Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กรณีศึกษาที่ 2 ณ ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย, เด็กหญิงไทยอายุ 3 ปี 9 เดือน…

- - - - ไม่แสดงสีหน้า ท่าท่างรังเกลียดหรือล้อเลียนเด็ก เพราะจะทำให้เด็กอับอายซึ่งจะกระทบต่อจิตใจของเด็ก
      - แนะนำให้เด็กตัดผมสั้นหรือโกนผม เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและกำจัดแหล่งอาศัยของเหา
      - สางผมโดยใช้หวีเสนียดสางผมทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง ซึ่งทำให้ตัวเหาและไข่เหาหลุดติดกับหวีออกมา
      - สระผมให้สะอาดเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และเป่าผมให้แห้งทุกครั้ง
      - ไม่ใช้หวีหรือสิ่งของร่วมกับเด็กคนอื่นที่เป็นเหา
  - - - ขณะเด็กรับประทานอาหารไม่ควนให้เด็กดูโทรทัศน์หรือสื่ออื่น ๆ
      - ส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายหรืออกไปเล่นกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 30 นาที และไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่กับสื่อออนไลน์นานเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
      - ดูแลเรื่องความปลอดภัยขณะเด็กเล่นเครื่องเล่นไม่ควรให้เด็กเล่นนานเกิน 30 นาทีเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อล้าและเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้มได้ง่าย
  - - - พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อประเมินสุขภาพของช่องปาก เคลือบฟลุออไรด์ที่ผิวของฟัน
      - แนะนำให้เด็กรับประทานอาหารของหวานในปริมาณน้อย ลดขนมกรุบกรอบ เพื่อลดการเกิดฟันผุ
      - ส่งเสริมให้เด็กแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยบีบยาสีฟันเท่าเม็ดถั่วเขียว แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
      - แนะนำให้เด็กแปรงฟันด้วยตนเองและผู่ใหญ่แปรงซ้ำประมาณ 2 นาที เพื่อให้ความมั่นใจว่าช่องปากสะอาด
  - - - สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่อับชื้น
      - ตัดเล็บมือเล็บเท้าให้สั้น เพราะเล็บมมือเป็นแหล่งสะสมเชื้อโชคและสิ่งสกปรก
      - หมั่นสระผมเป็นประจำ เช็คหรือเป่าผมให้แห้ง ไม่ควรนอนทั้งที่ผมไม่แห้ง เพราะอาจทำให้อับชื้นจนเกิดเชื้อรา
      - ทำคววามสะอาดร่างกาย อาบน้ำ ชอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งโดยฟอกสบู่และถูให้ทั่งทุกซอกของร่างกายและเช็ดให้แห้งเพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น ซึ่งนำไปสู่โรคทางผิวหนัง
- - - - เด็กอายุ 1- 3ปีต้องใช้พลังาน 1000 kcal/kg/day โดยใช้สูตร Holliday & segar 10 กิโลกรัมแรก = 100 kcal/kg/day 10 กิโลหลัง = 50 kcal/kg/day น้ำหนักที่เหลือ = 20-30 kcal/kg/day จากกรณีศึกษา น้ำหนัง 19 กิโลกรัม = (10100)+9(20หรือ30) = 1180-1270 kcal/day
    - - เด็กอายุ 1-3 ปี ต้องการวิตามินและเกลือแร่ 7 มิลลิกรัม/วัน เด็กยังคงได้รับเหล็กไม่เพียงพอ เพราะนมเป็นแหล่งที่มีเหล็กน้อยและควรจำกัดนมวันละ 3-4 แก้ว
    - - ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เด็กและวัยรุ่นควรจะได้รับคือร้อยละ 55-65 ของพลังงานทั้งหมดที่ต้อวการต่อวัน และคาร์โบไฮเดรตที่มาจากน้ำตาลและอาหารที่มีน้ำตาลธรรมชาติไม่ควรเกินร้อยละ 25 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน
    - - ปริมาณไขมันที่เด็กควรได้รับ ดังนี้ อายุ 1- 3ปี ปริมาณร้อยละ 30-40 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน
  - - - ควรได้รับอาหารหลัก 3 มื้อ ใน 1 วันโดย 1 มื้อประกอบด้วย ข้าวกล้องหรือข้าวสวยนิ่ม ๆ 1-1.5 ทัพพี เนื้อสัตว์ 1 ช้อน กินสลับกับไข่หรืออาหารทะเล ผักใบเขียว ผลไม้มื้อละ 8 ชิ้น/คำ หรือกล้วยน้ำหว้าขนาดเล็ก 1 ผล น้ำวันละ 2-3 แก้ว
      - ให้เด็กบริโภคผักหลากสี เช่น ฟักทอง แครอท มะเขือเทศ โดยให้เริ่มทานจากปริมาณ 1 ช้อน ถเาเด็กสามารถทานได้ค่อยเพิ่มปริมาณ
      - หลักการปรุงอาหารควรเป็นรสชาติที่ไม่จัดจ้านและใช้เครื่องปรุงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะในวัตถุดิบอาหารแตาละชนิดมี เกลือ น้ำตาล ตามธรรมชาติอยู่แล้ว
      - กระบวนการทำอาหาร ใช้วิธีการ ต้ม นึ่ง อบ แทนการทอด ช่วยให้เด็กได้รับไขมันในปริมาณพอดี
      - ควรหลีกเลี่ยงการให้เด็กทานขนมกรุบกรอบ ขนมหวาน และ น้ำหวาน หรือผลไม้ทุกชนิดก่อนอาหารมื้อหลัก เพราะจะทำให้เด็กไม่อยากทานอาหารมื้อหลัก
      - ควรฝึกให้เด็กล้างมือทุกครั้งก่อนรรับประทานอาหารแต่ละมื้อเพื่อฝึกสุขนิสัย รวมทั้งสอนให้เด็กตักข้าว กับข้าว แค่พอทานและทานให้หมดจาน
- - - - ชนิดของวัคซีน
        
        วัคซีนเชื้อตาย
      - การบริหารวัคซีน
        
        ฉีดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ 0.5 ml ในเด็กโต
      - คำแนะนำหลังได้รับวัคซีน
        
        มีไข้ ร้องกวน และอาการบวมบริเวณที่ฉีด อาการมักเริ่ม 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด
        
        ถ้าบวมแดงมาก 24 ชั่วโมงแรกประคบด้วยน้ำเย็น หลังจากนั้นให้ประคบด้วยน้ำอุ่น
        
        กรณีที่ไข้สูงมากให้เช็ดตัวร่วมกับทานยาลดไข้
    - - ชนิดของวัคซีน
        
        วัคซีนเชื้อเป็น
      - การบริหารวัคซีน
        
        ให้ทางปาก ขนาด 0.1-0.5 ml (2-3 หยด)
      - คำแนะนำหลังได้รับวัคซีน
        
        อาจทำให้ผู้รับวัคซีนและผู้ที่สัมผัสกับผู้ที่ได้รับวัคซีนเป็นอัมพาตได้ จะเกิดภายหลังได้รับวัคซีน 4-30 วัน
  - - - ชนิดของวัคซีน
        
        วัคซีนเชื้อตาย
      - การบริหารวัคซีน
        
        ฉีดกล้ามเนื้อไไหล่ 0.5 ml ในเด็กโต
      - คำแนะนำหลังได้รับวัคซีน
        
        อาการข้างเคียงจะพบได้น้อย
    - - ชนิดของวัคซีน
        
        วัคซีนเชื้อตาย
      - การบริหารวัคซีน
        
        IPV ขนาด 1 dose 1ฉีดเข้าชั้นใต้กล้ามเนื้อ
      - คำแนะนำหลังได้รับวัคซีน
        
        มีความปลอดภัยสูง
        
        พบอาการแพ้ในเด็กที่แพ้ยา streptomycin , neomycin , polymycin
- - - - คำแนะนำ
        
        แนะนำให้เด็กรับประทานอาหาารครบ 3 มื้อ
        
        แนะนำให้เด็กรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย
        
        โปรตีนควรให้เด็กรับประทานเนื้อสัตว์ชนิดเนื้อแดง เช่น เนื่อหมู เนื้อไก่
        
        ไม่ควรให้เด็กรับประทานอาหารที่มีรสจด เช่นหวานจัด เค็มจัด
        
        ส่งเสริมให้เด็กรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ
        
        ส่งเสริมให้เด็กดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว ซึ่งเป็นแหล่งของแคลเซียม
        
        แนะนำให้เด็กออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 30 นาที
- - - - ผู้ปกครองและเด็กยืนหันหน้าเข้าหากันและ
        จับมือเด็กไว้ทั้งสองข้าง
      - . ผู้ปกครองยกขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วบอกให้เด็ก
        ทําตาม จากนั้นค่อยๆ ปล่อยมือเด็กทีละข้าง
      - เปลี่ยนเป็นยกขาอีกข้างหนึ่งโดยทํา
        เช่นเดียวกัน
      - ฝึกจนเด็กสามารถยืนข้างเดียวได้ด้วยตนเอง
  - - - ผู้ปกครองวาดรูปวงกลมให้เด็กด
      - ผู้ปกครองบอกให้เด็ก วาดรูปวงกลมตาม
      - . ถ้าเด็กวาดไม่ได้ผู้ปกครองช่วยจับมือเด็กวาด
      - เมื่อเด็กเริ่มวาดรูปวงกลมได้แล้ว ผู้ปกครองวาดรูปวงกลมลงในกระดาษโดยไม่ให้เด็กเห็นแล้วส่งกระดาษที่ผู้ปกครองวาดให้เด็กและบอกว่า “หนูลองวาดรูปวงกลมแบบนี้ซิ”
  - - - ผู้ปกครองฝึกออกคําสั่งขณะเล่นกับเด็ก เช่น“หวีผมตุ๊กตาแล้วเอาตุ๊กตาให้แม่” “เอาซีดีไปเก็บแล้ว หยิบหนังสือนิทานมาอ่านกัน”
      - ผู้ปกครองฝึกเด็กในชีวิตประจาวัน โดยออกคำสั่ง เน้นคําที่เป็น ชื่อสิ่งของ และ การกระทํา เช่น ขณะอาบนํ้า “.....เอาเสื้อใส่ตะกร้าและหยิบผ้าเช็ดตัวมา”
      - . ถ้าเด็กทําได้เพียงคําสั่งเดียว ให้ผู้ปกครองชี้ไปที่สิ่งของที่ไม่ได้หยิบ แล้วสั่งซํ้า หรือ ให้ผู้ปกครองพูดกระตุ้นเตือนความจําเด็ก เช่น “ต่อไปทําอะไรอีกนะ?” หรือ “ตะกี้แม่สั่งอะไรอีกนะ?” ฝึกซํ้าๆจนเด็กสามารถทําตามคําสั่งได้ถูกต้อง
  - - - ผู้ปกครองฝึกตั้งคําถามโต้ตอบกับเด็ก ในชีวิตประจําวัน เช่น ชี้ไปที่คุณตา แล้วถามว่า “นี่ใครนะ”ี้ไปที่คุณพ่อ แล้วถามว่า “พ่อทําอะไรอยู่นะ” ขณะที่พ่อไม่อยู่ ถามว่า “พ่ออยู่ที่ไหนนะ” เมื่อต้องการเหตุผล ถามว่า “ทําไมหนูไม่ดื่มนม” . ผู้ปกครองฝึกถามคําถาม “ใคร อะไร ที่ไหน ทําไม” บ่อยๆ ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน