Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Neonatal jaundice - Coggle Diagram
Neonatal jaundice
อาการและอาการแสดง
- อาการตัวเหลืองมักเห็นที่บริเวณใบหน้าก่อนถ้ากดลูบบริเวณดั้งจมูกจะเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นทารกคลอดก่อนกำหนดมีผิวบางทำให้ดูเหลืองมากกว่าเด็กโตที่มีระดับบิลิรูบินเท่ากันอาการตัวเหลืองจะเห็นชัดมากขึ้นลามมาที่ลำตัวและแขนตามลำดับ (cephalocaudal progression)
- ซีดหรือบวมพบได้ในเด็กที่มีการทำลายของเม็ดเลือดแดงอย่างมากมักเป็นอาการที่พบได้เฉพาะราย hydroph fetallis จาก Rh incompatibility หรือซิฟิลิส แต่กำเนิด
- ตับหรือม้ามโตพบได้ใน hemolytic disease of the newborn หรือโรคติดเชื้อในครรภ์เกิดขึ้นเนื่องจากการสร้างเม็ดเลือดแดงมากเพื่อชดเชยส่วนที่ถูกทำลายไปใน ABO incompatibility จะมีการแตกสลายของเม็ดเลือดแดงที่มักจะไม่รุนแรงตับและม้ามจึงไม่ค่อยโตพวก galactosemia จะมีตับโตมาก แต่คลำม้ามไม่ได้
- ซึมถ้าระดับบิลิรูบินสูงมาก ๆ มักจะทำให้ทารกซึมต้องแยกจากทารกติดเชื้อหรือเป็น galactosemia
- จุดเลือดตามตัวหรือมีรอยเลือดออกบนผิวหนังอาจพบเป็น petichi หรือ purpuric spoth ตามผิวหนังพบในทารกที่มีการติดเชื้อในครรภ์หรือมีผิวหนังหรือมี cephalhematoma หรือ subgaleal hematoma ที่เกิดจากการคลอด
สาเหตุ
- มีการสร้าง bilirubin มากกว่าปกติจากภาวะต่างๆที่มีการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงเช่นการที่หมู่เลือดของมารดาและทารกไม่เข้ากัน (ABO incompatibility และ Rh incompatibility) เซลล์เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดปกติซึ่งภาวะทั้ง 2 ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าปกติ ภาวะเลือดข้นมีภาวะเลือดออกในร่างกายทำให้มีการสลายตัวและมี bilirubin เข้าสู่กระแสเลือดมากกว่าปกติการที่มารดาได้รับยา oxytocin ที่ใช้ในการเร่งคลอดซึ่งสามารถทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงของทารกแตกได้ง่ายขึ้นหรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือด
- มีการขับ bilirubin ได้น้อยหรือไม่ได้ซึ่งสามารถเกิดได้จากลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อยหรือทารกดูดนมน้อยมีการอุดตันของลำไส้ท่อน้ำดีอุดตันหรืออักเสบทำให้เกิดการดูดซึม bilirubin จากลำไส้กลับเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตมากกว่าปกติ
- ตับมีความสามารถในการเปลี่ยน bilirubin เป็นชนิด Conjugated bilirubin ได้น้อยซึ่งอาจเกิดจากทารกคลอดก่อนกำหนดทำให้ระดับเอนไซม์ที่ใช้ในการเปลี่ยน bilirubin ต่ำกว่าปกติทารกขาดเอนไซม์ UDP. glucuronyl transferase หรือที่เรียก Crigler Najor Syndrome ที่เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่พบในทารกชาวอาหรับหรืออาจเกิดจากได้รับยาบางชนิดที่ขัดขวางการเปลี่ยนรูปของ unconjugated bilirubin เช่นยา novobiocin สาร pregnanadiat หรือ non-esterified fatty acid
การรักษา
1) การรักษาโดยการส่องไฟ (Phototherapy) โดยใช้หลอดไฟชนิดพิเศษให้แสงสีฟ้าที่มีความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมเท่านั้น ขณะส่องไฟ จะต้องถอดเสื้อผ้าทารก ปิดตา และแพทย์จะตรวจเลือดดูระดับบิลิรูบินเป็นระยะจนลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ผลเสียของการส่องไฟคือ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ น้ำหนักตัวลดลง เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นจากการส่องไฟ
2) การรักษาโดยการเปลี่ยนถ่ายเลือด (Exchange Transfusion) คือ การเอาเลือดทารกที่มีบิลิรูบินสูงออกจากตัวเด็กและเติมเลือดอื่นเข้าไปทดแทน จะทำในกรณีที่ระดับบิลิรูบินสูงมากหรือทารกเริ่มมีอาการแสดงทางสมองเพื่อลดระดับบิลิรูบินอย่างรวดเร็ว
3.) การใช้ยารักษา ยาที่ใช่ลดระดับของบิลิรูบินได้ดีคือ Phenobarbital จะช่วยลดการขนส่งบิลิรูบินเข้าสู่เซลล์ตับมีเมตาบอลิซึมของบิลิรูบินและการขับถ่ายออกทางนำดีมากยิ่งขึ้น แต่ต่องใช้ระยะเวลานานจึงไม่นิยมใช้นอกจากนี้มี Agar, Charcoal ที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมของบิลิรูบินจากลาไส่ Trin protoporphyrin เป็นยาที่ยับยั้งการทำงานของ Herme Oxygenase ทำให้ Heme สลายตัวเป็นบิลิรูบินได้น้อยลงใช้ในการป้องกันหรือรักษาในรายที่ยังเหลืองไม่มาก
พยาธิสภาพ
เกิดจากสารสีเหลืองที่เรียกว่าบิลิรูบิน (Bilirubin) ในเลือดสูงกวาปกติเกิดเนื่องจากเม็ดเลือดแดงของทารกที่หมดอายุ ซึ่งจะถูกทำลายที่ตับและม้ามเมื่อเม็ดเลือดแดงแตกสารสีเหลืองบิลิรูบินในเลือดจะถูกปล่อยออกมา แต่เนื่องจากตับของทารกยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ทำให้การขับถ่ายสารสีเหลืองออกจากร่างกายไม่ดีเท่าที่ควรจึงทำให้สารสีเหลืองคั่งค้างในร่างกายมากขึ้นและจับตามผิวหนังทำให้มองเห็นผิวหนังทารกเป็นสีเหลืองถ้าระดับบิลิรูบินสูงมากท่าให้เด็กมีอาการทางสมองจากภาวะตัวเหลืองได้ (Kernicterus) และถ้าบิลิรูบินสูงเกิน 20 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์อาจมีผลต่อการได้ยินของเด็ก
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่1 เสี่ยงต่อสมองได้รับอันตรายจากภาวะ Kernicterus เนื่องจากมีการคั่งของบิลิรูบินในเลือดสูง
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตอาการตัวเหลืองโดยใช้นิ้วกดบริเวณผิวหนังบริเวณจมูกหน้าผากหน้าอกและหน้าแข้งและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ถึงภาวะที่มีการทำลายของเนื้อสมอง ได้แก่ ดูดนมไม่ดีซึมลงร้องเสียงแหลมหลังแอ่นตัวเขียวชักหรือกระตุก
2.ดูแลให้ได้รับการรักษาส่องไฟโดย
2.1 ถอดเสื้อผ้าออกและพลิกตัวให้อยู่ในท่าหงายหรือท่านอนคว่ำทุก 3-4 ชั่วโมงเพื่อให้ทารกได้รับแสงทั่วทั้งตัว
2.2 ไม่ทาแป้งน้ำมันหรือโลชั่นเพราะอาจมีส่วนผสมของสารบางอยางที่ทำให้เกิดการสะท้อนของแสง
2.3 ปิดตาด้วย Eyes pad เพื่อป้องกันการระคายเคืองของแสงต่อตา
2.4 ตรวจสอบประสิทธิภาพของหลอดไฟให้ทารกนอนตรงกลางของแผงไฟในระยะห่าง 30 45 เซนติเมตรกันผ้าไว้รอบแสง
2.5 สังเกตลักษณะอุจจาระเพราะทารกอาจจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลวสีเขียว
2.6 เจาะเลือดหาระดับบิลิรูบินในเลือด 4 ชั่วโมงหลังส่องไฟและทุก 24 ชั่วโมงจนกว่าระดับบิลิรูบินในเลือดปกติ
2.7 ตรวจร่างกายดูการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังว่ามีผดผื่นหรือผิวสีบรอนซ์หรือไม่
2.8 บันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงและรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่นตลอดเวลา
2.9 ได้รับการดูแลช่วยเหลือเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน
-
-
-
-