Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ต่อมทอนซิลอักเสบ - Coggle Diagram
ต่อมทอนซิลอักเสบ
สาเหตุ
-
-
-
-
5.เชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะที่เกิดจากเชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ ผู้ป่วยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะหากได้รับการรักษาไม่ถูกวิธี รับประทานยาไม่ครบขนาด หรือใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อชนิดนี้ได้แม้อาการจะทุเลาลงแต่ก็มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงได้
-
การรักษา
การรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น การให้ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ ยาลดน้ำมูก หรือลดไข้ ให้ยาแก้อักเสบเพื่อกำจัดเชื้อที่เป็นสาเหตุ ถ้าการอักเสบนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยโรคต่อมทอนซิลอักเสบ จะมีอาการดีขึ้นในช่วง 3 – 7 วันหลังเข้ารับการรักษา
การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด กรณีที่การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล เกิดภาวะแทรกซ้อน มีภาวะต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง อาจจะต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดต่อมทอนซิล ซึ่งการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดจะช่วยให้อาการต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังหายเป็นปกติได้ โดยหากพบว่า ภายใน 1 ปี มีอาการทอนซิลอักเสบมากกว่า 7 ครั้ง ควรปรึกษาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรักษาอย่างถูกต้อง เพราะต่อมทอนซิลที่เกิดการอักเสบ จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาจส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงได้
-
-
พยาธิสภาพ
โรคที่เกิดจากการอักเสบติดเชื้อของทอนซิลซึ่งเป็นต่อมคู่ข้างซ้ายและขวา (เป็นต่อมน้ำเหลืองในลำคอที่อยู่ด้านข้างใกล้กับโคนลิ้น มีหน้าที่ช่วยกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ลำคอ เช่น จากอาหาร น้ำดื่ม และการหายใจ จัดเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่สำคัญ สามารถตัดออกได้เมื่อมีข้อบ่งชี้ที่ถูกต้องและเหมาะสม เพราะยังมีต่อมน้ำเหลืองในช่องคออีกมากที่ทำหน้าที่นี้แทนได้) ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอเป็นสำคัญ ส่วน “คออักเสบ” (Pharyngitis) นั้น มักใช้เรียกภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอที่อยู่บริเวณหลังช่องปากเข้าไป ซึ่งบางครั้งภาวะทั้งสองนี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกัน
โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมีทั้งกลุ่มโรคติดเชื้อและกลุ่มโรคไม่ติดเชื้อ ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมาได้