Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case analysis Dx. G2P1 GA37 wk. by U/S Term pregnancy c Elderly…

- - - - ทารกในครรภเ์จริญเติบโตช้า
      - ทารกมีน้ำหนักน้อย
      - ทารกพิการ
      - ทารกเสียชีวตในครรภ์
    - - คลอดก่อนกําหนด
      - ภาวะรกเกาะต่ำ
      - ภาวะรกลอกตัวก่อนกําหนด
      - แท้ง
      - มีภาวะความดันโลหิตขณะตั้งครรภ์
      - เบาหวานขณะตั้งครรภ์
      - คลอดยาก
- - - - 1.ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะซีด
        
        ความหมาย
        
        ภาวะที่มีการลดลงของเม็ดโลหิตแดง (red cell mass) ความเข้มของฮีโมโกลบิน (hemoglobin concentration) ท าให้ความสามารถในการนำ ออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลดลง
        
        สาเหตุ
        
        จากการขาดสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเม็ดโลหิตแดง เช่น ธาตุเหล็ก กรดโฟลิค
        
        การเสียโลหิตแบบเฉียบพลัน
        
        การท าลายเม็ดโลหิตแดงมากผิดปกติ
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        ผลต่อหญิงตั้งครรภ์
        
        ตกเลือดหลังคลอด
        
        ติดเชื้อ
        
        แผลหายช้า
        
        อ่อนเพลีย
        
        ผลต่อทารก
        
        birth asphyxia
        
        ตกเลือดขณะคลอด
        
        polycythemia
      - 2.แนะนำให้กินที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียว เครื่องในสัตว์ ไข่แดง และกินยาบำรุงเลือดferrous fumarate ให้ครบ
      - 3.เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ซักถาม
      - 4.สอบถามหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับภาวะซีด การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก
  - - - 2.เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ซักถาม
      - 3.สอบถามหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก
      - 1.อธิบายการตั้งครรภ์อายุมาก คือ
        
        ผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์
        
        การแท้งบุตร
        
        ความดันโลหิตสูง
        
        รกเกาะต่ำ
        
        โรคเบาหวาน
        
        สูญเสียทารกในครรภ์
        
        คลอดก่อนกำหนด
        
        ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
        
        อาการดาวน์
        
        ทารกมีน้ำหนักน้อย
        
        ทารกในครรภเ์จริญเติบโตช้า
        
        ทารกเสียชีวตในครรภ์
  - - - O:ขนาดของมดลูก2/4>สะดือ
      - O: ระดับยอกมดลูก 32 ซม
      - O: GA 37 wks.
      - O: EFW 2250 g
    - - 2.แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอโดยนอนตะแคงซ้ายเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงมดลูก
      - 1.อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ GA 37 wk ยอดมดลูกต้อง3/4 > ระดับสะดือ EFW3000-3100g
      - 3.ให้สังเกตการดิ้น ของทารกในครรภ์หากดิ้นน้อยกว่า10 ครั้ง/วันควรรีบมาพบแพทย์
      - 4.ติดตามระดับความสูงของยอดมดลูกและการ เพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของหญิงตั้งครรภ์
      - 5.เปิดให้หญิงตั้งครรภ์ซักถาม
  - - - S: แม่บอกปวดหลัง
      - O: G2P1 GA37 wk.
      - O: จากการสังเกต ขณะเดินหน้าท้องโย้ไปทางด้านหน้า ใช้มือจับบริเวณด้านห
    - - 1.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการปวดหลัง เมื่ออายุครรภ์ และน้ำหนักตัวเพิ่มร่างกายจะมีการปรับตัวของกระดูกสันหลังส่วนเอวเพื่อรักษาสภาวะสมดุลของร่างกายไว้ไม่ให้ล้ม กล้ามเนื้อและข้อต่อทางด้านหลังต้องหดตัวต้านไว้ เพื่อถ่วงดุลจุดศูนย์กลางของร่างกาย ทำให้เกิดการแอ่นหลังมากขึ้นส่งผลให้ขณะตั้งครรภ์ มีอาการปวดหลังส่วนล่าง
      - 2.แนะนําการปฎิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง คือ ไม่ควรนั่งนิ่งๆ นานๆ ควรยกขาพาดเก้าอี้เตี้ยๆ นั่งกางขาเล็กน้อย หรืออาจลุกเดินเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต 3.สวมรองเท้าส้นเตี้ย กระชับเท้า สวมใส่สบาย เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อหลังและน่อง
      - 4.เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ซักถาม
      - 5.สอบถามหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับสาเหตุ วิธีบรรเทาอาการปวดหลัง
      - 3.บรรเทาอาการปวดโดยใช้ท่าผีเสื้อแบบมณีเวช โดยการนั่งฝ่าเท้าชิดกัน สองมือกดตรงเข่าไว้ ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้านับ 1 - 20 และผ่อนคลาย
  - - - O: G2p1 GA37wk.
      - S:แม่รู้สึกขนาดท้องเล็กกว่าครรภ์แรก
      - O: EFW 2250 g
      - O: ขนาดยอดมดลูก 32 cm
      - O: FHS 150 bpm.
    - - 1.สร้างสัมพันธภาพกับหญิงตั้งครรภ์ พูดคุยเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
      - 2.เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ระบายรู้สึก และให้กำลังใจ
      - 3.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของทารกใน
        ครรภ์ เช่น ขณะตรวจครรภ์ได้ยินเสียงอัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์สม่ำเสมอ และผล EFW ทารก บ่งบอกทารกมีโอกาสสุขภาพดี เพื่อลดความวิตกกังวลของมารดา
      - 4.หญิงตั้งครรภ์นับลูกดิ้น โดยถ้าทารกดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 ชั่วโมง ให้นับต่อไปอีก 1 ชั่วโมง หากดิ้นน้อยกว่า 4 ครั้งใน 2 ชั่วโมง หรือน้อยกว่า 10 ครั้งใน12ชั่วโมง ต้องมาพบแพทย์ทันที
  - - - s: หญิงตั้งครรภ์ ผู้คลอดให้ประวัติว่า เคยได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักครบ 2 เข็ม เมื่อปี พ.ศ.25ุ60
    - - 1.ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนที่หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับ คือ วัคซีนป้องกันบาดทะยัก ไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโควิด และวัคซีนอื่นๆที่จำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์
      - 2.อธิบายเกณฑ์การได้รับวัคซีนบาดทะยัก
        
        เคยได้รับมาแล้วไม่ครบ 3 ครั้ง โดยหญิงตั้งครรภ์เคยได้รับมาแล้ว 2 ครั้ง คือให้ dT 1 ครั้ง (ห่างจากเข็ม สุดท้าย 6 เดือน) จากนั้นนัดกระตุ้ น 1 ครั้ง ทุก 10 ปี
  - - - ุS: มารดาต้องการวางแผนคุมกําเนิดโดยใช้ยาฉีดคุมกําเนิด
        O: มารดาอายุ41ปี
    - - หญิงตั้งครรภ์ตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับการคุมกำเนิดแบบยาฉีดคุมกำเนิดได้ถูกต้อง
    - - 1.อธิบายข้อบ่งชี้ของยาฉีดคุมกำเนิดคือ เหมาะสำหรับสตรีที่มีอายุไม่เกิน 50 ปี และมีบุตรที่มีชีวิตอยู่อย่างน้อย 1 คน, หากมีประวัติเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ ควรส่งพบแพทย์ก่อน, สำหรับผู้ที่มักลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด มีข้อห้ามใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น มารดาให้นมบุตร ผู้ที่สูบบุหรี่อายุมากกว่า 35 ปี
      - 2.อธิบายข้อดีของยาฉีดคุมกำเนิดคือ ใช้ง่าย สะดวก ช่วยป้องกันมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และรังไข่ ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม เหมาะสำหรับสตรีหลังคลอดที่เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดียว จะไม่มีอาการข้างเคียงจากฮอร์โมน estrogen เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หน้าเป็นฝ้า ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมช่วยให้มีประจำ เดือนมาทุกเดือน
      - 4.เปิดโอกาสให้มารดาซักถาม
      - 3.อธิบายข้อเสียของยาฉีดคุมกำเนิดคือ
        
        เลือดออกกะปริดกะปรอย ภายหลังฉีดเข็มแรกๆ หากเลือดออกกะปริดกะปรอยนานๆ อาจทำให้เกิดโลหิตจางได้ ควรปรึกษาแพทย์
        
        ไม่มีประจำเดือน เนื่องจากยาฉีดคุมกำเนิดทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อและบางหลังหยุดฉีด 9-12เดือน ร่างกายจะกลับคืนสภาพเดิม
        
        น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลของฮอร์โมนกระตุ้นต่อมความอยากอาหาร ดังนั้นสตรีที่มีรูปร่างอ้วนอยู่แล้วไม่ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่มีน้ำหนักลดลง
        
        อาการปวดศีรษะอาจพบได้บางราย แต่ไม่รุนแรงและหายเองได้ ไม่ต้องรักษา
        
        เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งรังไข่ ดังนั้นหากฉีดยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ควรได้รับการตรวจสุขภาพทุกปี ตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม
        
        การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ (emotional changes) เช่น ซึมเศร้า หงุดหงิด เบื่อหน่าย ซึ่งอาการเหล่านี้มีค่อนข้างน้อย หากมีอาการควรซักประวัติ ตรวจร่างกาย หาสาเหตุอื่นเพิ่มเติม
        
        ภาวะน้ำนมไหลผิดปกติ (galactorrhea) บางรายอาจมีน้ำนมไหลผิดปกติ ทั้งที่ไม่ได้ให้นมบุตรภาวะนี้ไม่ได้มีอันตรายและไม่จำเป็นรับการรักษา
  - - - S: หญิงตั้งครรภ์บอกว่าจะเลี้ยงดูบุตรด้วยนม และบุตรคนก่อนๆก็เลี้ยงด้วยนมมารดา
      - O: G2P1 GA37 wk.
      - O: การตรวจเต้านม พบว่า: เต้านมทั้งสองข้างสมมาตรกัน หัวนมปกติ ไม่มีหัวนมสั้นหรือหัวนมบุ๋ม ลูกสามารถดูดนมได้
    - - 1.พูดคุยและสร้างสัมพันธภาพกับหญิงตั้งครรภ์ สอบถามประเมินความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ว่าถูกต้องหรือไม่
      - 2.แนะนำให้เลี้ยงบุตรด้วยนม มารดาเพียงอย่างเดียวจนถึงอายุ 6 เดือนแรก และหลังจาก 6 เดือน สามารถให้อาหารเสริมร่วมกับนมแม่ได้เพื่อให้มารดาสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
      - 3.อธิบายประโยชน์ของการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา (Breastfeeding) ให้มารดาทราบ คือ
        
        3.1 ประโยชน์ต่อมารดา มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น ช่วยลดการเสียเลือดจากการคลอด ช่วยขับน้ำคาวปลาและช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น มารดามีรูปร่างดีขึ้น สะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้หลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่และโรคกระดูกพรุน เกิดความรักและความผูกพันระหว่างมารดาและบุตร
        
        3.2 ประโยชน์ต่อบุตร มีสารอาหารครบถ้วน สมดุลและพอเหมาะแก่ความต้องการของทารกไม่ทำให้ทารกเป็นโรคขาดสารอาหารหรือโรคอ้วน มีภูมิต้านทานสำหรับทารก ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหลายชนิด เช่น โรคท้องร่วง ไข้หวัด ลดการเกิดโรคภูมิแพ้ในทารก
  - - - 1.พูดคุยและสร้างสัมพันธภาพกับหญิงตั้งครรภ์
      - 2.ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารกและครอบครัว คือ เปิดโอกาสให้บอกความรู้สึกในการเป็นมารดา มีการพูดคุยกับทารก เรียกชื่อเบาๆ ลูบหน้าท้อง การสัมผัสเบาๆ ให้นับลูกดิ้น
      - 3.ให้คำแนะนำเกี่ยวการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดากับทารก คือ เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพภรรยาและทารก ส่งเสริมการแสดงบทบาทบิดา ส่งเสริมให้พาภรรยามาตรวจตามนัด ให้ฟังผลการตรวจครรภ์ ให้คำแนะนำการดูแลภรรยา สัมผัสหน้าท้อง มีส่วนร่วมในการตั้งชื่อลูก
      - 4.ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบุตรคนโตกับทารก คือ เตรียมบุตรคนโตสำหรับการมีน้องใหม่ แจ้งให้ทราบว่ามีน้องตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ให้เข้าร่วมกิจกรรมกับมารดา เช่น เตรียมของให้น้อง พูดคุยกับน้อง ให้ความรู้แก่บิดามารดาในการปรับตัวของบุตรคนโตทั้งทางบวกและลบ กล่าวชมเชยบุตรคนโตเมื่อแสดงพฤติกรรมทางบวกแก่น้อง มีส่วนร่วมในการตั้งชื่อน้องลูบสัมผัสหน้าท้อง
    - - S:หญิงตั้งครรภ์บอกว่าอยู่ด้วยกันกับสามีและบุตรคนโต
      - S:หญิงตั้งครรภ์บอกว่าลูก สามีมาจับที่หน้าท้องบ่อยๆ มักมาคุยกับทารกในครรภ์
      - O: G2P1 GA37 wk.