Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้ยาในผู้สูงอายุ - Coggle Diagram
การใช้ยาในผู้สูงอายุ
ปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดปัญหาการใช้ยา
ปัจจัยที่เกี่ยวกับตัวผู้สูงอายุ
กระบวนการชราที่ส่งผลต่อเภสัชจลศาสตร์และเภสัชพลศาสตร์
ปัจจัยด้านพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุ
การใช้ยาด้วยตนเอง เช่น การซื้อยาตามร้านยา การใช้ยาทางเลือกและสมุรไพรต่างๆ
ความร่วมมือในการใช้ยา เช่น การบริหารยาไม่ตรงตามคำสั่งแพทย์ การไม่รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงทางเภสัชจลวิทยาในผู้สูงอายุ
เภสัชจลศาสตร์
คือ การศึกษาถึงวิธีการที่ร่างกายจัดการกับยาที่ได้รับเข้าไป
การดูดซึมยา (drug absorption)
ระบบทางเดินอาหารของผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นกรดในกระเพาะอาหารลดลง การลดลงของพื้นผิวในการดูดซึมในทางเดินอาหารส่งผลให้การดูดซึมยาลดลง โดยเฉพาะยากลุ่ม active transport เช่น calcium organic iron,thiamine
การกระจายของตัวยา (drug distribution)
ปริมาณน้ำในร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ โปรตีนอัลบูมิลลดลงส่วนปริมาณไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การกระจายตัวของยาที่ละลายได้ดีในน้ำลดลง ความเข้มข้นของยาในเลือดจึงสูงขึ้น และยาที่ละลายได้ดีในไขมันมีการกระจายตัวเพิ่มขึ้น ออกฤทธิ์ยาวนานขึ้น จึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้มาก เช่น acetazolamide, Warfarin,naproxen
เมตะบอลิมซึมของยา (drug metabolism)
ขนาด ปริมาณเลือดไหลผ่านตับ การทำงานของเอนไซม์ตับลดลง ส่งผลตับสามารถกำจัดยาได้ลดลงทำให้ยาอยู่ในร่างกายและออกฤทธิ์ได้นานขึ้นจึงเกิดผลข้างเคียงได้ง่ายขึ้น เช่น benzodiazepines,propranolol
การขับถ่ายยาทางไต (renal excretion)
ปริมาณเลือดที่ไหลผ่านไตลดลง ส่งผลให้ยาที่ถูกขับทางไตมีโอกาสสะสมและเกิดผลข้างเคียงได้บ่อย เช่น benzodiazepines,warfarin,opioids,verapamil
เภสัชพลศาสตร์(Phamacodynamic change)
คือ การศึกษาการออกฤทธิ์ของยาต่อร่างกาย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดยาที่ใช้กับการตอบสนองที่เกิดขึ้นในร่างกาย ส่วนใหญ่ส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและระบบประสาท ซึ่งพบว่ายาส่วนใหญ่มีผลต่อตำแหน่งออกฤทธิ์ของผู้สูงอายุมากกว่าคนหนุ่มสาว
กลุ่มยาที่ใช้บ่อยและอาจทำให้เกิดผผลข้างเคียงหรืออันตราย ยาที่เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาและการพยาบาล
ยานอนหลับ(hypnotic drugs)
ชื่อยา
benzodiazepines
ผลข้างเคียง
ง่วง สับสน กดประสาทส่วนกลาง กดศูนย์หายใจ
การพยาบาล
ควรปรับเปลี่ยนเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนที่ถูกต้องหรือใช้ยากลุ่มอื่นที่ไม่มีฤทธิ์กดการหายใจ เช่น lorazepam,temazepam
ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด(hypoglycemic agent)
ชื่อยา
Chlorpropamide
ผลข้างเคียง
ภาวะน้ำตาลต่ำ
ภาวะโซเดียมต่ำ
ขาดสารอาหารและแร่ธาตุ
การพยาบาล
หากจำเป็นต้องใช้ยา ควรสังเกตอาการแสดงของ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น ชีพจรเบาเร็ว
สังเกตอาการโซเดียมต่ำ อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึม สับสน หมดสติ
ยาลดความดันโลหิตสูง (antihypertensive agent)
ชื่อยา
ACE-inhibitors
ผลข้างเคียง
ความดันโลหิตต่ำลงขณะเปลี่ยนท่า นั่งนอนมาเป็นยืน ส่งผลให้เกิดการพลัดตกหกล้ม
การพยาบาล
ควรติดตามระดับความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ เฝ้าระวังการพลัดตกหกล้มจากการเปลี่ยนท่าอย่างเฉียบพลัน
ปัญหาการใช้ยาในผู้สูงอายุ
