Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคปอดเรื้อรัง (Bronchopulmonary dysplasia : BPD) - Coggle Diagram
โรคปอดเรื้อรัง
(Bronchopulmonary dysplasia : BPD)
BPD หมายถึง
ภาวะโรคปอดเรื้อรังที่ เกิดจากเนื้อเยื่อปอดถูกทำลาย จากออกซิเจนและแรงดันบวกสูงๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้ Cilia ในทางเดินหายใจถูกทำลาย
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อเนื้อเยื่อปอดถูกทำลายจากออกซิเจนและแรงดันบวกสูง ๆ เป็น ระยะเวลานาน ทำให้ Cilia ในทางเดินหายใจถูกกทำลายเกิดภาวะ necrosis of respiratory epithelial cell และcapillary endothelial cell ที่ บุใน alveolar sac ส่งผลให้เกิด pulmonary interstitial fibrosis ทำให้ ปอดขยายได้ลดลงความยืดหยุ่นปอดลดลง ทำให้ทารกมีอาการหายใจ ลำบาก มีretraction ขณะหายใจ หายใจเร็วกว่า ปกติ
อาการ และอาการแสดง
หายใจเร็ว และหายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม ฟังปอดได้ยินเสียงวีด (wheeze) รายที่มีอาการรุนแรงอาจพบอาการเขียวเป็นระยะ ๆ จากออกซิเจนในเลือดต่ำ คาร์บอนไดออกไซค์สูง และเลือดเป็น กรด
สาเหตุ
พิษของออกซิเจน (Oxygen toxicity) ขึ้นอยู่กับควมเข้มข้นของออกซิเจนที่ได้รับระยะเวลาที่ทางเดินหายใจสัมผัสกับออกซิเจนพิษของออกซิเจนส่วนใหญ่จะเกิดกับเยื่อบุหลอดลมทำให้ส่วนที่เรียกว่า cilia ทำงานไม่ได้ที่
บาดแผลจากแรงดัน (Barotrauma) มีผลต่อเนื้อปอดโดยเฉพาะปอดที่แข็งหรือไม่ยืดหยุ่นส่งผลให้ปอดขยายตัวมากกว่าปกติและถุงลมแตก
การรักษา
การให้ออกซิเจนออกซิเจนเป็นปัจจัยการเกิด BPD แต่ก็จำเป็นในการรักษา BPD เนื่องจากหลอดเลือดฝอย arteioles ของปอดจะดีบตัวหากมีภาวะขาดออกซิเจนมีผลทำให้หัวใจด้วนขวาทำงานมากขึ้นจึงต้องให้ทารกได้รับออกซิเจนความเข้มข้นต่ำสุด แต่ได้รับเพียงพอคงระดับแรงดันออกซิเจนในเลือดแดงไว้ที่ 50-60 มิลลิเมตรปรอท
การใส่เครื่องช่วยหายใจการใส่ท่อหลอดลมที่คอทำให้ดูดเสมหะได้ง่ายขึ้นทารกใช้แรงหายใจลดลงช่วยให้หลอดลมไม่ดี
รักษาด้วยยา
ยาขับปัสสาวะ ทำให้อาการทางปอดดีขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณน้ำในปอดลดลง
ยาขยายหลอดลม (bronchodlator) สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของปอด
ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ออกฤทธิ์ลดการอักเสบของปอดที่เกิดจากเครื่องช่วยหายใจหรือพิษจากออกซิเจน
การให้อาหาร / การจำกัดน้ำ
ป้องกันการติดเชื้อ
รักษาภาวะแทรกซ้อนที่พบร่วมด้วย
ข้อวินิจฉัย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1
แบบแผนการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลงเนื่องจากทารกเกิดก่อนกำหนด ปอดเจริญเติบโตไม่เต็มที่และมีสารลดแรงตึงผิวไม่เพียงพอ
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ทารกมีการแลกเปลี่ยนก๊าซอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
เกณฑ์การประเมิน
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ T= 36.8-37.2 °c , HR 120-160 ครั้ง/นาที, RR = 40-60 ครั้ง/นาที
สีผิว ริมฝีปาก เล็บมือ-เท้า ไม่เขียว
เสียงหายใจปกติสัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ ไม่มีอาการจมูกบาน หรือ retraction
SpO2อยู่ในช่วง 90-95 %
ทางเดินหายใจโล่ง ไม่มีเสมหะในลำคอและฟังเสียงปอดได้ยินเสียงลมผ่านชัดเจน
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพของทารกทุก 1 ชั่วโมง
เหตุผล
เพื่อสังเกตุอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งอยู่เสมอ
โดยการดูดเสมหะตามความเหมาะสม ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ สังเกตและบันทึกลักษณะของเสมหะทุกครั้ง
เหตุผล
เพื่อป้องกันอาหาร Dypsnea
ตรวจสอบการตั้งค่าของเครื่องช่วยหายใจให้ตรงตามแผนการรักษาของแพทย์
เหตุผล
เพื่อให้เด็กเป็นไปตามแผนการรักษา โดยดูรอยต่อต่าง ๆ ของท่อวงจรช่วยหายใจให้อยู่ในระบบปิด สภาพพร้อมใช้งานไม่รั่ว ไม่หลุด หรือหักพับงอ
จัดท่าให้ทารกหายใจได้สะดวก โดยให้นอนราบใช้ผ้าหนุนบริเวณไหล่ให้ศีรษะแหงนเล็กน้อย
เหตุผล
หลอดลมจะได้เบิกกว้างเต็มที่ หรือนอนศีรษะสูงตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง
สังเกตอาการผิดปกติหากพบความผิดปกติ
เหตุผล
เมื่อเด็กมีการหายใจหอบเหนื่อย มี retraction สีผิว ริมฝีปาก ปลายมือ ปลายเท้าเขียวปริมาณ SpO2 ลดลง ค้นหาสาเหตุโดยใช้หลัก MRSOPA ( M: Mask adjustment, R:Reposition airway, S: Suction mouth and nose, O: Open mouth, P: Pressure increase, A: Airway alternative ) แก้ไขตามสาเหตุที่เกิดขึ้นหากยังพบอาการผิดปกติรายงานแพทย์ทันที
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ (ชั่วโมงเงียบ) ปราศจากการรบกวนทารกไม่ว่าจะเป็น แสง เสียง ความสว่าง
เหตุผล
เพื่อให้ทารกได้รับการพักผ่อนมากที่สุด ลดการใช้พลังงานและออกซิเจนของทารก
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ และประเมินอาการขณะได้รับยา
เหตุผล
เพื่อให้ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในกระแสเลือดในเด็ก และหากเด็กมีอาการ อัตราการเต้นของหัวใจลดลง ออกซิเจนในกระแสเลือดลดลงให้ งดดูดเสมหะทารกใน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา
จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยหายใจให้พร้อมใช้งาน และสะดวกในการหยิบใช้ทันที
เหตุผล
เพื่อเตรียมความพร้มในการช่วยเหลือชีวิตเด็กเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2
มีภาวะอุณหภูมิกายต่ำ เนื่องจากมีไขมันสะสมน้อย และพื้นที่ผิวกายมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ร่างกายของทารกมีอุณหภูมิที่ปกติและคงที่
เกณฑ์การประเมินผล
อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 36.8-37.2 องศาเซลเซียส ( axillary temperature)
ทารก active ดี
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ทารกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิเหมาะสม มากกว่าหรือเท่ากับ 26
เหตุผล
เพื่อทำให้ทารกมีการใช้ออกซิเจนและมีการเผาผลาญอาหารน้อยที่สุด (Neutral thermal environment, NTE) โดยให้อยู่ในตู้อบที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้
ประเมินอุณหภูมิกายทุก 4 ชั่วโมง
เหตุผล
เพื่อหากมีปัญหาอุณหภูมิกายต่ำให้ประเมินซ้ำทุก 15 - 30 นาทีจนกว่าอุณหภูมิกายจะคงที่ติดต่อกัน 2 ครั้ง
ติด skin probe บริเวณลำตัวให้แนบสนิทกับผิวหนัง
ตั้งค่าเริ่มต้นที่ 36.5 °c ปรับเพิ่มได้ครั้งละ 0.1 องศาเซลเซียส และประเมินอุณหภูมิกายซ้ำทุก 15-30 นาทีหลังติด skin probe หากอุณหภูมิกายยังต่ำ ค้นหาสาเหตุอื่น เช่น การวัดอุณหภูมิไม่ถูกต้อง อุณหภูมิในหอผู้ป่วยไม่คงที่ มีลมพัดผ่านตู้อบของทารก เป็นต้น
เหตุผล
เพื่อให้ร่ากายเด็กไม่สูญเสียความร้อน และคงอุณหภูมิร่างกายไว้
หลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงที่อาจทำให้ทารกสูญเสียความร้อน เช่นการวางทารกบนที่นอนเย็น ความเปียกชื้นจากผ้าอ้อม เป็นต้น
เหตุผล
ลดการสูญเสียความร้อน
ก่อนนำทารกออกจากตู้อบเพื่อให้การพยาบาลหรือทำหัตถการอื่นควรห่อตัวทารกให้มิดชิด
เหตุผล
ลดการสูญเสียความร้อน
สังเกตอาการของภาวะ hypothermia เช่น ผิวกายคล้ำออกซิเจนในเลือดลดลงระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นต้น
เหตุผล
เพื่อประเมินอาการที่ผิดปกติ และให้การพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อ เนื่องจากเกิดก่อนกำหนดระบบภูมิคุ้มกันยังทำงานไม่สมบูรณ์
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
1.ทารกไม่มีอาการหรืออาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น ซึม เคลื่อนไหวร่างกายลดลง
2.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 36.8-37.2 องศาเซลเซียส (axillary temperature) HR 120-160 ครั้ง/นาที, RR 40-60 ครั้ง/นาที
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
บุคลากรต้องล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
เหตุผล
เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเข้าสู่ร่างกายเด็กได้
ดูแลอุปกรณ์ทุกชนิดที่จะนำมาใช้กับทารกให้สะอาด
ทำลายเชื้อตามมาตรฐานของอุปกรณ์แต่ละชนิด
เหตุผล
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคเข้าสู่เด็ก
แยกทารกไว้ในตู้อบ และแยกอุปกรณ์เครื่องใช้ของทารก เช่น ปรอทวัดไข้, Stethoscope, สำลีเช็ดก้นเด็ก
เหตุผล
ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากอีกคนหนึ่ง สู่อีกคนหนึ่ง
จำกัดการเข้าเยี่ยมให้เยี่ยมเฉพาะบิดามารดาเด็ก และให้สวมเสื้อคลุมเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าเยี่ยมทุกครั้ง
เหตุผล
เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจติดมาจากเสื้อผ้าของบิดา มารดา
ให้บิดามารดาล้างมือหรือเช็ดมือด้วย Water Less ทุกครั้งก่อนจับต้องทารก
เหตุผล
เพื่อฆ่าเชื้อโรค และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่เด็ก
ดูแลสิ่งแวดล้อมให้สะอาดปราศจากเชื้อ
เหตุผล
เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ดูแลให้ทารกได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์
เหตุผล
เพื่อต้านเชื้อไวรัส หรือปรสิต ในร่างกายของเด็ก และป้องกันการดื้อยา
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการถ้าผิดปกติรายงานแพทย์
เหตุผล
เพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับเด็กต่อไป
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 4
เสี่ยงต่อภาวะบิลิรูบินสูง เนื่องจากมีการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดง และ ตับยังทำหน้าที่ขับบิลิรูบินได้ไม่เต็มที่จากการเกิดก่อนกำหนด
วัตถุประสงค์
เพื่อลดระดับบิลิรูบินในกระแสเลือด
เกณฑ์การประเมินผล
ระดับบิลิรูบินอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ทารกไม่มีอาการ Kernicterus เช่น ซึมลง ดูดนมไม่ดี ร้องเสียงแหลม เกร็ง กระดุก ชัก
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ได้รับการ on single photo ตามแผนการรักษา
โดยถอดเสื้อผ้าทารกออกให้เหลือน้อยชิ้น ปิดตาทารกให้สนิท และให้ทารกอยู่ห่างจากหลอดไฟ 15- 20 เซนติเมตร
เหตุผล เพื่อให้ผิวหนังได้สัมผัสกับแสงมากที่สุด
เปลี่ยนผ้าปิดตาทุกเวร และเปิดตาทารก เมื่อบิดามารดาเข้าเยี่ยม
เหตุผล
เพื่อให้บิดามารดาได้จ้องมองทารกเป็นการส่งเสริมสายสัมพันธ์ระหว่าง บิดา มารดาและทารก
ดูแลการให้ทารกได้รับนมและสารน้ำตามแผนการรักษาของแพทย์
เหตุผล
เพื่อเสริมสร้างโภชนาการด้านอาหาร และให้เด็กได้รับสารน้ำ และอาหารที่เหมาะสม
สังเกตและบันทึกอาการข้างเคียงที่เกิดจากการส่องไฟรักษา เช่น ผื่นขึ้น ถ่ายเหลวหรือผิวหนังไหม้ขาดน้ำ
ปัสสาวะออกน้อยหรือมีไข้
เหตุผล
เพื่อปรับเปลี่ยนการให้การพยาบาล และการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สังเกตอาการผิดปกติเช่น ซึมลง ไม่ร้อง ผิวกายเหลืองมากขึ้น ไม่ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะใน 24 ชั่วโมง รายงานแพทย์ให้การรักษาทันที
เหตุผล
เพื่อประเมิน และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายเด็ก
ข้อวินิจฉัย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 5
เสี่ยงต่อการมีเลือดออกในอวัยวะและภาวะโลหิตจางเนื่องจากการเกิดก่อนกำหนด
วัตถุประสงค์ ทารกไม่มีเลือดออกในอวัยวะ และไม่มีภาวะโลหิตจาง
เกณฑ์การประเมินผล
ทารกรู้สึกตัวดีผล Lab Hematocrit อยู่ในเกณฑ์ปกติ และไม่พบเลือดออกบริเวณอวัยวะต่าง ๆ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับการฉีด vit K1 ตามแผนการรักษา
เหตุผล
เพื่อเพิ่มอัตราการแข็งตัวของเลือด
ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล รบกวนทารกเท่าที่จำเป็นและให้การพยาบาลแบบรวบยอด (cluster care)
เหตุผล
เพื่อให้เด็กสามารถนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่
ให้เลือดตามแผนการรักษา และติดตามผล lab เช่น Hct และ CBC หลังเลือดหมด
เหตุผล
เพื่อทดแทนเลือดที่สูญเสียไปเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ
สังเกตอาการผิดปกติเช่น gastric content มีเลือดปน มีจุดจ้ำเลือดบริเวณผิวหนัง อุจจาระมีเลือดปน ซึม
เหตุผล
เมือหากพบความผิดปกติจะได้รายงานแพทย์ได้ทันท่วงที เหื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเด็ก
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 6
เสี่ยงต่อการพร่องปฏิสัมพันธ์กับบิดามารดา เนื่องจากถูกแยกรักษาที่หอผู้ป่วยทารก แรกเกิดวิกฤต
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดา มารดาและทารก
เกณฑ์การประเมินผล
บิดามารดาเข้าเยี่ยม และมีปฏิสัมพันธ์กับทารกอย่างสม่ำเสมอ
ทารกได้รับการกระตุ้นสัมผัสโดยการพูดคุย โอบกอด ประสานสายตาและดูแลจากบิดามารดา
กิจกรรมการพยาบาล
ส่งเสริมและกระตุ้นบิดา มารดาเข้าเยี่ยมทารกทุกวันและสอนให้บิดา มารดามีส่วนร่วมในการดูแลทารก เช่น การเช็ดตัว ดูแลความสะอาดหลังขับถ่าย การเปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นต้น
เหตุผล
เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมสัมพันธภาพในครอบครัวระหว่างเด็ก
อำนวยความสะดวกให้บิดามารดาในการเข้าเยี่ยม สนับสนุนให้บิดา มารดา โอบกอด สัมผัสทารก และให้มารดา kangaroo care ได้ทุกเวรเมื่อทารกมีอาการปกติและมารดาต้องการ
เหตุผล
แคงการูแคร์ช่วยสร้างสมดุล ของอุณหภูมิกาย หลังลูกคลอด มีส่วนช่วยกระตุ้นให้อัตราการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ เป็นตัวช่วยที่ดีให้ลูกดูดนมแม่ได้เองหลังคลอด1-2ชั่วโมงโดยแม่ไม่ต้องช่วยเหลือ และผิวสัมผัสซึ่งกันและกันระหว่างลูกรักกับแม่นั้น ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตและการไหลของน้ำนมแม่ ทำให้ปริมาณน้ำนมของแม่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
ให้การพยาบาลแก่ทารกด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยน
เหตุผล
เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่บิดา มารดา ถึงการปฏิบัติต่อเด็กที่เหมาะสม
ส่งเสริมและดูแลให้ทารกดูดนมมารดาจากเต้า เมื่อทารกพร้อมและแพทย์อนุญาต
เหตุผล
เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมารดา และบุตร
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 7
บิดามารดาวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของบุตร
วัตถุประสงค์
เพื่อลดความวิตกกังวลของบิดามารดา
เกณฑ์การประเมินผล
บิดามารดามีสีหน้าวิตกกังวลลดลง ไม่กระวนกระวาย
สร้างสัมพันธภาพกับมารดาด้วยการทักทายพูดคุย
เหตุผล
เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
เปิดโอกาสให้มารตาระบายความรู้สึก
เหตุผล
เพื่อให้ผ่อนคลายความตึงเครียด
รับฟังด้วยความตั้งใจสนใจ
เหตุผล
เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
ประสานงานให้มารดาได้สอบถามการดำเนินโรคและแผนการรักษากับแพทย์เจ้าของไข้
เหตุผล
เพื่อผ่อนคลายความวิตกกังวล
แนะนำให้บิดาและญาติมาช่วยดูแลผู้ป่วยเด็กแทนมารดา
เหตุผล
เพื่อให้มารดาได้พักผ่อนคลายความเครียด
ประเมินความวิตกกังวลของมารดาภายหลังให้การดูแล
เหตุผล
เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการพยาบาล