Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์(Premature Rupture of Membranes : PROM) …

- - - - Fern test : นำน้ำที่ขังในแอ่งหลังช่องคลอด (ควรให้ห่างจากปากมดลูก 2 – 3 ซม.) ไปป้ายบนแผ่นสไลด์ทิ้งไว้ให้แห้ง ในน้ำคร่ำมีอิเลคโตรไลท์โดยเฉพาะ เมื่อแห้งจะจับตัวเป็นผลึกรูปใบเฟิร์น
      - Nitrazine paper test: ใช้ทดสอบความเป็นกรดเป็นด่างของช่องคลอดในช่องคลอดน้ำคร่ำ pH อยู่ในช่วง 7.0 - 7.5 (สีน้ำเงิน)+สารคัดหลั่งมี pH อยู่ในช่วง 4.5 - 6
      - Nile blue test: GA 32 สัปดาห์ขึ้นไป พบเซลล์จากต่อมไขมันของทารกได้ในน้ำคร้ำย้อม nile blue sulphate จะติดสีแสด
      - Indigocarmine: ตรวจภายในแล้วไม่พบน้ำคร่ำในช่องคลอด ฉีดสี indigocarmine 1 cc ละลายใน NSS 9 cc ฉีดผ่านผนัง
        หน้าท้องเข้าไปในถุงน้ำคร่ำ สีน้้าเงินของ indigocarmine ที่จะไหลผ่านเข้าไปในช่องคลอดหากมีถุงน้ำคร่ำแตกจริง
      - Papanicolaou Smear: ย้อมเพื่อดูสารพันธุกรรม (fetal Cell) วิธีการยุ่งยากมากจึงไม่ค่อยนิยมทำ
    - - สิ่งคัดหลั่งจากช่องคลอดจะเป็นเมือกมีฤทธิ์เป็นกรดมีค่า pH 5-6
        ไม่ตกผลึก ไม่มีไขหรือขนของเด็กปน
      - ของเหลวคล้ายน้้าที่ไหลจากช่องคลอดในไตรมาสที่ 2สีคล้ายสีเหลือง (Yellowish) เป็นสิ่งคัดหลั่งจากชั้นของเยื่อบุมดลูก (Endometrium)หรือของเหลวนี้ซึมผ่านมาจากชั้น Decidua Capsularis
  - - - การติดเชื้อของทารกในครรภ์ : ทารกแรกคลอดและมารดา พบภาวะ Sepsisในรายถุงน้ำคร่ำแตกนานเกิน > 24 ชั่วโมง
      - ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิดจากภาวะน้ำคร่ำน้อยเกิดการกดสายสะดือ ท่าทารกผิดปกติ ภาวะมีไข้ของมารดาในบรรดาการตายของทารก
        คลอดก่อนกําหนด
      - จากภาวะน้ำคร่ำน้อยเกิดการกดสายสะดือ ท่าทารกผิดปกติ ภาวะมีไข้ของมารดา ในบรรดาการตายของทารก
        คลอดก่อนกําหนดพบว่าร้อยละ
      - Pulmonary Hypoplasia:การขยายปอดไม่ดี ไม่มีการไหลเวียนของน้ำคร่ำในทางเดินหายใจ
- - - - มารดามีความเครียดสูง กลัวเลี้ยงลูกไม่รอด กลัวลูก
        ไม่แข็งแรงสมบูรณ์ กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาซึ่งหากเครียดมากก็อาจทําให้คุณแม่เกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
  - - - ตั้งครรภ์ในอายุที่เหมาะสม (18-34 ปี), ควบคุมน้ำหนักให้อยู่
        ในเกณฑ์ปกติ, ดูแลตัวเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันโรคที่มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกําหนด
      - เมื่อตั้งครรภ์แล้วควรรีบไปพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์และปฏิบัติตนตามที่ได้รับคําแนะนํา รวมถึงไปพบแพทย์ตามนัด
        ทุกครั้งอย่างสม่ําเสมอ
      - ในขณะตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ, งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์,หลีกเลี่ยงความเครียด,
      - รับประทานอาหารให้บ่อยครั้งมากขึ้น เป็นวันละ 5 ครั้ง โดยทานอาหารหลัก 3 มื้อ และอาหารว่างอีก 2 มื้อ หรือแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 5 มื้อ เพื่อจะช่วยลดโอกาสเกิดการคลอดก่อนกําหนดได้
      - ให้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ Proluton 250 mg IM เพื่อกระตุ้นการเจริญของปอดทารก และยายับยั้งการคลอด ตามแผนการรักษา
    - - แนะนำเรื่องการคุมกําเนิด เพราะการคลอดที่อายุครรภ์ยิ่งน้อยเท่าไรและไม่ให้นมบุตร โอกาสตกไข่จะกลับมาเร็วกว่าปกติ จึงทําให้คุณแม่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่าย
      - ควรเว้นระยะการตั้งครรภ์ออกไปประมาณ 2-3 ปี เหมือนการตั้งครรภ์ทั่วไป เพื่อเพราะในครรภ์ต่อไปยังมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ก่อนกําหนดซ้ำได้อีก
      - การดูแลทารกหลังคลอดก่อนกําหนด
        
        การดูแลรักษาความสะอาดเพราะทารกที่คลอดก่อนกําหนดมักมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป
        
        การให้ลูกกินนมแม่แพทย์จะแนะนําให้กินนมแม่เป็นหลักเพื่อช่วยให้ทารกมีน้ำหนักตัวมากขึ้นตามเกณฑ์
        
        ส่งเสริมพัฒนาการคุณพ่อคุณแม่อาจกระตุ้นลูกน้อยได้ด้วยเสียงดนตรีเบา ๆ พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ รวมถึงการใช้สีและแสงอย่าง
        เหมาะสม
        
        สังเกตอาการที่บ่งบอกว่าไม่สบาย เช่น หายใจเร็วเหมือนหอบ ,เด็กหน้าซีดขาวและมีเสียงร้องเบาผิดปกติ,เด็กท้องอืดแข็งกะทันหัน, เด็กชัก, ดูดนมได้น้อยลง, น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น, ตาเหลืองหรือตัวเหลือง หากมีอาการเหล่านี้คุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์ก่อนถึงเวลานัดทันที