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากกระบวนการชรา หลังจากการใช้ยาด้วยขนาดที่ใช้ในมนุษย์ เพื่อการป้องกัน การวินิจฉัยโรค และการรักษา เนื่องจากผู้สูงอายุมีปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอันเนื่องมาจากขบวนการแห่งการชรา
การใช้ยาหลายชนิดร่วมกันหลายขนาด เนื่องจากแพทย์หลายคน และการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยา ต่อยาที่ส่งผลให้ฤทธิ์ของยาเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ความผิดพลาดจากตัวผู้ใช้ยา ได้แก่ การซื้อยามารับประทานเอง การรับประทานยาที่หมดอายุ เนื่องจากไม่มีความรู้ในการอ่านวันหมดอายุหรือรวมยาหลายชนิดไว้ด้วยกัน ความเชื่อเรื่องการรับประทานยาสมุนไพร เป็นต้น
แนวปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการใช้ยาอย่างถูกต้องในผู้สูงอายุ
ประเมินเกี่ยวกับประวัติการใช้ยาของผู้สูงอายุอย่างคลอบคลุม เช่น ชนิดของยา ปริมารและระยะเวลาที่บริโภคยา รวมทั้งยาสมุนไพร อาหารเสริม และวิตามิน โดยพยาบาลแนะนำหรือช่วยตรวจสอบวันเวลาที่หมดอายุ
ประเมินความเข้าใจของผู้สูงอายุเกี่ยวกับการใช้ยา เช่น การใช้สมุนไพรแทนยา และประเมินข้อจำกัดของผู้สูงอายุที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ยาอย่างถูกต้อง เช่น การมองเห็น ภาวะหลงลืม การกลืนลำบาก ภาวะสับสน การอ่านหนังสือไม่ออก
ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบการใช้ยาหลายชนิด ค่าใช้จ่าย การใช้ยาสมุนไพรหรือยาหลายชนิดที่ไม่สมเหตุสมผล อาหารเสริมต่างๆ เป็นต้น
ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในวัยสูงอายุ เพื่อให้เกิดความตระหนักต่อการใช้ยาที่ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ ผู้ดูแล บุคลากรทางการแพทย์
ให้ความรู้เกี่ยวกับจุดประสงค์ในการใช้ยาแต่ละชนิด การออกฤทธิ์ของยา อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ความจำเป็นในการรับประทานยาให้ตรงตามขนาด เวลา ต่อผู้สูงอายุ ผู้ดูแล
อธิบายความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา เช่น ก่อนอาหาร 15 นาที หลังอาหาร 30 นาที ยาอมใต้ลิ้น ยาพ่นในจมูก แนวทางในการใช้ยาที่ถูกต้อง เช่น การใช้ยา Prn อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา เช่น 1 ช้อนโต๊ะ = 5 cc ,1 ช้อนชา = 2-3 cc จำนวนแคปซูล จำนวนหยด
อธิบายเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพและการหมดอายุของยา เช่น กลิ่น สี รส ความชื่น รูปทรงที่เปลี่ยนแปลง ลักษณะเม็ดยา ความเหนียว ป้ายบอกหมดอายุ ถ้ายาเสื่อมสภาพหรือหมดอายุห้ามใช้เพราะอาจเกิดพิษจากยา
จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย เช่น ฉลากยา ฉลากแจ้งวันหมดอายุของยา นาฬิกาเตือนรับประทานยา
ประเมินครอบครัว ผู้ดูแลที่ใกล้ชิดผู้สูงอายุเกี่ยวกับความรู้ของการใช้ยาพร้อมทั้งความรู้เกี่ยวกับการใช้ยา
แนะนำผู้สูงอายุ และญาติให้ปรึกษาแพทย์และเภสัชทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยารับประทาน ไม่ใช้ยาของบุคคลอื่น เพราะอาจเกิดพิษจากยาได้
หากพยาบาลประเมินพบว่าผู้สูงอายุมีอาการแสดงจากผลข้างเคียงของการใช้ยา เช่น การเกิดภาวะสับสนในผู้สูงอายุ การมองเห็นผิดปกติ ควรดำเนินการส่งต่อให้แก่แพทย์และเภสัช
ส่งเสริมการรักษาจากการไม่ใช้ยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม และปัญหาด้านพฤติกรรม
การประเมินและทบทวนการบริหารยาของผู้สูงอายุและผู้ดูแลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยใน ทบทวนความถูกต้องแม่นยำหลังจากให้คำแนะนำ
ส่งเสริมการรับประทานอาหาที่มีส่วนสนับสนุนการดูดซึมยา
จัดโปรแกรมการสอนเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยา