Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก - Coggle Diagram
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
1.การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ
แบ่งเป็น 2 ประเภท
2. แรงจากนอกเปลือกโลก (gradational)
เรียกว่า “แรงกราเดชั่น” ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพลังงานดวงอาทิตย์กระทำผ่านตัวการต่าง ๆ น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง ปฏิกิริยาทางเคมี แมคคานิคส์ และการกระทำของสิ่งมีชีวิตมักจะปรับให้ผิวโลกมีระดับราบเรียบเสมอกัน คือทำลายบริเวณที่สูงและทับถมบริเวณที่ต่ำ
การกระทำทางกายภาพ (physical weathering)
อุณหภูมิ
ทำให้หินที่มีแร่ธาตุต่างชนิดกันเกิดการยืดหดไม่เหมือนกัน ทำให้เนื้อหินแตกแยกจากกันและเนื้อหินดูดรับความชื้นขยายตัวไปบีบอัดส่วนที่รับความชื้นน้อย พอฤดูแล้งจะคายความชื้นออกมาทำให้หินแตกแยกเนื้อหินเริ่มผุผัง
น้ำแข็ง
ในเขตหนาวมีน้ำแทรกเมื่อน้ำแข็งตัวจะเกิดแรงดัน หรือการดูดซับน้ำ จะทำให้เกลือแร่ที่ละลายมากลับน้ำแทรกตามรอยต่อของหิน น้ำระเหยทำให้เกลือแร่ตกผลึกมีแรงดันทำให้ขยายรอยต่อรอยแยกของหิน
รากของพืช
รากพืชจะชอนไชไปตามซอกหินและดันให้หินแตกแยกจากกัน
โดยปฏิกิริยาเคมี ( chemical weathering)
การผุพังยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก เช่น เมื่อฝนตกบริเวณภูเขา น้ำฝนจะละลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศทำให้น้ำฝนมีสภาพเป็นกรดคาร์บอน เมื่อกรดนี้ไหลซึมตามรอยร้าวของหิน โดยเฉพาะหินปูนก็จะละลาย หรือทำปฏิกิริยากับ แคลเซี่ยมคาร์บอเนตในหินปูนได้สารละลายแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เมื่อสารละลายนี้ซึมลงทางเพดานถ้ำแล้วน้ำระเหยไปหมด จะเหลือตะกอนปูนเกาะสะสมอยู่นาน ๆ ไป ตะกอนปูนจะแข็งตัวเกิดหินย้อยที่เพดานถ้ำ แต่ถ้าสารละลายนี้หยดลงบนพื้นถ้ำ แล้วน้ำระเหยไปจนเหลือตะกอนปูนเกาะสะสมอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็จะแข็งตัวเกิดเป็นหินงอก
1. แรงจากภายในเปลือกโลก (Tectonics)
กระบวนการเทคโทนิก เกิดการเปลี่ยนแปลง
อย่างช้า ๆ เทคโทนิก มี 2 กระบวนการ คือ
วอลคานิสซึม (volcanism)
เป็นกระบวนการของวัตถุละลายภายในโลก
เคลื่อนที่ทำให้เปลือกโลกสั่นเสทือน
1.) การเกิดภูเขาไฟ (Volcano)
2.) การเกิดแผ่นดินไหว
ไดแอสโตรฟิซึม (diastrophism)
เป็นกระบวนการแตก หัก โก่งงอบิด ของเปลือกโลก
เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เกิดจากการยืดหดตัวของเปลือกโลกทั้งหมด
2.) การโก่งตัวของเปลือกโลก (fold)
การบีบอัดทำให้เปลือกโลกโก่ง พับงอ ส่วนที่โค้งขึ้นเรียกประทุนคว่ำ (anticline) ส่วนที่โก่งเรียกประทุนหงาย (syncline)
1). การเลื่อนตัวของเปลือกโลก (fault)
ทำให้เกิดรอยแตกร้าวที่อยู่แนวตั้งเรียกรอยต่อ (Joint) รอยแตกจะเหลือน้อยเมื่อลงไปในระดับลึก แรงกดที่ทำให้เปลือกโลกแตกและเลื่อนทำให้ชั้นของหินเปลือกโลกสลับกัน
2. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่
1. การตัดไม้ทำลายป่า
เกิดจากการกระทำเพื่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยนามาทำเป็นที่อยู่อาศัย ทำอุปกรณ์ต่าง ๆ ป่าไม้จึงถูกทำลายมากขึ้น ทำให้ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ดินขาดความชุมชื่นหน้าดินไม่มีพืชปกคลุมจะถูกกระแสลม กระแสน้ำ พัดพาหน้าดินไปได้ง่าย เกิด
การพังทลายของหน้าดิน
เกิดภาวะน้ำท่วม เพราะพื้นดินดูดซับน้ำได้น้อย
2. การเกษตรกรรม
การปลูกพืช การทำสวนทำไร่ ซึ่งต้องมีการไถพรวน พลิกหน้าดิน เพื่อปรับพื้นที่ให้เหมาะสมแก่การเพาะปลูก การขุดร่องน้ำ เพื่อใช้ในการเกษตรกรรมทำให้
พื้นดินเกิดการทรุดตัว
3. การชลประทาน
การปรับเปลี่ยนพื้นที่เพื่อการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่อ่างเก็บน้ำ ในบริเวณที่เป็นภูเขาต้องมีการทำลายป่า
4. การทำเหมืองแร่
ต้องมีการขุดเจาะสำรวจหา แร่ แหล่งเชื้อเพลิง พื้นที่บริเวณดังกล่าวจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
5. การทำอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง
มีการขุดเจาะหน้าดินเพื่อวางรากฐานการก่อสร้าง มี
การระเบิดภูเขา
เพื่อนำหินมาใช้ในการก่อสร้าง มีการปรับพื้นที่ในการก่อสร้างโรงงาน
ตัวกระทำที่สำคัญ
.
แม่น้ำ
น้ำที่ไหลผ่านร่องน้ำเกิดเป็นร่องลึก ทำให้
เกิดการสึกกร่อน
(erosion) การพาเคลื่อนที่(transportation) และการตกตะกอนทับถม (deposition) การกระทำขึ้นอยู่กับระยะของแม่น้ำกับความลาดชันของพื้นที่
กระแสลม
บริเวณที่ราบสูง ทะเลทราย ภูเข้าสู่ง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่พัดผ่านบริเวณเหล่านี้อยู่เป็นประจานั้น กระแสลมก็จะทำให้เปลือกโลกเกิดการกร่อน
จากแรงดึงดูดของโลก
โลกมีแรงโน้มถ่วงซึ่งพยายามดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ให้ตกสู่ที่ต่ำหรือตกสู่พื้นโลกตลอดเวลาดังนั้นส่วนต่าง ๆ ของเปลือกโลกจึงถูกโลกดึงดูดอยู่ตลอดเวลา แรงดึงดูดของโลกจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยทำให้เปลือกโลกเกิดการกร่อนขึ้น จากการกระทำของการเคลื่อนที่ของธารน้ำแข็งบริเวณที่มีอากาศหนาวจัดก็จะมีหิมะสะสมตัวกันมากขึ้นจนกลายเป็นมวลน้ำแข็งขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากซึ่งเรียกกันว่า ธารน้ำแข็งแรงดีึงดูดของโลกจะพยายามดึงธารน้ำแข็งให้เคลื่อนที่ลงสู่ที่ต่ำ เมื่อธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ทำให้เกิดการบด การกระแทกและการขัดสีกับหินที่ธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ผ่านไป จึงทำให้เปลือกเกิดการกร่อนได้
จากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการกร่อน โดยการทำให้หินขยายตัวและหดตัว ถ้าการขยายตัวของเนื้อหินชั้นในกับผิวนอกไม่เท่ากัน อาจทำให้หินเกิดการแตกร้าวได้ เช่นในบริเวณที่มีอากาศหนาวจัดในบางชวงเวลาน้ำมีขังอยู่ในรอยแตกในโพรงของก้อนหินจะแข็งตัวและออกแรงดันหิน จนทำให้เกิดการแตกร้าว