากันเปื้อน ->หยิบของที่ต้องการ->ปิดกระเป๋า->ใช้เครื่องล้างทำความสะอาด->เช็ดของให้แห้ง ->เก็บใส่กระเป๋า->ผ้าเช็ดมือใส่ถุงพลาสติก->ถอดผ้ากันเปื้อน->ปิดกระเป๋า->ขยะติดเชื้อทำลายให้ถูกวิธี
      - คำแนะนำ
        กระเป๋าเยี่ยมบ้านควรเป็นแบบสะพายแข็งแรงน้ำหนักเบา ด้านในควรบุด้วยวัสดุที่ถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย ข้างนอกควรมีช่องสำหรับใส่กระดาษหรือสิ่งปูรอง และถุงที่ใส่สิ่งของปนเปื้อน ในการใช้กระเป๋าเยี่ยมใช้เทคนิคความสะอาดตั้งแต่ความสะอาดของเครื่องมือเครื่องใช้และวิธีปฏิบัติของผู้ให้การควรคำนึงถึงการประหยัดเวลาโดยการจัดเครื่องใช้ลงกระเป๋าเยี่ยมตามลำดับการหยิบใช้
    - - เครื่องมือที่ควรเตรียมติดตัวเมื่อไปเยี่ยมบ้าน ได้แก่ แฟ้มครอบครัว (Family Folder) แผนที่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ผู้รับการเยี่ยม เครื่องวัดความดันโลหิต หูฟัง เทปวัดความยาว ชุดเครื่องมือตรวจหูและตา ปรอทวัดไข้ ไม้กดลิ้น สำลี แอลกอฮอล์ ชุดทำแผล ถุงมือ เครื่องวัดระดับน้ำตาลแบบพกพา แผ่นพับสุขศึกษา ถุงใส่ขยะ เป็นต้น รวมทั้งยาจำเป็นบางชนิด ติดไว้ในกระเป๋าบ้าง อุปกรณ์ถ่ายภาพเพื่อติดตามบาดแผล ถ่ายภาพนาทีประทับใจภายในบ้าน
  - - - เนื่องจากปัจจุบันการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังเป็นปัญหาที่ทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก ความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้อัตราตายของผู้ป่วยเรื้อรังจากภาวะวิกฤตลดลง ผู้ป่วยเรื้อรังรังที่รอดชีวิตจากภาวะวิกฤตและไม่สามารถดูแลตนเองได้มีจำนวนมากขึ้น จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องให้มีการให้บริการสุขภาพที่บ้านเพื่อดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ให้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    - - กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้ป่วยที่เริ่มเจ็บป่วยระยะแรก จากการเป็นโรคเรื้อรัง มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเล็กน้อย ยังไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการเกิดภาวะโรคร่วม สามารถช่วยเหลือตนเองได้แต่ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง
      - กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ป่วยที่มีการดำเนินของโรคส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต มีความจำกัด/ไร้ความสามารถเล็กน้อย ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เต็มที่
      - กลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ป่วยที่พยาธิสภาพของโรคทำให้เกิดความพิการ/จำกัดความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง หรือใส่เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อช่วยในการดำรงชีวิตจำเป็นต้องมีผู้ดูแลช่วยเหลือการทำกิจวัตรประจำวันให้
      - กลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้ป่วย Palliative care และ End of life care ใช้เกณฑ์วินิจฉัย ตามเกณฑ์ Palliative care
    - - การเยี่ยมบ้านเพื่อประเมินสภาวะสุขภาพ (Assessment home visits) เป็นการประเมินปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพผู้ป่วย จะช่วยดูแลสุขภาวะได้แบบองค์รวม (Holistic care)
      - การเยี่ยมดูแลผู้ป่วยใกล้ตายหรือระยะสุดท้าย (Dying care home visit) เป็นการเยี่ยมบ้านในผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด รักษาแบบประคับประคอง อาการทรุดลง จนใกล้เสียชีวิต
      - การเยี่ยมบ้านเพื่อติดตามผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล (Hospitalization follow up home visit) เป็นการเยี่ยมบ้านหลังผู้ป่วยจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
      - การเยี่ยมบ้านคนป่วย
        
        1.2 การดูแลผู้ป่วยเฉียบพลัน (Acute) เช่น ปวดท้องรุนแรง ท้องร่วง ไข้เลือดออก เป็นต้น
        
        1.3 การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (Chronic) เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
        
        1.1 การดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน (Emergency) เช่น หมดสติ หอบมาก
        สายให้อาหารหรือสายสวนปัสสาวะหลุด เป็นต้น
    - - แพทย์ วินิจฉัย ตรวจ ติดตาม การรักษา โดยนำปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมทั้งปัญหาครอบครัว สิ่งแวดล้อม มาร่วมใช้ในการวิเคราะห์และดูแลผู้ป่วยและครอบครัวนั้น
      - พยาบาลเยี่ยมบ้าน ค้นหาผู้ป่วยและครอบครัวที่ควรได้รับการดูแลที่บ้าน (Patient screening) พูดคุยและสอบถามปัญหา รวมทั้งทำการประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับ ความต้องการทางสุขภาพ สิทธิการรักษา การเข้าถึงระบบสุขภาพ ให้การรักษาทางการพยาบาลตามวิชาชีพ
      - นักกายภาพบำบัด แประเมินสมรรถภาพทางกายของผู้ป่วย แนะนำโปรแกรมกายภาพบำบัดที่บ้านที่เหมาะสมให้ผู้ป่วยแต่ละราย แนะนำการประยุกต์ใช้พื้นที่หรืออุปกรณ์ที่มีอยู่ที่บ้านเพื่อใช้ในการฝึกผู้ป่วย แนะนำเรื่องการจัดพื้นที่บ้านให้สะดวกต่อการช่วยเหลือตนเองของผู้ป่วยหรือสะดวกต่อญาติในการดูแลผู้ป่วย
      - นักจิตวิทยา มีหน้าที่ในกรณีเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตเวช การตรวจวินิจฉัยทางด้านจิตคลินิก ประเมินสภาวะทางจิตหรือสุขภาพจิตของผู้ป่วย การทำจิตบำบัดรักษาผู้ป่วยหรือครอบครัว
      - นักสุขศึกษา ประเมินพื้นฐานทางสุขภาพของผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชน มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทัศนะคติ และความเชื่อในชุมชน การเผยแพร่ความรู้ คำแนะนำ การป้องกันที่เหมาะสม รวมทั้งการสร้างเสริมสุขภาพ
      - นักสังคมสงเคราะห์ วางแผนช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันหรือการประกอบอาชีพ เช่น การจัดหางานที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ตามศักยภาพ การจัดการด้านที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย
    - - ประหยัดเวลาของประชาชนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
      - ลดค่าใช้จ่ายของสถานบริการในการ จัดบริการให้แก่ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องมารับการตรวจรักษาเบื้องต้นจากสถานบริการ
      - ผู้ป่วยและญาติดูแลสุขภาพตนเองได้
      - ลดภาระและความวิตกกังวลของครอบครัว
      - ลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางมารับบริการที่ง่ายๆ โดยครอบครัวสามารถดูแลตนเองได้
      - สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ป่วย และญาติกับสถานบริการ
      - ลดปริมาณผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องมา รับบริการในสถานบริการได้จำนวนหนึ่ง
    - - หน่วยงานบริการของรัฐ ที่อาจเป็นโรงพยาบาล สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชน หรือหน่วยงานเฉพาะ
      - หน่วยงานบริการของมูลนิธิหรืออาสาสมัคร ซึ่งให้บริการโดยไม่หวังผลกำไร
      - หน่วยงานบริการที่ผสมผสานกันระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน ที่ไม่หวังผลกำไร
      - หน่วยงานเอกชนที่ให้บริการสุขภาพ ที่บ้าน โดยคิดค่าบริการจากผู้รับบริการ หรือบริษัทประกัน
    - - Home Health Care Nursing คือ ระบบบริการสุขภาพแบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้บริการแก่ผู้รับบริการหรือผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีเป้าหมายเพื่อเน้นด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพ
      - การบริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน (Home health care) หมายถึง การบริหารให้มีการจัดบริการเต็มรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว รายหนึ่ง ๆ โดยเริ่มตั้งแต่การประเมินสภาพผู้ป่วยที่บ้าน การประสายงานกับทีมรักษาว่าจะรักษาที่บ้าน ที่โรงพยาบาล หรือส่งต่อ
      - การเยี่ยมบ้าน (Home visit) หมายถึง รูปแบบการบริการที่เป็นส่วนหนึ่งของการบริการดูแลสุขภาพที่บ้าน โดยแพทย์จะออกไปเยี่ยมผู้ป่วยและครอบครัวที่บ้าน อาจไปเยี่ยมครั้งแรกเพื่อประเมินสภาพความเจ็บป่วยของผู้ป่วยและครอบครัว
      - การดูแลต่อเนื่องจากโรงพยาบาล (Home ward) หมายถึง การใช้บ้านแต่ละหลังเสมือนเป็นเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งในชุนชน แบ่ง ประเภทผู้ป่วย ออกเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะกำหนดแนวทางการดูแลตามระดับความรุนแรงและปัญหา
  - - - การดูแลสุขภาพของประชาชนตามมาตรฐานการบริการสุขภาพของสถานบริการระดับปฐมภูมินั้น เน้นการให้บริการที่เป็นองค์รวม ต่อเนื่อง ผสมผสาน โดยใช้ข้อมูลภาวะสุขภาพครอบครัวในเขตรับผิดชอบกำหนดเป้าหมาย และกิจกรรมการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ผู้ปฏิบัติงานต้องประเมินภาวะสุขภาพของครอบครัวในเขตรับผิดชอบปีละ 1 ครั้ง เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนบริการสุขภาพ อย่างเหมาะสม ตามสถานการณ์ของแต่ละครอบครัวในเขตรับผิดชอบ กูหายบ่ได้การ สามารถกำหนดเป้าหมายการบริการสุขภาพครอบครัวได้เหมาะสม และดำเนินงานได้อย่างมีศักยภาพสูงสุดสมาชิกรายบุคคลมีความสุข เพราะ ครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่สำคัญในการอบรมเลี้ยงดูสมาชิกให้ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน และสังคม ถ้าครอบครัวมั่นคง แล้วจะส่งผลให้สังคม และประเทศชาติมั่นคงไปด้วย ดังนั้นผู้ให้บริการต้องเข้าใจแนวคิดการประเมินสุขภาพครอบครัว จึงจะสามารถคำนวณครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        ครอบครัว
        
        ครอบครัวเป็นสถาบันที่พัฒนาบุคคลให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โดยผ่านประสบการณ์ การอยู่ การอยู่ร่วมกัน แบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ฝึกอบรมสมาชิกในครอบครัว ทำหน้าที่ปลูกฝังศีลธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดี
      - ความสำคัญของครอบครัว
        
        1 ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานแรกของมนุษย์ และเป็นสถาบันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทำหน้าที่ในการล่องหลอมของความเป็นมนุษย์ของสมาชิกที่เกิดใหม่ ให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม และประเทศชาติ
        
        2 การอบรมเลี้ยงดู การสอนด้วยความรักความเมตตาจากบุคคลในครอบครัว มีอิทธิพลต่อระดับบุคลิกภาพ และคุณภาพของคุณ ซึ่งรวมทั้งค่านิยมและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน
        
        3 เป็นหน่วยที่สร้างวิถีการดำเนินชีวิตด้านเศรษฐกิจสังคมการเมืองการศึกษาศิลปะวัฒนธรรมและจริยธรรมซึ่งมีผลต่อคุณภาพของสังคม
        
        4 ครอบครัวเป็นหน่วยเศรษฐกิจที่ดีที่สุดบางครอบครัวมีบทบาทเป็นหน่วยการผลิตโดยตรงเช่น บางครอบครัวมีอาชีพทางการเกษตรทำนาทำสวนทำไร่ก็จะเป็นหน่วยผลิตทางเกษตร
        
        5 ครอบครัวตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมดูแลรักษาบ้านเรือนและสิ่งแวดล้อมในชุมชนให้น่าอยู่จะส่งผลให้สิ่งแวดล้อมไม่มีมลพิษครอบครัวก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม
        
        6 ครอบครัวสามารถป้องกันปัญหาสังคมหลายประการได้ สถาบันครอบครัวที่รวมตัวของสมาชิกเป็นพลังกลุ่มพลังชุมชนสามารถพัฒนาไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาของตนเองได้
      - กระบวนการของครอบครัว (family process)
        
        กระบวนการของครอบครัวคือ รูปแบบปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่อาจเปิดหรือปิดต่อสิ่งแวดล้อมหรือ กิจกรรมที่ต่อเนื่องของครอบครัวอันประกอบด้วยการสื่อสารปฏิสัมพันธ์หน้าที่ของครอบครัวสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรืออาจอธิบายได้ว่า กระบวนการของครอบครัวจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลมาอยู่ร่วมกันมีปฏิสัมพันธ์ ปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันทำให้เกิดกิจกรรมต่างๆของครอบครัวหรือกระบวนการของครอบครัวเป็นเหตุการณ์ที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลาเติบโตพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเข้าสู่แบบแผนของครอบครัวเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์กระบวนการสื่อสารของสมาชิกและกระบวนการดำเนินชีวิตร่วมกันกระบวนการของครอบครัวอาจปิดหรือแยกตัวหรือเปิดติดต่อกับสังคมภายนอกก็ได้กระบวนการของครอบครัวจะสร้างความผูกพันของสมาชิกแสดงออกให้เห็นได้ จากกิจกรรมและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในครอบครัวการปฏิบัติในหน้าที่หรือบทบาทของสมาชิก กระบวนการของครอบครัวได้รับอิทธิพลจากสังคมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
      - ประเมินภาวะสุขภาพครอบครัว
        
        การประเมินภาวะสุขภาพครอบครัวหมายถึงการศึกษาครอบครัวโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นระบบที่มีมาตรฐานใช้กรอบแนวคิดที่ชัดเจนในการสร้างแบบเก็บรวบรวมข้อมูล แล้วนำข้อมูลมาจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ วิเคราะห์แปลผลแล้วสรุปเป็นปัญหาและสาเหตุ การประเมินสุขภาพครอบครัวจึงต้องเลือกกรอบแนวคิดหรือทฤษฎีที่ใช้เป็นพื้นฐานในการสร้างแบบคำถามเพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งการที่จะใช้กรอบแนวคิดหรือทฤษฎีใดนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และกลุ่มตัวอย่างที่ต้องการประเมิน หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลของครอบครัวได้แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แปลผล
      - บทบาทหน้าที่ของพยาบาลชุมชนในการบริการอนามัยครอบครัว 2 ผู้สอนและศึกษา
        
        1 ผู้ให้บริการ Care provider
        
        การประเมินวางแผนปฏิบัติการพยาบาล ประเมินผลให้การดูแลทางด้านร่างกายจิตใจอารมณ์และสังคม หรือให้การพยาบาลโดยตรงต่อครอบครัว กรณีที่ครอบครัวไม่สามารถทำกิจกรรมได้
        
        2 ผู้สอนและที่ปรึกษา educator and counselor
        
        ให้ข้อมูลข่าวสารที่ช่วยให้ครอบครัวพัฒนาศักยภาพ ในการดูแลสุขภาพ ทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย เพื่อให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจเลือกวิถีชีวิต
        
        3 ตัวแบบอย่างที่ดี role model
        
        พยาบาลชุมชนจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับครอบครัวในการดูแลสุขภาพ
        
        : การรับประทานอาหารที่ถูกต้องถูกสุขลักษณะ
        
        : การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
        
        4 ผู้ปกป้องพิทักษ์สิทธิผู้รับบริการ client advocate
        
        ตามสิทธิพึงมีทั้งระดับบุคคลครอบครัวและชุมชน
        
        : สนับสนุนการใช้บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าบัตรประกันสังคม
        
        : การรับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทน
        
        5 ผู้บริการจัดการรายกรณี case manager
        
        วางแผนให้ความช่วยเหลือครอบครัวหรือสมาชิกในครอบครัวให้เหมาะสมกับปัญหาหรือความต้องการของผู้รับบริการ
        
        6 ผู้ร่วมงาน collaborator
        
        -การวางแผนแก้ไขปัญหาในการดูแลสุขภาพที่บ้านจะต้องวางแผนร่วมกันทั้งผู้รับบริการ ครอบครัว และผู้ให้บริการสุขภาพอื่นๆ
        
        การทำงานร่วมกับทีมสุขภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการพยาบาล
        
        7ผู้ค้นหาผู้ป่วย case finder
        
        การค้นหาผู้ที่มีปัญหาหรือมีความต้องการด้านสุขภาพเพื่อดำเนินการให้บริการสุขภาพตามความจำเป็น
        
        : ค้นหาผู้ป่วยจากแผนกผู้ป่วยใน
        
        : ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งในชุมชน
        
        8 คู่ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม environmental modifier
        
        พยาบาลชุมชนจะดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับสภาพของสมาชิกในครอบครัว
        
        : ครอบครัวที่มีผู้ป่วยเรื้อรัง
        
        : ครอบครัวที่มีผู้ป่วยสูงอายุ
        
        9.เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Chang agent)
        
        เป็นผู้กระตุ้นหรือทำให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเนื่องจากพยาบาลเป็นผู้ทราบสถานะความเป็นอยู่ของชุมชน ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
        : ชุมชนไม่ค่อยมีผู้สนใจออกกำลังกายจึงเป็นผู้จัดริเริ่มให้ชุมชนออกกำลังกายขึ้น
        
        10.เป็นผู้นำ (Leader
        
        การมีความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ พยาบาลเป็นผู้ที่ชุมชนเชื่อถือเป็นผู้นำในด้านสุขภาพที่ช่วยชี้แนะแนวทางให้ชุมชนในการตัดสินใจในโครงการต่างๆ ของชุมชนเพื่อส่งเสริมเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพชุมชน ครอบครัวหรือบุคคล
    - - ผังเครือญาติหรือแผนภูมิครอบครัวเป็นเครื่องมือที่สามารถบอกถึงความสัมพันธ์ในบุคคลที่เป็นสมาชิกรุ่นต่างๆโดยการนำข้อมูลที่ไดก้มาเขียนเป็นแผนภาพโดยการใช้สัญลักษณ์ที่ป็นสากล เพี่อความสะดวกในการบันทึกข้อมูล คตลอดจนการวิเคาระห์ สรุปผลการศึกษาและรวบรวมข้อมูลที่สนใจ
      - ส่วนประกอบของแผนภูมิครอบครัว
        
        โครงสสร้าของครอบครัว famila structure
        
        วงจรชีวิตในครอบครัว life cycle stage
        
        รูปแบบซ้ำซ้อนที่ผ่านมารุ่นต่างๆในครอบครัว pattern repetition across genaration
        
        เหตุการณ์และหน้าที่ครอบครัว life events and functioning
        
        ความสัมพันธ์ สัมพันธภาพ และความขัดแย้งในครอบครัว relation patter\n and triangles
        
        6.ความสมดุลของตรอบครัว family balance and imbsalance
      - การอ่านแผนภูมิครอบครัว
        
        องค์ประกอบหลักของครอบครัว เช่น ครอบครัวที่มีการหย่าร้าง หรือ คู่ครองเสียชีวิต
        
        ความสมดุลภายในครอบครัว แสดงด้วยการลากเส้นแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
        
        ลักษณะที่เกิดซ้ำข้ามรุ่นในครอบครัว แผนภูมิครอบครัวสามารถแสดงลักษณะที่เกิดซ้ำใน หลายรุ่นให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
        
        การวิเคราะห์พันธุประวัติ มีหลักเกณฑ์ตามที่นักศึกษาเรียนรู้ในวิชาพันธุศาสตร์ คือ ถ้า ลักษณะนั้นปรากฎในเพศชายและเพศหญิงเท่าๆ กัน แสดงว่ายีนที่ควบคุมลักษณะนำจะอยู่บนโครโมโซมร่างกาย
    - - ประโยชน์ของแผนที่สังเขปที่ใช้ในงานอนามัยชุมชน
        
        ทำให้ทราบถึงลักษณะพื้นที่ ภูมิประเทศของชุมชน การคมนาคมติดต่อภายในและภายนอกพื้นที่ ความหนาแน่นของการตั้งบ้านเรือน แหล่งน้ำและแหล่งสาธารณะประโยชน์ ตลอดจนลักษณะเฉพาะ ที่
        
        เพื่อทราบถึงลักษณะอาณาเขตพื้นที่รับผิดชอบ และบริเวณใกล้เคียง
        
        เพื่อทราบถึงสถานที่ที่สงสัยว่าจะเป็นแหล่งกำเนิดของโรค หรือใช้ในการวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา
        
        เพื่อใช้ในการแสดงผลงาน การปฏิบัติงาน การนิเทศงาน ตลอดจนวางแผนปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับลักษณะชุมชน
        
        เพื่อใช้ในการประกอบคำอธิบายร่ามกับรายงานอื่น
      - องค์ประกอบที่สำคัญของแผนที่
        
        1) ชื่อของแผนที่ เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องบอกไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นแผนที่อะไรหรือแผนที่ของท้องถิ่นไหน
        
        2) ทิศทางหรือทิศ เป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งจะต้องแสดงไว้ในแผนที่ให้ถูกต้องตามแนวของทิศที่เป็นจริงในภูมิประเทศ โดยทั่วไปแล้วจะยึด "ทิศเหนือ" เป็นหลัก
        
        3.มาตราส่วน คือ อัตราส่วนหรือจำนวนตัวเลข ที่แสดงส่วนสัมพันธ์ของระยะบนแผนที่ ระยะบนภูมิประเทศจริงตามแนวราบ
        
        4) ระยะทาง การวัดระยะทางโดยทั่วไปต้องใช้หน่วยวัด เช่น เมตร กิโลเมตร
        
        5) เครื่องหมายต่างๆ คือ เครื่องหมายแทนสิ่งของต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในภูมิประเทศ อาจแสดงด้วย เส้น สี รูปวาด ตัวอักษร
        
        6) ชื่อผู้ทำแผนที่ ควรจะเขียนไว้ด้วย หากว่าผู้อ่านแผนที่เกิดความสงสัย และต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น
        
        7) คำอธิบายเครื่องหมายในแผนที่ มักจะเชียนไว้ที่มุมของแผนที่ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ
      - วิธีการทำแผนที่สังเขป
        
        การสำรวจ ผู้ทำแผนที่ควรจะได้เดินสำรวจข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างคร่าว ๆ
        
        การหาระยะทาง ควรเริ่มจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง ด้วยการวัดหรือการนับก้าวหาความยาวที่แล้วจดบันระยะทางนั้น
        
        สังเกตลักษณะสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
        
        นำแผนที่หยาบ ๆ ที่ได้จากข้อ 1-3 มาทำการคัดลอกและย่อส่วนตามขนาดของมาตราที่จะใช้ ให้เกิดความเหมาะสมกับขนาดของหน้ากระดาษ v
  - - - เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมีความมั่นใจและสามารถพึ่งตนเองในการดูแลสุขภาพที่บ้านได้
      - เพื่อให้ญาติรู้วิธีในการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยที่บ้าน และร่วมดูแลรักษาผู้ป่วย
      - เพื่อทำความรู้จักและสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับผู้ป่วยและญาติในระยะยาว
      - เพื่อประเมินทั้งโรค (Disease) และความเจ็บป่วย (Illness) ที่แท้จริงของผู้ป่วยและญาติได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุม
    - - ผู้ป่วยและครอบครัว มีความเต็มใจให้เยี่ยมดูแลที่บ้าน
      - ทีมบุคลากรสุขภาพ มีความเต็มใจในการเยี่ยมดูแลผู้ป่วยที่บ้านและควรอยู่บนพื้นฐานของระบบบริการปฐมภูมิอันได้แก่ การดูแลแต่แรกทุกเรื่อง ต่อเนื่อง เบ็ดเสร็จ ผสมผสาน บริการที่เข้าถึงสะดวก และมีระบบปรึกษาและส่งต่อ
    - - การสัมภาษณ์ โดยมีหลักคือ ฟังด้วยความเห็นใจ, ใช้คําถามเปิด, อย่าแสดงความรีบร้อน, อย่าขัดจังหวะ
      - การสังเกต สังเกตในสิ่งที่ผู้ป่วยและสมาชิกภายในครอบครัวทํา สังเกตสภาพบ้านและเพื่อนบ้าน ให้การช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ป่วย สถานการณ์ขณะเกิดเหตุการณ์ อารมณ์ของผู้ป่วย ปัญหาอะไรที่รบกวนผู้ป่วยมากที่สุด วิธีการที่ผู้ป่วยจัดการกับปัญหานั้น ความเห็นอกเห็นใจ
    - - 1.ขั้นตอนก่อนการเยี่ยมบ้าน อย่างน้อยต้องประกอบด้วย วัตถุประสงค์ในการเยี่ยม, ศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัว,มีแผนที่การเดินทาง, หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ป่วยเพื่อติดต่อนัดหมาย และยานพาหนะ
        
        โดยจะมีขั้นตอนการดูแลสุขภาพครอบครัวที่บ้าน ควรมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนต่อเนื่องกันตามลำดับ ดังนี้
        
        ขั้นตอนที่ 1 การประเมินปัญหาสุขภาพและความต้องการของครอบครัว (Family Assessment) ควรประเมินปัญหาสุขภาพและความต้องการของครอบครัวควบคู่ไปด้วยกัน เพราะปัญหาสุขภาพที่ผู้เยี่ยมบ้านเห็น อาจไม่ใช่เรื่องที่ครอบครัวต้องการแก้ไข
        
        ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนเพื่อช่วยเหลือครอบครัว (Planning) ผู้ป่วยและครอบครัวมักจะมีหลายปัญหาและความต้องการ ผู้เยี่ยมบ้านต้องพิจารณาปัญหาตามความสำคัญและเร่งด่วน แล้วทำการแก้ไขปัญหาไปตามลำดับ โดยอาจพิจารณาจัดลำดับประกอบกับความสนใจของครอบครัวและความสามารถในการแก้ใขปัญหาของครอบครัว
        
        ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติตามแผน (Intervention)
        ก่อนออกเยี่ยมบ้านผู้เยี่ยมบ้านควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านข้อมูลและอุปกรณ์ในการเยี่ยมบ้าน กำหนดวัตถุประสงค์การเยี่ยมบ้านในแต่ละะครั้งให้ชัดเจน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การนัดหมายและยืนยันวันและเวลาล่วงหน้า แบบบันทึกการเยี่ยมบ้านและกระเป๋าเยี่ยมบ้าน ซึ่งควรตรวจดูความพร้อมของอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนออกเยี่ยมบ้าน
      - 2.ขั้นตอนขณะเยี่ยมบ้าน สิ่งที่ควรทําคือการเริ่มจากทบทวนวัตถุประสงค์ของการเยี่ยมร่วมกับ สมาชิกครอบครัว ประเมินปัญหาเดิมของผู้ป่วยและปัญหาใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น ประเมินทั้งด้านร่างกาย, จิตใจ และสิ่งแวดล้อมของครอบครัว ดังนั้นกระบวนการเยี่ยมบ้านต้องช่างสังเกตและประเมินทุกสิ่งที่พบในบ้านนั้นๆ และสามารถใช้เครื่องมือ (IN-HOME-SSS) ในการเก็บข้อมูลของผู้ป่วย และใช้แบบประเมินการประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน (Barthel Activities of Daily Living: ADL) ของผู้ป่วยได้ เป็นต้น
      - 3.ขั้นตอนหลังการเยี่ยมบ้าน ควรต้องมีสมุดหรือแฟ้มประจําครอบครัว เพื่อใช้สําหรับบันทึกข้อมูลการ ดูแลครอบครัว การบันทึกข้อมูลจะทําให้ทราบถึงข้อมูลที่เกิดขึ้น และเพื่อเป็นการวางแผนการเยี่ยมครั้งต่อไป
- - - - ประเมินความรู้/ความสามารถในการดูแลตนเองของมารดาและทารกว่ามีความรู้ในการดูแลแผลฝีเย็บ การเลี้ยงดูทารก การให้นมได้เหมาะสมมากน้อยเพียงใด และประเมินความรู้ของคนในครอบครัวว่ามีความรู้หรือความสามารถในการดูแลช่วยเหลืออย่างไรบ้าง
      - รวบรวมปัญหาที่ได้จากการประเมินมาร่วมกันคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหานั้นให้เหมาะสมกับผู้ป่วย เช่น การให้ความรู้ในการดูแลตนเองด้านสุขอนามัย การดูแลแผลฝีเย็บ การคลึงมดลูก หรือการให้นมและการดูแลทารก เป็นต้น
      - ฝึกทักษะในการดูแลตนเองแก่ผู้ป่วยหรือผู้ดูแล เช่น การทำความสะอาดแผลฝีเย็บ การอาบน้ำทารก เป็นต้น
      - ให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการดูแลตนเองเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ซักถามหรือพูดคุยในเรื่องที่สงสัยหรือเป็นกังวล เพื่อคลายกังวลและสร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยในการดูแลตนเองและทารก
      - ประเมินผลตามกิจกรรมประเมินผลลัพธ์
        มารดาหลังคลอดมีความรู้ในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นหลังได้รับการดูแลต่อเนื่องตามรูปแบบการดูแลที่พัฒนาขึ้นทำให้มารดาหลังคลอดตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลตนเองการดูแลบุตร การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่งผลทำให้มีความมั่นใจในการนำความรู้ไปปฏิบัติในการดูแลตนเองที่เหมาะสมได้
    - - ผู้ป่วยมีภาวะจิตใจดีขึ้น
      - ลดภาระและความวิตกกังวลของครอบครัว
      - สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ป่วย และญาติกับสถานบริการ
      - เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล
      - ผู้ป่วยและญาติดูแลสุขภาพตนเองได้
  - - - มารดาหลังคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายในหลายๆระบบ ดังนั้นจึงมีแนวทางหรือวิธีในการดูแลมารดาหลังคลอด ในแบบต่างๆ มีการประยุกต์ใช้มาเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้ร่างกายของหญิงหลังคลอดกลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนก่อนตั้งครรภ์
        นวัตกรรมทับหม้อเกลือ สร้างและพัฒนา เพื่อให้หญิงหลังคลอดสามารถนำไปใช้ทับหม้อเกลือด้วยตนเองที่บ้านทำให้ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย
    - - กระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้า
      - ผ้าฝ้ายสำหรับใส่กระเป๋า น้ำร้อนไฟฟ้า เข็มขัดพร้อมตัวล็อค ถุงผ้าดิบเย็บ
      - สมุนไพรที่ใช้ส่วนใหญ่มีรสฝาดร้อน
    - - 1ช่วยขับน้ำคาวปลา น้ำคาวปลาไหลสะดวก มดลูกเข้าอู่เร็ว
        2.กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
        3.ลดอาการบวม บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและมดลูกทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องกระชับ
        4สะดวกใช้งานง่าย ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย
    - - ข้อห้ามในการทับหม้อเกลือ
        ได้แก่ มารดาตกเลือดขณะคลอด หลังคลอด มีโรคติดต่อทางผิวหนัง มีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส
        ข้อเสีย1.การทับหม้อเกลือหากใช้ความร้อนที่มากเกินไป อาจจะทำให้ผิวหนังเกิดการไหม้หรือพุพองได้
        2.การลงน้ำหนักหากกดแน่นจนเกินไปอาจจะทำให้จุกแน่นได้
        3.จากรายงานการวิจัยยังได้ข้อสรุปไม่แน่นอนว่าการลดลงของยอดมดลูกและปริมาณน้ำคาวปลา เป็นผลมาจากการใช้ชุดนวัตกรรมทับหม้อเกลือด้วยตนเองของหญิงหลังคลอดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการลดลงของยอดมดลูกและปริมาณน้ำคาวปลาเป็นกลไกปกติของร่างกายหญิงหลังคลอดที่จะฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับสู่สภาวะปกติหากไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ
  - - - การเก็บรวบรวมข้อมูล
        
        วัตถุประสงค์
        
        เพื่อรวบรวมข้อมูลของรายเยี่ยม
        
        เพื่อวางแผนการเยี่ยมบ้านของมารดาหลังคลอด
      - วิธีการรวบรวมข้อมูล
        
        สังเกตสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในบ้าน
        
        สอบถามรายเยี่ยมและผู้ดูแลหรือบุคคลในครอบครัวเกี่ยวกับการชีวิตประจำวัน
        
        ตรวจร่างกายของรายเยี่ยมโดยใช้เครื่องมือในการตรวจ
        
        ไม่เอาความคิดส่วนตนมาบันทึกด้วย
        
        บันทึกข้อมูลจากการตรวจเยี่ยมโดยแบบบันทึก INHOMESS
  - - - 1 เป็นผู้บริการด้านสุขภาพ (Health care provider)
        
        จัดให้การบริการแบบครบถ้วนผสมผสานกันทั้งด้านการรักษา การฟื้นฟูสภาพ การป้องกันโรคของคุณมารดาหลังคลอด ให้ความรู้กับมารดาหลังคลอด เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อทารก และตัวของมารดาหลังคลอดเอง และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น อาหารประเภทหมักดอง เนื่องจากมารดามีแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง
      - 2 เป็นผู้ให้คำปรึกษา (Counselor)
        
        ให้คำปรึกษากับมมารดาหลังคลอด เกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังผ่าคลอด จึงต้องให้คำปรึกษาและความรู้ในการทำความสะอาดแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันเชื้อโรคและภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา และมารดาหลังคลอดมีอาการการแพ้ถั่วลิสง จึงจำเป็นที่จะต้องให้คำปรึกษาทางด้านโภชนาการให้กับคุณแม่เกี่ยวกับ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากมีส่วนประกอบของถั่วลิสง อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง และอาหารที่สามารถทดแทนอาหารที่แพ้ได้ให้กับมารดาหลังคลอด
  - - - การเยี่ยมครั้งที่ 1 เยี่ยมภายใน 7 วันหลังคลอด
      - การเยี่ยมครั้งที่ 2 เยี่ยมหลังคลอดระหว่าง 7 วันถึง 14 วัน
      - การเยี่ยมครั้งที่ 3 เยี่ยมหลังคลอด ระหว่าง 14 วัน ถึง 45 วัน
    - - เครื่องมือที่ควรเตรียมติดตัวเมื่อไปเยี่ยมบ้าน ได้แก่ แฟ้มครอบครัว (Family Folder) แผนที่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ผู้รับการเยี่ยม เครื่องวัดความดันโลหิต หูฟัง เทปวัดความยาว ชุดเครื่องมือตรวจหูและตา ปรอทวัดไข้ ไม้กดลิ้น สำลี แอลกอฮอล์ ชุดทำแผล ถุงมือ เครื่องวัดระดับน้ำตาลแบบพกพา แผ่นพับสุขศึกษา ถุงใส่ขยะ เป็นต้น รวมทั้งยาจำเป็นบางชนิด ติดไว้ในกระเป๋าบ้าง อุปกรณ์ถ่ายภาพเพื่อติดตามบาดแผล ถ่ายภาพนาทีประทับใจภายในบ้าน
    - - -เครื่องชั่งน้ำหนัก -สายวัดลำตัว –ถุงมือ –ชุดทำแผล และ แอลกอฮอล์ –เครื่องวัดความดัน
        -ชุดผ้าเช็ดมือ ผ้ากันเปื้อน และผ้าลองชั่งน้ำหนัก –น้ำสบู่ –ปรอทวัดไข้ -ชามรูปไต หรือ ถุงขยะ
    - - 2.เปิดกระเป๋าหยิบชุดผ้าเช็ดมือผ้ากันเปื้อนออกมาพร้อมกับน้ำสบู่ ล้างมือด้วยน้ำสบู่ให้สะอาดทั้ง 7 ขั้นตอน โดยเราจะต้องออกไปล้างบริเวณอื่นนอกเหนือบริเวณกระเป๋าเยี่ยม จากนั้นใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดมือให้แห้ง หยิบของใช้ที่จำเป็นในการให้การพยาบาลตามที่กล่าวข้างต้นแล้วปิดกระเป๋าไว้ตามเดิม วางเรียงอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบเพื่อประหยัดพื้นที่ ชามรูปไตหรือถุงขยะควรวางใกล้ตัวพยาบาลและวางชิดมุมใดมุมหนึ่ง เพื่อไม่ให้ข้ามของสะอาด ใส่เอี๊ยมกันเปื้อนโดยส่วนบนติดกับกระดุมเม็ดแรกระวังอย่าให้เสื้อด้านนอกถูกพื้นมากเกินไปจากนั้นให้การพยาบาลตามแผน
        
        การตรวจมารดา
        
        -วัดความดันโลหิต
        
        -วัดอุณหภูมิ ร่างกาย ทางรักแร้
        
        -การตรวจประเมินระดับมดลูก
        
        -ตรวจประเมินน้ำคาวปลา
        
        -ตรวจและประเมินแผลฝีเย็บ
        
        -ตรวจเต้านมแม่เพื่อประเมินน้ำนม
        
        -ตรวจลานนม หัวนม และ การหลั่งน้ำนม
        
        -ติดตามวิธีคุมกำเนิด
        
        การตรวจทารก
        
        -ชั่งน้ำหนัก (ใช้ผ้าลองตัวทารก)
        
        -วัดตัวตามความยาวของทารก
        
        -วัดอุณหภูมิทางรักแร้
        
        -ประเมินตา และ สะดือ
        
        -ประเมินช่องปาก เหงือก และ ลิ้น
        
        -ประเมินการดูดนมของทารก
        
        -ประเมินภาวะตัวเหลือง
        
        -ประเมินอาหารของทารก ว่า ดื่มนมแม่อย่างเดียว หรือ ผสมน้ำด้วย หรือ นมผง เป็นต้น
      - 1.เมื่อไปถึงบ้านผู้ป่วยควรถือกระเป๋าเยี่ยมไว้กับตัว (บนตัก)เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆจนพร้อมให้การพยาบาลแล้วควรบอกกิจกรรมที่จะปฏิบัติให้กับผู้ป่วยทราบ หาตำแหน่งวางกระเป๋าโดยไม่ควรวางไว้ใต้บันไดหรือทางเดินที่มีฝุ่นหรือที่เปียกชื้นควรวางในตำแหน่งที่จะใช้งานได้สะดวก ปูกระดาษหนังสือพิมพ์วางกระเป๋าไว้ด้านใดด้านหนึ่งแล้วเก็บสายสะพายกระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นให้ประเมินสภาพผู้ป่วยเพื่อที่จะได้กำหนดอุปกรณ์ที่จะจำเป็นต้องใช้ในการให้การพยาบาล
      - 3.โดยจะให้การพยาบาลมารดาก่อนทารก หากต้องการอุปกรณ์เพิ่มให้ล้างมือก่อนหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าทุกครั้ง หากต้องการหยิบของด้านใน ให้หยิบด้วยความระมัดระวัง และใช้หลักการ Aseptic techque
        เมื่อให้การพยาบาลเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนไปล้างทำความสะอาดแล้วเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ลงกระเป๋าตามเดิมยกเว้นอุปกรณ์ที่ต้องทำความสะอาดอีกครั้งหรือเปียกชื้น เช่น ผ้าเช็ดมือต้องแยกใส่ถุงพลาสติกและเก็บไว้ส่วนบนสุดของกระเป๋า แล้วจึงปิดกระเป๋าให้เรียบร้อยนำขยะไปกำจัดให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
  - - - จากการประเมินผล หญิงหลังคลอดคนนี้ได้คะแนนเต็ม 20 คะแนน ซึ่งหมายถึง เป็นกลุ่มที่ 1 กลุ่มติดสังคม เป็นบุคคลที่พึ่งตนเองได้ ช่วยเหลือผู้อื่น ชุมชนและสังคมได้
    - - 1.หญิงหลังคลอดมีค่า BMI = 25.71 พบว่าเป็นภาวะโภชนาการเกิน (โรคอ้วนระดับที่ 1)
        
        ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1 มีภาวะโภชนาการเกินเนื่องจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
        
        การพยาบาล : ควรแนะนำหญิงหลังคลอดในการรับประทานอาหารที่มีภาวะอ้วน โดยการลดอาหารหวาน มัน เค็ม เปรี้ยว เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน งดเครื่องดื่มรสหวาน เคี้ยวอาหารช้าๆเพื่อช่วยในร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ง่ายมากขึ้น และแนะนำการออกกำลังกายในหญิงหลังคลอด โดยเป็นการออกกำลังกายประกอบดนตรี ขยับแขนขา หมั่นชั่งน้ำหนักสังเกตตนเองอย่างสม่ำเสมอ
      - 2.หญิงหลังคลอดมีรอยแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง ขนาดยาว 10 เซนติเมตร
        
        ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2 ส่งเสริมการดูแลรอยแผลผ่าตัดหน้าท้องหลังคลอด
        
        การพยาบาล : แนะนำไม่ให้หญิงหลังคลอดยกของหนักหรือเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องโดยเฉพาะ 3 เดือนแรก เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บแผลผ่าคลอดได้ ควรดูแลความสะอาดร่างและรอยแผลเป็นประจำ สามารถทาผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินอีในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับรอยแผลได้ และควรรับประทานอาหารให้ครบ5หมู่ เน้นประเภทโปรตีนเพื่อส่งเสริมการหายของแผลได้เร็วขึ้นจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และหลีกเลี่ยงการขับรถในช่วง 45 วันหลังการผ่าตัด ป้องกันการปวดแผลผ่าคลอดได้
- - - - เราจะสามารถประยุกต์ใช้แนวคิดหลักการบริการอนามัยครอบครัวได้อย่างไร?
        
        เพื่อศึกษาเกี่ยวกับแนวความคิดหลักการบริการครอบครัวและการประยุกต์ใช้
        
        การปรับเปลี่ยนบทบาทการพยาบาลชุมชนให้เข้ากับการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ การเป็นผู้ให้ความรู้ การเป็นผู้ให้บริการสุขภาพ การเป็นผู้พิทักษ์สิทธิ ผู้ป่วยการเป็นผู้บริหารจัดการ การเป็นผู้ ประสานงาน และการเป็นผู้สร้างเสริมพลังอำนาจ ทางสุขภาพในการสร้างความ ตระหนักรู้การปรับเปลี่ยนทัศนคติ และการสร้างพฤติกรรมสุขภาพจนเกิดเป็นความปกติใหม่ของประชาชน ในชุมชนจนสามารถจัดการตนเองด้านสุขภาพได้ อย่างเหมาะสม จนนำไปสู่ลดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้
        
        เราสามารถประยุกต์ใช้แนวคิดหลักการอนามัยชุมชน และบทบาทการพยาบาลอนามัยชุมชน โดยการนำมาประยุกต์ให้เข้ากับชุมชนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ในสภาวะที่มีการระบาดของโควิค-19 หน้าที่ของพยาบาลชุมชนมีหน้าที่สำคัญในการสร้างเสริมและป้องกันโรค โดยการมุ่งเน้นการส่งเสริมการ ดูแลสุขภาพส่วนบุคคลของประชาชนในชุมชนที่ รับผิดชอบ
      - แนวคิดหลักการบริการอนามัยครอบครัวคืออะไร?
        
        การพยาบาลสาขาหนึ่งมีเป้าหมายเพื่อสุขภาพของชุมชนที่นำกระบวนการแก้ปัญหามาใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน และบุคคลากรอื่นในทีมสุขภาพ ในทุกขั้นตอนการวางแผนและดำเนินการด้านบริการเหมาะสมกับภาวะสุขภาพและความต้องการที่แท้จริงของชุมชน การพยาบาลอนามัยชุมชน เป็นการดูแลสุขภาพของบุคคล ครอบครัวและชุมชนในเขตที่รับผิดชอบ ดูแลทั้งผู้ที่มีสุขภาพดี ผู้ที่ไม่เจ็บป่วย ผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงโรคและผู้ที่อยู่ในภาวะเจ็บป่วย ทั้งเรื้อรังและเฉียบพลัน โดยผสมผสานบริการครบถ้วนทั้ง 4 มิติ คือ ด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาโรค และการฟื้นฟูสภาพ ขจัดสิ่งแวดล้อมที่เป็นสาเหตุของโรค และปัญหาสุขภาพ เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เพิ่มศักยภาพและความสามารถดูแลสุขภาพตนเอง เพื่อให้มีสุขภาพดี ลดการป่วย การตาย ความพิการจากโรคหรือปัญหาสุขภาพที่มีวิธีป้องกันได้
    - - ความหมายของการให้บริการสุขภาพที่บ้านคืออะไร?
        
        เพื่อศึกษาความหมายของการให้บริการสุขภาพที่บ้าน
        
        คือ การให้บริการสุขภาพแบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้บริการแก่ผู้รับบริการหรือผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีเป้าหมายเพื่อเน้นด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพ
      - การให้บริการสุขภาพที่บ้านมีความสำคัญอย่างไร?
        
        เพื่อศึกษาความสำคัญของการให้บริการสุขภาพที่บ้าน
        
        ความสำคัญของการให้บริการสุขภาพที่บ้าน
        เนื่องจากปัจจุบันการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังเป็นปัญหาที่ทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก ความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้อัตราตายของผู้ป่วยเรื้อรังจากภาวะวิกฤตลดลง ผู้ป่วยเรื้อรังรังที่รอดชีวิตจากภาวะวิกฤตและไม่สามารถดูแลตนเองได้มีจำนวนมากขึ้น จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องให้มีการให้บริการสุขภาพที่บ้านเพื่อดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ให้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    - - มีเทคนิคหรือวิธีการใดบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาเทคนิคหรือวิธีการในกระบวนการเยี่ยมบ้าน
        
        การสัมภาษณ์ โดยมีหลักคือ ฟังด้วยความเห็นใจ, ใช้คําถามเปิด, อย่าแสดงความรีบร้อน, อย่าขัดจังหวะ และการสังเกต เช่น สังเกตในสิ่งที่ผู้ป่วยและสมาชิกภายในครอบครัวทํา สังเกตสภาพบ้าน เพื่อนบ้าน ให้การช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ป่วย อารมณ์ของผู้ป่วย ปัญหาอะไรที่รบกวนผู้ป่วยมากที่สุด วิธีการที่ผู้ป่วยจัดการกับปัญหานั้น
      - มีขั้นตอนอะไรบ้าง?
        
        เพื่อตรวจสอบและหาข้อมูลที่เหมาะสมในการเยี่ยมบ้าน
        
        1.ขั้นตอนก่อนการเยี่ยมบ้าน อย่างน้อยต้องประกอบด้วย วัตถุประสงค์ในการเยี่ยม, ศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัว,มีแผนที่การเดินทาง, หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ป่วยเพื่อติดต่อนัดหมาย และยานพาหนะ
        
        2.ขั้นตอนขณะเยี่ยมบ้าน สิ่งที่ควรทําคือการเริ่มจากทบทวนวัตถุประสงค์ของการเยี่ยมร่วมกับ สมาชิกครอบครัว ประเมินปัญหาเดิมของผู้ป่วยและปัญหาใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น ประเมินทั้งด้านร่างกาย, จิตใจ และสิ่งแวดล้อมของครอบครัว ดังนั้นกระบวนการเยี่ยมบ้านต้องช่างสังเกตและประเมินทุกสิ่งที่พบในบ้านนั้นๆ และสามารถใช้เครื่องมือ (IN-HOME-SSS) ในการเก็บข้อมูลได้
        
        3.ขั้นตอนหลังการเยี่ยมบ้าน ควรต้องมีสมุดหรือแฟ้มประจําครอบครัว เพื่อใช้สําหรับบันทึกข้อมูลการ ดูแลครอบครัว การบันทึกข้อมูลจะทําให้ทราบถึงข้อมูลที่เกิดขึ้น และเพื่อเป็นการวางแผนการเยี่ยมครั้งต่อไป
    - - ความสำคัญของการจัดลำดับรายเยี่ยมเป็นอย่างไร?
        
        เพื่อศึกษาความสำคัญของการจัดลำดับรายเยี่ยม
        
        ความเร่งด่วนะหมายถึงความต้องการหรือความจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือโดยเร็วหากทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
      - มีวิธีการอย่างไรบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาวิธีการและขั้นตอนการจัดรายเยี่ยม
        
        การป้องกันการแพร่กระจายของโรคจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ตนเองเป็นผู้นำเชื้อโรคจากบุคลคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึงหรือจากครอบครัวหนึ่งไปสู่อีกครอบครัวหนึ่ง
    - - มีวิธีการใช้อย่างไรบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาเทคนิคและวิธีการใช้กระเป๋าเยี่ยมอย่างถูกต้อง
        
        1.จัดเตรียมพื้นที่สำหรับวางกระเป๋าไม่วางที่พื้น 4.หยิบของด้านในใช้หลักAseptic techque
        2.ล้างมอให้สะอาดก่อนเปิดกระเป๋า เตรียมถุงขยะ 5.ใช้ของเสร็จ เก็บของใช้ที่ฆ่าเชื้อไว้ด้านใน
        
        หยิบของใช้จากด้านนอกก่อน
      - ในกระเป๋าเยี่ยมควรมีอะไรบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาอุปกรณ์ในกระเป๋าเยี่ยมว่ามีอะไรบ้าง
        
        แฟ้มครอบ family folder,แผนที่บ้าน,เบอร์ผู้รับการเยี่ยม,เครื่องวัดความดันโลหิต,หูฟัง,เทปวัดความยาว,
        เครื่องมือตรวจหูและตา,ปรอทวัดไข้,ไม้กดลิ้น,สำลี,แอลกอฮอล์,ชุดทำแผล,ถุงมือ,เครื่องวัดระดับน้ำตาลพกพา,
        แผ่นพับสุขศึกษา,ถุงขยะ ,ยาจำเป็นบางชนิด
      - เทคนิคการใช้กระเป๋าเยี่ยมมีอะไรบ้าง?
        
        หาที่วางให้เหมาะสม->ใช้มือข้างหนึ่งอุ้มไว้อีกข้างใช้เปิดกระเป๋า->ถอดนาฬิกาข้อมือ->ล้างมือด้วยสบู่->เช็ดมือ->ใส่ผ้ากันเปื้อน
        ->หยิบของที่ต้องการ->ปิดกระเป๋า->ใช้เครื่องล้างทำความสะอาด->เช็ดของให้แห้ง ->เก็บใส่กระเป๋า->ผ้าเช็ดมือใส่ถุงพลาสติก
        ->ถอดผ้ากันเปื้อน->ปิดกระเป๋า->ขยะติดเชื้อทำลายให้ถูกวิธี
    - - นวัตกรรมสุขภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นคืออะไร?
        
        เพื่อศึกษาความหมายของนวัตกรรมสุขภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น
        
        นวัตกรรมสุขภาพ (health service innovation) หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ ที่เป็นแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ที่เกิดจากการใช้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อใช้ในการบริการสุขภาพให้เกิดการบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
        
        ภูมิปัญญาท้องถิ่น หมายถึง องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์การเรียนรู้ ความฉลาด ความสามารถ และความเชี่ยวชาญของคนในชุมชนท้องถิ่น เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ความเชื่อ การประกอบอาชีพ การแก้ปัญหาต่างๆ ในการดำรงชีวิตที่ถ่ายทอดกันมาจากอดีต โดยองค์ความรู้นั้นสามารถนำไปปรับใช้เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข เข้ากับสภาพแวดล้อมของยุคสมัยที่มีการปรับเปลี่ยน และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
      - มีประโยชน์อย่างไร?
        
        เพื่อศึกษาประโยชน์ของนวัตกรรมสุขภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น
        
        ประโยชน์ของนวัตกรรมสุขภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น
        1.ฝึกการใช้ความคิดสร้างสรรค์ จากการใช้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์
        2.การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
        3.การบริการทางสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น
        4.เป็นแนวทางในการนำไปสู่การปรับตัวของชุมชน มีการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้
        5.พัฒนาศักยภาพของประชาชน
        6.เป็นส่วนช่วยในการพัฒนากิจกรรมสุขภาพ
    - - วิธีการเขียนเป็นอย่างไร?
        
        เพื่อศึกษาวิธีการบันทึกรายงานการเยี่ยมบ้าน
        
        แบบบันทึกของเวชศาสตร์ครอบครัว ประกอบไปด้วย 3 ส่วน
        1.ส่วนที่หนึ่ง การบันทึกระยะก่อนเยี่ยม เช่น ข้อบ่งชี้ การวางแผน
        
        ส่วนที่สอง การบันทึกระยะเยี่ยม
        
        ส่วนที่สาม การบันทึกระยะหลังเยี่ยม
        
        บทบาทสำคัญของการเยี่ยมบ้าน
        1.การทำงานเป็นทีม(สหวิชาชีพ) ร่วมวางแผน
        2.การพัฒนาระบบสุขภาพ
        ให้บริการที่บ้าน,การดูแลย่างต่อเนื่องและเป็นองค์รวม,ประเมินผลลัพธ์บริการ,ประเมินผลการปฏิบัติ,
        บันทึกข้อมูล,ทำการศึกษาวิจัย
      - เครื่องมือที่ใช้ในการบันทึกมีอะไรบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาเครื่องมือในการบันทึกรายงานการเยี่ยมบ้าน
        
        รูปแบบที่นิยมใช้ในการบันทึก คือ SOAP
        S=subjective ได้จากผู้ป่วยบอกเล่า
        O=objective การตรวจร่างกาย,ผลทางห้องปฎิบัติการ
        A=assessment การประเมินวินิจฉัยโรค
        P=plan การวางแผนการพยาบาลเพื่อการวินิจฉัย
    - - มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้านอย่างไรบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆของมารดาหลังคลอด7วัน
        
        ด้านจิตใจ
        เริ่มปรับบทบาทหน้าที่ของตนเองในการเป็นมารดา และพึ่งพาตนเอง พร้อมที่จะดูแลบุตรมากขึ้น เริ่มยอมรับว่าบุตรเป็นบุคคลหนึ่งที่แยกจนตน มีการปรับตัวในการสน้างสัมพันธภาพของครอบครัว มีการทำกิจกรรมร่วมกันและคงสัมพันธภาพพื้นฐานไว้
        
        ด้านร่างกาย
        มดลูก-> หลังคลอดแล้วยังต้องบีบรัดตัวให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้เกิดการเจ็บปวดบ้าง ราว 7 วัน หรือ จนกว่ามดลูกกลับเข้าสู่เชิงกราน
        ฝีเย็บ->อาจมีปวดแผลบ้างจากการถูกตัดขณะคลอดจะบรรเทาลงเป็นปกติใน5-7วัน
        ระบบขับถ่าย->วันแรกอาจไม่ถ่าย บางคนกลัวเจ็บไม่ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระจะกลับมาเป็นปกติใน6-8ชม.
        เต้านม->อาจมีการคัดตึง ควรให้ลูกดูดช่วยลดอาการตึง
        กล้ามเนื้อหน้าท้อง-> มีอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ปกติจะกลับคืนสู่สภาพปกติภายใน 6 สัปดาห์
        น้ำคาวปลา->3วันแรก มีสีแดงเพราะมีเลือดปน,จากนั้น3-4วันสีจะจางลง,หลัง10วันจะมีสีเหลืองขาว ไม่มีกลิ่นเหม็นหายจนหมดใน3-6สัปดาห์
        น้ำหนักตัว->วันแรกหลังคลอดอาจมีน้ำหนักลด~6kg
        ผมร่วง->มักมีอาการผมร่วงและบาง อาจเกิดถึงช่วง2-3เดือน
      - การพยาบาลทำได้อย่างไรบ้าง?
        
        เพื่อศึกษาวิธีการพยาบาลของมารดาหลังคลอด7วัน
        
        การส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดากับทารก
        1.ให้บิดาได้สัมผัสใกล้ชิดทารก
        2.สนับสนุนให้บิดาสำรวจทารก,กระตุ้นให้พูดคุยเกี่ยวกับทารก
        3.ให้บิดาดูแลทารกด้วยตนเอง เช่น อาบน้ำ,เปลี่ยนผ้าอ้อม
        
        1.ส่งเสริมให้มารดาได้อุ้มหรือสัมผัสทารก 2.จัดให้มารดาได้อยู่กับทารกเร็วที่สุด
        3.ให้กำลังใจและคำปรึกษา 4.ตอบสนองความต้องการของมารดาทั้งร่างกายและจิตใจ
        5.กระตุ้นให้มีปฏิสัมพันธ์กับบุตร 6.เป็นตัวแบในการสร้างสัมพันธภาพกับทารก
        7.ให้บิดามารดาและทารกอยู่ด้วยกันตามลำพัง คอยให้การสนับสนุน
      - การปฏิบัติตัวของมารดาหลังคลอดทำได้อย่างไร?
        
        เพื่อศึกษาการปฎิบัติตัวของมารดาหลังคลอดได้อย่างถูกต้อง
        
        การปฏิบิติตนของมารดาหลังคลอดการดูแลสุขภาพร่างกาย
        -รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าครบถ้วนควรเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง
        -หลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีรสจัดของหมักดองน้ำชา กาแฟและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
        -ห้ามรับประทานยาดองเหล้ายาขับเลือดและยาสตรีต่างๆเพราะจะทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติได้
        -ควรนอนพักให้ เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงทำจิตใจให้แจ่มใสไม่เคร่งเครียดเกินไป
        -อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งถ้ามีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องอย่าให้แผลเปียกจนกว่าจะตัดไหม 7 วันหลังผ่าตัด
        -ทำความสะอาดบริเวณแผลฝีเย็บ โดยการล้างจากด้านหน้าไปด้านหลังวันละ 2 ครั้งด้วยสบู่และน้ำสะอาด