Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 กฎหมายระหว่างประเทศ - Coggle Diagram
บทที่ 6 กฎหมายระหว่างประเทศ
6.1 ความหมายและความเป็นมาของกฎหมายระหว่างประเทศ
Guggenheim “กฎหมายระหว่างประเทศเป็นประมวลกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่ใช้บังคับความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศ”
Jessup “กฎหมายระหว่างประเทศคือ กฎหมายที่ใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ”
Oppenheim “กฎหมายระหว่างประเทศเป็นกฎเกณฑ์ที่อาศัยจารีตประเพณีและสนธิสัญญาที่ใช้บังคับ
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ”
Hughes “หลักและกฎข้อบังคบต่างๆ ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วถือว่าเป็นการผูกพันในความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่ความยินยอมของประเทศเหล่านั้น”
1) ด้านโครงสร้าง
กล่าวคือคือโครงสร้างของสังคมระหว่างประเทศมีการรวมตัวในระดับที่ต่ ากว่าสังคมใน
ประเทศ
2) ด้านพื้นฐานของกฎหมาย
กล่าวคือกฎหมายระหว่างประเทศอยู่บนหลัก pacta sunt servanda (สัญญา
ต้องเป็นสัญญา เมื่อตกลงกันไว้อย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามความตกลงนั้น)
6.2 ความเป็นมาของกฎหมายระหว่างประเทศ
6.2.1 กฎหมายระหว่างประเทศสมัยโบราณ
ในสมัยโบราณยังไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศควบคุม
ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชน
กฎหมายระหว่างประเทศได้วิวัฒนาการอย่างมากในสมัยกรีกและโรมัน
ในสมันโรมันได้ก าหนดกฎหมาย 2 ชนิดคือ 1) Jus Civile ใช้บังคับแก่คนโรมันเท่านั้น และ 2) Jus
Gentium เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับระหว่างคนต่างด้าว
ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 11-14 ศาสนาคริสต์ได้เข้ามามีบทบาทเหนืออ านาจรัฐ ซึ่งในช่วงนี้ได้เกิดกฎหมาย
ระหว่างประเทศหลายอย่างที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนา
6.2.2 กฎหมายระหว่างประเทศช่วงศตวรรษที่16-18
ในปี ค.ศ. 1492 โคลัมบัสได้ค้นพบทวีปอเมริกา ท า
ให้เกิดปัญหาใหม่ในกฎหมายระหว่างประเทศ
Francisco Victoria (ค.ศ. 1480-1546) ซึ่งได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับรัฐ โดยเห็นว่ารัฐต้องมีอิสรภาพ
ของตนเองโดยต้องไม่เป็นดินแดนของรัฐอื่น มีกฎหมายและศาลของตนเอง
Francisco Suarez (ค.ศ. 1548-1617) มีแนวคิดคล้ายกับ Victoria กล่าวคือเขาเห็นว่ารัฐควรเป็น
อิสระ แต่อ านาจอิสระของรัฐอาจจะถูกจ ากัดด้วยกฎเกณฑ์ของสังคมระหว่างประเทศ
Hugo Grotius (ค.ศ. 1583-1645) นักนิติศาสตร์ชาวฮอลแลนด์ ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งกฎหมาย
ระหว่างประเทศ
6.2.3 กฎหมายระหว่างประเทศช่วงหลังศตวรรษที่19
ความเจริญด้านวิทยาศาสตร์ท าให้ทุกประเทศบน
โลกเกิดการติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้น
โดยในปัจจุบันสามารถแบ่งกฎหมายระหว่างได้เป็น 3 สาขา ได้แก่
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง ได้แก่ กฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐใน
ฐานะที่รัฐเป็นนิติบุคคล แผนกนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต การท าสนธิสัญญา และการท าสงคราม
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เป็นกฎหมายที่บังคับเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่าง
บุคคลที่เป็นพลเมืองของรัฐในทางแพ่ง เช่นการสมรส การหย่า การได้สัญชาติ การสูญเสียสัญชาติ เป็นต้น
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา เป็นกฎหมายที่ก าหนดความ สัมพันธ์ระหว่างรัฐใน
คดีอาญา เมื่อพลเมืองของรัฐกระท าความผิดกฎหมายอาญา
6.3 ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ
6.3.1 แนวคิดทวินิยม (dualism)
เห็นว่ากฎหมายภายในประเทศกับกฎหมายระหว่างประเทศมีฐานะเท่า
เทียมกันและเป็นอิสระจากกัน
6.3.2 แนวคิดเอกนิยม (monism)
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่
6.3.2.1) กลุ่มแรกเห็นว่ากฎหมายภายในประเทศมีค่าเหนือกว่ากฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจาก
รัฐทุกรัฐมีอ านาจอธิปไตยของตนเอง
6.3.2.2) กลุ่มที่สองเห็นว่ากฎหมายระหว่างประเทศมีคุณค่าเหนือกว่ากฎหมายภายในประเทศ
กฎหมายภายในประเทศจะขัดแย้งกับกฎหมายระหว่างประเทศไม่ได้
อย่างไรก็ตามได้มีคดีระหว่างประเทศมากมายที่ยอมรับว่ากฎหมายระหว่างประเทศมีคุณค่าเหนือกว่า
กฎหมายภายในประเทศ
6.4 ที่มาหรือบ่อเกิดของกฎหมายระหว่างประเทศ
จากที่กล่าวมาข้างต้นว่ากฎหมายระหว่างประเทศคือกฎหมายที่ใช้บังคับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์การระหว่างประเทศ
6.4.1 สนธิสัญญา (Treaties)
ธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศระบุให้ใช้ศาล
ยุติธรรมระหว่างประเทศใช้อนุสัญญาระหว่างประเทศ
6.4.2 จารีตประเพณีระหว่างประเทศ (International Custom)
ธรรมนูญศาล
ยุติธรรมระหว่างประเทศกล่าวถึงจารีตประเพณีระหว่างประเทศคือการถือปฏิบัติกันโดยทั่วไป
6.4.3 หลักกฎหมายทั่วไป (general principles of law)
ธรรมนูญศาล
ยุติธรรมระหว่างประเทศกล่าวถึงจารีตประเพณีระหว่างประเทศคือการถือปฏิบัติกันโดยทั่วไป
6.5 กฎหมายระหว่างประเทศที่ควรรู้
6.5.1 บุคคลในกฎหมายระหว่างประเทศ
บุคคล หรือ ผู้ทรงสิทธิ ซึ่งกฎหมายรองรับให้เป็นผู้ที่สามารถมีสิทธิตามกฎหมายตลอดทั้งมีหน้าที่และความ
รับผิดชอบตามกฎหมายได้
6.5.1.1 รัฐ (states)
กฎหมายระหว่างประเทศก าหนดการมี สภาพบุคคล
6.5.1.2 องค์การระหว่างประเทศ (international organization)
องค์การระหว่างประเทศที่
ถือเป็นบุคคลในกฎหมายระหว่างประเทศนั้นจะต้องเป็นองค์การระหว่างประเทศ
6.5.1.3 ปัจเจกชน (individuals)
ปัจเจกชนโดยเฉพาะบุคคลธรรมดาไม่ถือเป็นบุคคลในทาง
กฎหมายระหว่างประเทศ
6.5.1.4 บรรษัทข้ามชาติ (transnational corporations)
ในแง่ของกฎหมายระหว่างประเทศ
แล้วบรรษัทข้ามชาติถือเป็นเพียงนิติบุคคลเอกชนตามกฎหมายภายในของรัฐที่บรรษัทเช่นว่านั้นจัดตั้งขึ้นเท่านั้น
6.5.2 เขตแดน
เขตแดนเป็นเครื่องก าหนดขอบเขตของดินแดนที่อยู่ภายใต้อ านาจอธิปไตยของรัฐ เขตแดนจึงเป็นทั้งเครื่อง
แสดงและจ ากัดขอบเขตการใช้อ านาจอธิปไตยของรัฐในประชาคมระหว่างประเทศ
6.5.2.1 เขตแดนทางบก (พื้นดิน)
มักจะอาศัยอุปสรรคทางภูมิศาสตร์เป็นแนวเขตแดน เช่น แนว
สันเขา
6.5.2.2 เขตแดนทางน้้า
อาศัยแม่น้ า ล าน้ า ทะเลสาบ ซึ่งแบ่งแยกเขตแดนของรัฐตามธรรมชาติ
6.5.2.3 เขตแดนทางอากาศ
มักเป็นไปตามขอบเขตอันเป็นเส้นเขตแดนทางพื้นดินและทะเลอาณา
เขต
6.5.2.4 เขตแดนของรัฐส่วนที่เป็นพื้นน้้า
มีองค์ประกอบที่ส าคัญ คือ น่านน้ าภายใน
6.5.3 เขตอำนาจรัฐ
เขตอำนาจรัฐ หมายถึง เขตอ านาจตามกฎหมายของรัฐเหนือบุคคล ทรัพย์สิน หรือเหตุการณ์ต่างๆ
6.5.3.1 หลักดินแดน
ได้รับการยอมรับและอ้างถึงมากที่สุด เป็นการรับรองว่ารัฐมีเขตอ านาจเหนือ
บุคคล
6.5.3.2 หลักสัญชาติ
หลักสัญชาติถือว่าสัญชาติเป็นสิ่งเชื่อมโยงที่ท าให้รัฐสามารถใช้เขตอ านาจของตนเหนือ
บุคคล
6.5.3.3 เขตอ านาจรัฐตามหลักผู้ถูกกระทำ
ตามหลัก Passive Personality มีมูลฐานมาจาก
สัญชาติของบุคคล
6.5.3.4 เขตอ านาจรัฐตามหลักป้องกัน
คือรัฐสามารถใช้เขตอ านาจของตนเหนือบุคคลผู้กระท า
การอันถือได้ว่าเป็นภัยหรือกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ
6.5.3.5 เขตอำนาจรัฐตามหลักสากล
คือ รัฐใดๆ ก็ตามย่อมมีเขตอ านาจเหนืออาชญากรรมที่
กระทบต่อประชาคมระหว่างประเทศโดยส่วนรวม