Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case Analysis - Coggle Diagram

- - - - มารดาสามารถบอกความรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของภาวะซีดได้
    - - O:Hct ครั้งที่1 =30.6 %,ครั้งที่2=31 %
        Hb ครั้งที่1 =9.9 g/dL,ครั้งที่2=10.2 g/dL S:มารดาบอกว่าครรภ์ที่แล้วไม่มีปัญหาเรื่องภาวะซีดเลยไม่มีความรู้เรื่องภาวะซีด
    - - มารดามีความรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนขากภาวะซีด
    - - 1.ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะซีดขณะตั้งครรภ์แก่มารดา
        
        ผลกระทบต่อมารดา
        
        มารดาจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เวียนศรีษะ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่อโรคลดลง นอกจากนี้อาจทำให้เกิดการแท้ง การคลอดก่อนกำหนดได้ง่าย
        
        ผลกระทบต่อทารก
        
        ทารกคลอดก่อนกำหนด,ทารกมีภาวะหายใจลำบาก, ตัวเหลือง,ติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากภูมิคุ้งกันต่ำ,Low Birth Weight
      - 2.แนะนำการรับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟต (Ferrous sulfate) ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร อาการข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการ คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้อง
      - 3.รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กทุกมื้อให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก และรับประทานอาหารที่ช่วยให้ดูดซึมเหล็กได้ดีขึ้น
      - 4.ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์อย่างถูกวิธี โดยล้างทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้าน หลังและซับให้แห้ง รวมถึงแนะนำให้มารดาใส่กางเกงในสีอ่อน เพื่อให้สังเกตความผิดปกติของตกขาวได้ง่าย
      - 6.แนะนำให้มารดาสังเกตและนับลูกดิ้น
      - 5.หลีกเลี่ยงการยกของหนักในขณะตั้งครรภ์ และให้มารดานอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
      - 7.แนะนำให้มารดามาพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ
  - - - O:GA 37 wks,ระดับยอดมดลูก 32 cm, ขนาดของมดลูก 2/4 มากกว่าสะดือ, มารดาบอกว่ารู้สึกว่าหน้าท้องเล็กกว่าครรภ์ที่แล้ว
    - - 1อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์แผนการรักษาและ เปิดโอกาสให้ชักถามข้อสงสัยเพื่อห้สตรีมีครรภ์เข้าใจและให้ความร่วมมี อในการรักษา
      - 2แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอโดยนอนตะแคงซ้ายเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงมดลูก
      - 3รับประทานที่มีคุณค่าทางโภชนาการและเพิ่มโปรตีน
      - 4ให้สังเกตการณ์ดิ้นของทารกในครรภ์หากดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งวันควรรีบมาพบแพทย์
      - 5ติดตามระดับความสูงของยอดมดลูกและการ เพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของสตรีมีครรภ์
      - 6งดสูบบุหรี่และสารเสพติดชนิดอื่น ๆ
  - - - มารดามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมาก
    - - มารดาสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมาก
    - - O :มารดา อายุ 41ปี O :G2P1A0 O : GA 37 weeks ,Elderly pregnancy
    - - 1.แนะนำการเตรียมตัวและวางแผนการ ตั้งครรภ์ด้วยการตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาความผิดปกติ เช่นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะอ้วน เป็นต้น
        
        ในกรณีที่พบความผิดปกติพยาบาลควรแนะนำให้สตรีตั้งครรภ์ ที่มีอายุมากรับการตรวจวินิจฉัย และการรักษาเพื่อควบคุมอาการก่อนการตั้งครรภ์เพื่อให้การตั้งครรภ์ ดำเนินไปด้วยดีหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด
      - ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจคัดกรอง โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการให้กำเนิดทารกที่เป็น โรคธาลัสซีเมีย
      - 3.แนะนำการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่จำเป็นก่อนการตั้งครรภ์เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด เยอรมัน หรือไวรัสตับอักเสบบี
      - 4.ให้คำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่พบได้ในสตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก รวมทั้งแนวทางการป้องกันแก้ไข เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจวางแผนการตั้งครรภ์และการวินิจฉัยความผิดปกติของโครโมโซมทารก ในครรภ์เช่น การตรวจอัลตราซาวด์(ultrasonography) การเจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis) และ การเจาะเลือดจากสายสะดือของทารก (chorionic villus sampling: CVS) เป็นต้น
      - 5.แนะนำการปฏิบัติตนขณะตั้งครรภ์ ทั้งด้านโภชนาการ การปฏิบัติตนกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายขณะตั้งครรภ์และการสังเกต อาการผิดปกติที่ควรรีบมาโรงพยาบาลขณะตั้งครรภ์
      - 6.สอนและเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการสังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์โดย เฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุมากและมีโรคประจำตัวหรือภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุมากและทารกในครรภ์ปลอดภัย
  - - - มารดามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการปวดหลัง
    - - มารดาสามารถบอกวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการปวดหลังได้ถูกต้อง
    - - S:มารดาบอกว่าตนเองปวดหลัง O:จากการสังเกต มารดาขณะเดินหน้าท้องโย้ไปทางด้านหน้า ใช้มือจับบริเวณด้านหลัง แสดงสีหน้าไม่สุขสบาย
    - - บริหารร่างกายท่การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง และหลัง (Pelvic rocking) ประโยชน์: ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง
      - 2.แนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องให้แก่มารดาเพื่อ
        บรรเทาอาการปวดหลัง
        
        ไม่ควรนั่งนิ่งๆนานๆควรยกขาพาดเก้าอี้เตี้ยๆ นั่งกางขาเล็กน้อยหรืออาจลุกเดินเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
        
        นอนตะแคงจะช่วยให้ไม่มีแรงกดของเส้นเลือดใหญ่ ข้อต่อต่างๆ จะหายจากการโก่งงอ และป้องกันการคั่งของเลือดบริเวณขาช่วงล่างได้ดี
        
        สวมรองเท้าสันเตี้ย กระชับเท้า สวมใส่สบาย
        เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อหลังและน่อง
        
        นอนหลับอย่างน้อง 6 - 8 ชั่วโมง การนอนพักจะช่วยให้หลังได้พักและลดแรงกดทับบนหมอนรองกระดูกสันหลัง
        
        รับประทานอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้นมากเกินไป รับประทานอาหารมีประโยชน์ให้ครบทั้ง5หมู่
      - 4.นวดบริเวณที่ปวดเป็นการกระตุ้นปลายประสาทขนาดใหญ่ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้ความรู้สึกปวดลดลง
      - 1.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการปวดหลังเมื่ออายุครรภ์และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นร่างกายจะมีการปรับตัวของกระดูกสันหลังส่วนเอวเพื่อรักษาสภาวะสมดุลของร่างกายไว้ไม่ให้ล้ม กล้ามเนื้อและข้อต่อทางด้านหลังต้องหดตัวต้านไว้ เพื่อถ่วงดุลจุดศูนย์กลางของร่างกาย ทำให้เกิดการแอ่นหลังมากขึ้นส่งผลให้ขณะตั้งครรภ์ มีอาการปวดหลังส่วนล่าง
      - 5.ประคบด้วยความร้อน ช่วยเพิ่มความยึดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ลดการเกร็งตัวของเนื้อเยื่อ
      - ให้มาตรวจตามแพทย์นัดเพื่อติดตามอาการ หากมีอาการปวดหลังมากแพทย์อาจจะมีการสั่งยาให้เพื่อบรรเทาอาการไม่สุขสบาย
  - - - เพื่อให้มารดามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพทารกในครรภ์และลดความวิตกกังวลลง
    - - มารดามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพทารกในครรภ์และลดความวิตกกังวลลง
    - - O:GA 37 wks,ระดับยอดมดลูก 32 cm, ขนาดของมดลูก 2/4 มากกว่าสะดือ, มารดาบอกว่ารู้สึกว่าหน้าท้องเล็กกว่าครรภ์ที่แล้ว O: G2P0 O:ขณะตรวจครรภ์มีการสอบถามเกี่ยวกับ ขนาดของทารก ความแข็งแรงของทารก
    - - แนะนำการปฏิบัติตัวของมารดาเพื่อส่งเสริมสุขภาพของทารกในครรภ์
        
        รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานอาหารพวกโปรตีนเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยในการสร้างอวัยวะต่าง ๆของทารกในครรภ์ได้สมบูรณ์
        
        งดดื่มแอลกอฮอล์ในขณะตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้ทารกมีน้ำหนักน้อยกว่าอายุครรภ์ มีปัญหาด้านความคิด สติปัญญา และมีลักษณะทางร่างกายที่ผิดปกติ
        
        นอนตะแคงช้ายเพื่อลดการกดทับของหลอดเลือด Inferior vena cava เป็นการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดจากมารดาไปยั ทำให้ทารกได้รับออกชิเจนและสารอาหารที่เพียงพอ
        
        งดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนคลอด เพื่อป้องกันการคลอดูก่อนกำหนดและป้องกันการติดเชื้อ
      - แนะนำมารดาให้สังเกตและบันทึกการตื้นของทารกในครรภ์ โดยทารกในครรภ์ควรตื้นมากกว่า 3-4 ครั้ง ใน 1ชั่วโมง และมากกว่า 10 ครั้ง ใน 1 วัน ถ้าลูกดิ้นน้อยลงให้รีบมาพบแพทย์ทันที
      - ให้ข้อมูลแก่มารตาเกี่ยวกับสุขภาพของทารกในครรภ์ เช่น ขณะตรวจครรภ์ได้ยินเสียงอัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์สม่ำเสมอ และผล EFW ทารก บ่งบอกทารกมีโอกาสสุขภาพดี เพื่อลดความวิตกกังวลของมารตา
      - แนะนำให้มารดามาตรวจครรภ์ตามนัด และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เริ่มเจ็บคูรรภ์, มีน้ำเดิน (ถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตก) คือ มีน้ำใส ๆ ออกจากช่องคลอด อาจเกิดอันตรายจากภาวะสายสะดือพลัดต่ำ (prolapsed cord) หรืออาจเกิดการติดเชื้อได้ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเกิดจากภาวะรกเกาะต่ำหรือรก ลอกตัวก่อนกำหนด ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
      - เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึกและเปิดโอกาสให้ชักถามข้อสงสัย เพื่อให้ได้ทราบข้อมูลที่สงสัยหรือเป็นกังวล ลดความวิตกกังวลของมารดา
  - - - S:มารดาให้ประวัติว่าเคยได้รับวัคซีนบาดทะยักครบ 2 เข็ม เมื่อปี 2561 เมื่อตั้งครรภ์ลูกคนแรก
    - - 1.ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนของหญิงตั้งครรภ์ควรได้รบวัคซีนป้องกันบาดทะยัก วัคซีนไข้หวัดใหญ่และอื่นๆที่จำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์
      - 2.อธิบายให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการได้รับวัคซีน
      - 3.เน้นย้ำให้มารดามาฉีดกระตุ้นในทุกๆ10ปี
  - - - เพื่อให้มารดามีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาฉีดคุมกำเนิด
    - - มารดาสามาถบอกข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาฉีดคุมกำเนิดได้
    - - ให้คำแนะนำในการฉีดยาคุมกำเนิด ดังนี้
        
        1 ) การมารับบริการครั้งแรกของรอบประจำเดือน หรือภายใน5วันแรกของรอบประจำเดือน
        
        2) ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดียว ไม่มีผลต่อการผลิตน้ำนม ดังนั้นหลังคลอ อดสามารถฉีดได้ทันที หรือฉีด4-6 สัปดาห์หลังดลอด (ยกเว้นชนิดฮอร์โมนรวม)
        
        3) ฉีดได้ทันทีหลังแห้ง หรือ 2-3 สัปดาห์พลังแท้ง
        
        4) ควรมาฉีดยาคุมกำเนิดตามนัด ในกรณีใม่สามารถมาตามนัดได้ ไม่ควรมาก่อนหรือหลังกำหนด2 สัปดาห์
        
        5) หากมีเลือดออกผิดปกติ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ปวดศรีษะมาก ควรปรึกษาแพทย์
        
        6) แนะนำภาวะเจริญพันธุ์ภายหลังหยุดใช้ยา จะมีประจำเดือนมาปกติภายใน 6 เดือน มากกว่าร้อยละ 50 และประจำเดือนมาปกติภายใน 1 ปี ร้อยละ 85 จากการศึกษาพบว่า หลังจากหยุดฉีดยาแล้วจะตั้งครรภ์ได้ช้ากว่าผู้หยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดและห่วงอนามัย ประมาณ 2-3 เตือน
      - อธิบายการปฏิบัติตัวหลังดยาคุมกำเนิดดังนี้ หลังการฉีดยาคุมกำเนิดควรงดมีเทศสัมพันธ์หลังฉีดประมาน 7 วัน เพื่อที่ฮอร์โมนจะยับยั้งการตกไขให้ทั้งพมดก่อน ในระหว่างนี้ให้ใช้ยาคุมกำเนิดแบบอื่นไปก่อน เช่น ถุงยางอนามัย
      - ให้ความรู้เกี่ยวกับยาฉีดคุมกำเนิด คือ เป็นวิธีการคุมกำเนิดแ แบบชั่วคราว โดยจะเบินการฉีดยาเช้ากล้ามเนื้อ โดยยาฉีดคุมกำเนิด ชนิตฮอร์โมนเดียว เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์คล้ย progesterone ที่ใช้กันทั่วไป คือ DMPA (Depo-Provera Medroxy Proge esterone Acetate ) ขนาด 150 มิลลิกรัม อกฤทธิ์คุมกำเนิดได้เร็วภายหลังฉีด 30 นาที และระตับ ซอร์โมนจะขึ้นสูงสุดใน 7 วันหลังฉีต และลดลงอยู่ในชนาดที่ป้องกันการตกไขใด้ ระดับฮอร์โมนจะไม่สะสมในร่างกายแม้ใช้เป็นเวลานาน ออกฤทธิ์นาน 3 เดือน
      - 4.อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียของยาฉีดคุมกำเนิด
        
        -ข้อดี1) ใช้ง่าย สะดวก 2) ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม เหมาะสำหรับสตรีหลังคลอดที่เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา 3) ช่วยป้องกันมะเร็งเชื่อบุโพรงมดลูก และรังไข่ 4) ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดียว จะไม่มีอาการช้างเดียงจากฮอร์โมน estrogen เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หน้าเป็นฝ้า
        
        ข้อเสีย 1) เลือดออกกปริดกะปรอย ภายหลังฉีดเข็มแรกๆ หากเลือดออกกะปริดกะปรอยนานๆ อาจทำให้กิดโลหิตจางได้ ควรปรึกษาแพทย์ 2) น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลของฮอร์โมนกระตุ้นต่อมความอยากอาหาร 3) ไม่มีประจำเดือน เนื่องจากยาฉีดคุมกำเนิดทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อและบาง หลังหยุดฉีด 9-1 2 เตือน ร่างกายจะกลับคืนสภาพเดิม 4) อาการปวดศรีษะ แต่ไม่รุนแรงและหายเองได้ ไม่ต้องรักษา 5) การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ (emotional changes) เช่น ซึมเศร้า หงุด หงุดหงิด เบื่อหน่าย 6) เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเชื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งรังไข่ ดังนั้นหากฉีดยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ควรได้รับการตรวจสุขภาพทุกปี
  - - - เพื่อให้มารดามีความรู้ความเข้าใจในประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา
    - - มารดาสามารถบอกความสำคัญและประโยชน์ของการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ได้อย่างถูกต้อง
    - - S: มารดาบอกว่าวางแผนจะเลี้ยงนมลูกด้วยน้ำนมตัวเองจนถึง2ปี
        S: มารดาบอกว่าบุตรคนก่อนทานนมแม่จนถึง2ปี โดยทุกคนทานนมแม่หมดเลย
    - - การประเมินความพร้อมในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา โดยประเมินเจตคติ ความเชื่อ และประสบการณ์เดิมของ มารดาและครอบครัวเกี่ยวกับการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา ความตั้งใจและระยะเวลาในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการให้คำแนะนำสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเจตคติและเตรียมความพร้อมสำหรับการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
      - แนะนำให้มารดาและสามีเข้าร่วมโปรแกรมหรือโครงการส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาที่โรงพยาบาลจัดขึ้น
      - 3.กระตุ้นและสนับสนุนให้มารดาเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน การเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
      - 4.ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา เช่นความสำคัญของการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาอย่างเดียว (exclusive breastfeeding) นาน 6 เดือน กายวิภาคสรีรวิทยาของการสร้างและหลั่งน้ำนม การให้นมตามความต้องการของบุตร การยืนยันว่าน้ำนมแม่มีปริมาณเพียงพอ ความถี่ของมื้อนมสื่อสัญญาณที่ทารกแสดงว่าหิวและการสังเกตว่าทารกได้รับน้ำนมเพียงพอ
      - 5.ให้มารดาเห็นความสำคัญของการสร้างความผูกพันธ์กับบุตรในระยะแรก เกิด (early bonding) การโอบกอดและสัมผัสบุตรแบบเนื้อแนบเนื้อ (skin to skin contact) ให้เร็วที่สุดจะเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ทำให้มารดาและบุตรได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทารกบางรายสามารถดูดนมมารดาได้ทันที ในบาง รายอาจใช้เวลา 20-30นาทีหรือมากกว่า 1 ชั่วโมง
      - 6.ให้มารดาเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมห้องเดียวกับทารกตลอด 24 ชั่วโมง (rooming-in) จะช่วยให้มารดาสามารถให้นมบุตรได้ตามต้องการ มารดามองเห็นและให้การดูแลบุตรได้ตลอดเวลา ช่วยให้มารดาได้เรียนรู้และเข้าใจการสื่อสัญญาณหิวจากบุตรเช่น การดูดปากการดูดมือเป็นต้น
      - 8.อธิบายถึงความสำคัญของการดูดเร็ว ดูดบ่อยและดูดถูกวิธี เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างและหลั่งน้ำนม ทำให้น้ำนมมาเร็วและเพียงพอต่อความต้องการของบุตร
  - - - อธิบายถึงการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ใน ระยะต่าง ๆ ให้สตรีตั้งครรภ์และสามีทราบ
      - เปิดโอกาสให้สตรีตั้งครรภ์และสามี ได้ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ ทารกในครรภ์ พร้อมทั้งให้คลำส่วนต่าง ๆของทารกในครรภ์ ทุกครั้งที่มาฝากครรภ์
      - เปิดโอกาสให้สตรีตั้งครรภ์แสดงความรู้สึกต่อภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของตนเอง และให้ความรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตใจ
      - แนะนําการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดามารดา บุตรคนโต และทารกในครรภ์
        
        มารดา
        
        -ให้มารดามีการพูดคุยกับทารกในครรภ์
        
        -ให้สัมผัสหน้าท้อง รับรู้การเคลื่อนไหวของทารก ให้ฟังเสียงหัวใจทารก
        
        -ให้ชี้ชวนให้สามีมีการสัมผัส
        
        บิดา
        
        เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพภรรยาและทารกในครรภ์
        
        ส่งเสริมการแสดงบทบาทการเป็นบิดา
        
        พาภรรยามาตรวจตามนัด
        
        ให้ฟังผลการตรวจครรภ์ ให้คำแนะนำในการดูแลภรรยา
        
        ส่งเสริมการพัฒนาสัมพันธภาพกับทารกในครรภ์
        
        ให้สัมผัสหน้าท้อง รับรู้การเคลื่อนไหวของทารก ให้ฟังเสียงหัวใจทารก
        
        บุตรคนโต
        
        เตรียมบุตรคนโตสำหรับการมีน้องใหม่ แจ้งให้ทราบว่ามีน้องตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์
        
        ให้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับมารดา เช่น การเตรียมของให้น้อง พูดคุยกับน้อง
        
        ให้ความรู้บิดามารดา ในการปรับตัวของบุตรคนโตทั้งทางบวกและทางลบ
        
        กล่าวชมเชยบุตรคนโตเมื่อแสดงพฤติกรรมทางบวกแก่น้อง
        
        หากมีการเปลี่ยนแปลงของครอบครัว เช่น การย้ายห้องนอน ต้องอธิบายให้เข้าใจก่อน
      - ส่งเสริมและสนับสนุนสามีและสมาชิกในครอบครัวให้มีการช่วยเหลือ ให้กําลังใจ และสร้างความมั่นใจให้แก่สตรีตั้งครรภ์ เพื่อให้สตรีตั้งครรภ์รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และมีความภาคภูมิใจใน การตั้งครรภ์
    - - -มารดาสามารถให้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับการสร้างสัมพันธภาพของบิดา มารดา บุตรตนโต และทารกในครรภ์ได้ถูกต้อง
    - - เพื่อส่งเสริมการสร้างสัมพันธภาพของบิดา มารดา บุตรตนโต และทารกในครรภ์