Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์, นางสาวมุทิตา แสงเรือง เลขที่ 60 …
การประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์
วัตถุประสงค์
3.เพื่อยืนยันสุขภาพทารกในครรภ์ว่ายังปกติดี เพื่อหลีกเลี่ยงการทำหัตถการทางสูติศาสตร์โดยไม่จำเป็น
2.เพื่อป้องกันหรือลดภาวะทุพพลภาพของทารกปริกำเนิด โดยให้ทารกคลอดออกมาในเวลาและวิธีการคลอดที่เหมาะสม
1.เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์เสียชีวิต
ประเภทของการตรวจพิเศษ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ
2.Biochemical monitoring เป็นการตรวจทางชีวเคมีต่างๆในหญิงตั้งครรภ์
3.Electronic monitoring test เป็นเครื่องมือทาง Electronic ที่ได้นำมาใช้เพื่อตรวจดูสุขภาพทารกใน
1.ฺBiophysical monitoring
เป็นการประเมินทารกในครรภ์ทางด้านกายภาพ
1.Biophysical monitoring
เป็นการประเมินทารกในครรภ์ทางด้านกายภาพ
Ultrasound คือการประเมินสภาพทารกโดยผ่านการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง
Radiography คือการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ โดยการใช้รังสี X-ray เป็นการถ่ายภาพ ท่า Lateral film abdomen เพื่อดู Ossification center
Amniography คือการฉีดรังสีเข้าไปในโพรงมดลูกแล้วถ่ายภาพรังสี ใช้ในการวินิจฉัยความผิดปกติจากการตั้งครรภ์ เช่น ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
Amnioscopy เป็นการใช้กล้องส่องตรวจ ดูถุงน้ำคร่ำ การตรวจน้ำหล่อเลี้ยงตัวเด็กด้วยกล้อง ตรวจโดยใช้กล้องส่องเข้าไปในถุงน่ำหล่อทารก เพื่อดูความผิดปกติน้ำคร่ำ
Fetoscopy คือ เป็นการส่องดูทารกในครรภ์โดยใช้เครื่องมือ endoscope สอดเข้าไปในถุงน้ำคร่ำโดยผ่านทางผนังหน้าท้อง
Fetal biophysical profile คือ การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจวัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆของทารกที่ถูกกระตุ้นและควบคุมด้วยระบบประสาทส่วนกลาง (Biophysical activity
Fetal movement count (FMC) คือ การนับการดิ้นของทารกในครรภ์
Fetal vibroacoustic stimulation(FAS)
เป็นการกระตุ้นด้วยการสั่นสะเทือนของทารกในครรภ์
Magnetic resonance image (MRI) คือการตรวจร่างกายโดยเครื่องตรวจที่ใช้คลื่นสนามแม่เหล็กความเข้มสูงและคลื่นความถี่ในย่านความถี่วิทยุในการสร้างภาพให้เหมือนจรองของอวัยวะภายในร่างกายโดยเฉพาะสมอง หัวใจ กระดูก กล้ามเนื้อ ด้วยคอมพิวเตอร์มีความละเออียดและคมชัดสูง
2.Biochemical monitoring เป็นการตรวจทางชีวเคมีต่างๆในหญิงตั้งครรภ์
2.3Amniocentasis คือการใช้เข็มเจาะผนังผ่านผนังช่องท้อง และมดลูกเข้าไปในถุงน้ำคร่ำ แล้วเอาน้ำคร่ำมาวินิจฉัยความผิดปกติทางพันธุกรรม
2.4 Amniotic fluid analysis เป็นการเจาะน้ำคร่ำออกมาวิเคราะห์ เพื่อดูความสมบูรณ์ของปอด
ระดับของ Creatinine ในน้ำคร่ำ
ระดับของ Alpha fetoprotein (AFT)
Shake test
การตรวจดู Genetic disorder
Lecithin/Sphingomyelin ratio (L/S ratio)
การทำ Nile blue test
การดูสีน้ำคร่ำ
Chorionic villi sampling
Fetal scalp blood sampling
Culdocentesis
2.2 Maternal blood study คือการเจาะเลือดเเม่จากรกไปตรวจหาความผิดปกติ
2.1 Urine estriol คือการตรวจปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนในปัสสาวะ หากมีปริมาณสูงแสดงว่ามีการตั้งครรภ์
3.Electronic monitoring test
เป็นเครื่องมือทาง Electronic ที่ได้นำมาใช้เพื่อตรวจดูสุขภาพทารกใน
3.2 Contraction stress test
เป็นการทดสอบดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจทารก ในครรภ์ขณะที่มดลูกหดรัดตัว
Oxytocin challenge test
The breast self stimulation
การแปลผล
Negative : ทารกอยู่ในสภาพปกติ แนะนำนับลูกดิ้นและตรวจซ้ำใน 1 สัปดาห์
Positive : ทารกอยู่ในสภาพพร่องออกซิเจน ช่วยเหลือโดย Intrauterine resuscitation และหยุด Oxytocin ทันที หลังจากนั้น
15-30 นาทีให้ทำ CST ซ้ำ ถ้าผล Positive อีกครั้งควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์
Equivocal หรืผลก้ำกึ่งไม่สามารถแปรผลได้ แนะนำให้มาตรวจซ้ำภายใน 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 3 แบบ
2.Hyperstimulation หมายถึงมี Late deceleration ขณะที่มีหรือตามหลังการหดรัดตัวของมดลูกที่นานกว่า 90วินาที
3.Unsatisfied หมายถึง ไม่สามารถอ่านผลของอัตราการเต้นของหัวใจทารกได้หรือการหดรัดตัวมดลูกน้อยกว่า 3 ครั้งใน 10 นาที
1.Suspicious หมายถึง มี Late deceleration น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของการทดสอบ
3.1 Non- stress test (NST)
มารดาเป็นเบาหวาน
มารดามีประวัติความดันโลหิตสูง
ทารกเติบโตช้าในครรภ์ (intra uterine growth retardation)
มารดาเป็นโรคโลหิตจางหรือมีฮีโมโกลบินผิดปกติ
ตั้งครรภ์เกินกำหนด( post term)
มารดามีอายุมากกว่า 35 ปี
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
นางสาวมุทิตา แสงเรือง เลขที่ 60 รหัสประจำตัวนักศึกษา 621801064 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3