Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case Analysis, นางสาวยศวดี ทองล้วน 611001037 เลขที่ 38, 452367, pregnant -…

- - - - S: มารดาบอกว่าไม่ทราบถึงภาวะแทรกซ้อนของภาวะซีด
      - O: Hct ครั้งที่1 =30.6% ครั้งที่ 2 =31%
      - Hb= ครั้งที่1 = 9.9 g/dl ครั้งที่2 =10.2 g/dl
    - - 1.อธิบายสาเหตุขงภาวะโลหิตจางเกิดจากสตรีวัยเจริญพันธุ์ ส่วนมากเก็บสะสมธาตุเหล็กไว้ไม่เพียงพอ เนื่อง จาก ร่างกายต้องสูญเสียไปกับการมีประจำเดือน ร่วมกับการได้รับธาตุเหล็กจาก สารอาหารไม่เพียงพอ เมื่อตั้งครรภ์ภาวะโลหิตจางก็จะเป็นมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและความต้องการสารอาหารของ ร่างกายที่เพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ต่าง ๆของมารดาและทารกในครรภ์
      - 2.อธิบายผลกระทบจากภาวะซีดต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์ โดยอาจก่อให้เกิดการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย และการติดเชื้อ
      - 3.แนะนำให้ทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ เพื่อเพิ่มจำนวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
      - 4.แนะให้กินยาบำรุง triferdine ตามแผนการรักษาของแพทย์ ซึ่งเมื่อกินยาตัวนี้จะทำให้คุณแม่ถ่ายอุจจาระเป็นลักษณะสีดำได้คุณแม่ไม่ต้องตกใจนะคะ
      - 5.เปิดโอกาสให้มารดาซักถามข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้มารดาได้คลายข้อสงสัย
      - 6.ถามคำถามย้อนกลับเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของภาวะซีด
  - - - O: GA 37 wks. by U/S
      - O: ขนดของมดลูก= 2/4 > สะดือ
      - O: SGA น้ำหนัก 2,250 gms.
    - - 1.อธิบายหญิงตั้งครรภ์ว่าตอนนี้อายุครรภ์ของคุณแม่คือ 37 สัปดาห์ ซึ่งขนาดของมดลูกคุณแม่ตามอายุครรภ์ควรจะอยู่ที่ 3/4 > สะดือ แต่ของคุณแม่อยู่ที่ 2/4 > สะดือ ส่วนน้ำหนักของทารกตามเกณฑ์ต้องอยู่ที่ประมาณ 2800 g แต่ของคุณแม่น้องน้ำหนักตัวแค่ 2250 g ซึ่งถือได้ว่ามันไม่สัมพันธ์กัน
      - 2.เปิดโอกาสให้มารดาซักถามข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้มารดาได้คลายข้อสงสัย
      - 3.ถามหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับขนาดของมดลูกและน้ำหนักของทารกที่ควรจะเป็นในช่วงอายุครรภ์ 37 wks.
  - - - O: G2P1 อายุ 41 ปี GA 37 Weeks by U/S
      - O: ทารกอยู่ในท่า RtScA
      - O: FHS = 150 bpm., Height of fundus = 32 cm.,
        Estimate Fetal Weight 2,250 gms.
    - - ประเมินร่างกาย ซักประวัติการฝากครรภ์ อาการเจ็บครรภ์คลอด ความผิดปกติ ต่างๆ โรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่เป็นประจำและซักประวัติอื่นๆ ร่วมด้วย
      - แนะมารดาให้เตรียมเอกสารให้พร้อม เช่น สมุดสีชมพู บัตรประชาชนทั้งของมารดาและสามี เพื่อความสะดวก ในวันที่มารดามาโรงพยาบาลจะได้รับเอกสารในการลงนามเพื่อยินยอมเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล ใบเซ็นยินยอมให้แพทย์ทำการผ่าตัด
      - แนะนำให้มารดาอาบน้ำสระผม ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด เพื่อลดโอกาสของการติดเชื้อภายหลังผ่าตัด 3.เปิดโอกาสให้มารดาซักถามข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้มารดาได้คลายข้อสงสัย
      - แนะนำการงดน้ำและอาหารหลังเวลา 24.00 น
      - แนะนำให้มารดาโกนขนบริเวณหน้าท้องจนถึงอวัยวะสืบพันธุ์ หากมารดาไม่สะดวก สามารถมาทำที่โรงพยาบาลได้
      - แนะนำให้มารดาถอดชุดชั้นใน คอนแทคเลนส์และเครื่องประดับ ออกทั้งหมด รวมทั้งต้องล้างน้ำยาทาเล็บออกให้หมดด้วย
      - 7.อธิบายให้มารดาทราบว่าในวันที่มาโรงพยาบาล จะมีการเจาะเลือด ใส่สายสวนปัสสาวะ และให้สารน้ำก่อนการผ่าตัด
  - - - มารดา G2P1 อายุ 41 ปี Elderly gravidalum
    - - 1.อธิบายให้มารดาทราบเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อายุมาก
      - 2.อธิบายเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์อายุมาก เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คลอดก่อนกำหนด แท้ง ทารกพิการแต่กำหนด ทารกตายในครรภ์ รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ เป็นต้น
      - 3.เปิดโอกาสให้มารดาซักถามข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้มารดาได้คลายข้อสงสัย
      - 4.ให้มารดาร่วมตอบคำถามหรืออธิบายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อายุมาก เพื่อให้มารดามีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น
  - - - S: มารดาบอกว่าไม่เคยออกกำลังในขณะตั้งครรภ์มีแต่การเคลื่อนไหวร่างกายปกติ
      - O : G 2 P 1 A 0, GA 37 wks. by U/C
    - - 1.แนะนำหญิงตั้งครรภ์ในการออกกาลังกายก่อนการตั้งครรภ์ควรออกกำลังกายบ่อยๆสม่ำเสมอ ออกกำลังกายแบบปานกลางไม่หักโหมหรือรุนแรงมากเกินไป แนะนำให้ออกกำลังงกายโดนเฉพาะส่วนบน เช่น โยคะ เป็นต้น
      - 2.แนะนำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ (muscle relaxation) การฝึกผ่อนคลายเป็นวิธีที่มีประโยชน์มากเพราะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด และความไม่สุขสบายในขณะที่มดลูกบีบหรือหดรัดตัว ควรฝึกสม่ำเสมอทุกวันตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ เพราะเมื่อเข้าสู่ระยะคลอดจะสามารถใช้พลังงานอย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่เสียพลังงานโดยไม่จำเป็น
      - 3.แนะนำการบริหารกล้ามเนื้อต้นขา ( Tailorstretching) เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อสะโพกหลังส่วนล่างกล้ามเนื้อขาและเชิงกรานให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงและช่วยให้คลอดง่าย
      - 4.การบริหารกล้ามเนื้อขาสะโพกและข้อเท้า (Leg exercise)เพื่อช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดบริเวณส่วนล่างของร่างกายดีขึ้น
      - 5.การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง(Pelvic rocking) เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลังกล้ามเนื้ออหลังและกระดูกสันหลังมีความยืดหยุ่นมากขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร
      - 6.แนะนำเทคนิคการหายใจ (breathing technique) ในตั้งครรภ์จะสามารถควบคุมและปรับเทคนิคการหายใจที่จะทำให้การตอบสนองในระยะคลอดได้เหมาะสมยิ่งขึ้น การฝึกหายใจขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
        
        ท่าที่ ๑ การหายใจด้วยท้อง
        
        ท่าที่ ๒ การหายใจด้วยส่วนอก
        
        ท่าที่ ๓ การหายใจด้วยคอ
  - - - S: หญิงตั้งครรภ์บอกว่าปวดหลัง ปวดถ่วงท้องน้อยเมื่อเดินมากๆ
      - O: G2P1 GA 37 weeks by U/S
      - O: หญิงตั้งครรภ์ใช้มือจับบริเวณด้านหลัง แสดงสีหน้าไม่สุขสบาย
    - - 1.อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์เข้าใจว่า อาการปวดหลังเป็นอาการปกติของหญิงตั้งครรภ์ อาการปวดหลังส่วนล่าง มักพบในไตรมาสที่2 และ3 ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากทารกในครรภ์กดทับเส้นประสาทบริเวณอุ้งเชิงกราน อาจปวดต้นขาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
      - 2.แนะนําการบริหารร่างกาย เช่น ท่า Pelvic rocking, ท่าผีเสือ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง
      - 3.แนะนําวิธีการป้องกันและบรรเทาอาการปวด หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดียวนานๆ ไม่ควรใช้ที่นอนนุ่มเกินไปและอาจ girdle พยุงหน้าท้อง เพื่อลดการทํางานของกล้ามเนื้อหลัง
      - 4.แนะนำท่านอนตะแคงและมีหมอนรองระหว่างมือและขาหมอนนิ่มๆ จะช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น
      - 5.แนะนำท่านั่งลงบนเก้าอี้โดยใช้หมอนหนุนหลังบริเวณบั้นเอวและวางเท้าทั้งสองข้างแนบกับพื้นจะช่วยให้นั่งได้สบาย
  - - - S: หญิงตั้งครรภ์บอกว่ารู้สึกท้องเล็กกว่าครรภ์แรก
      - O: G2P1 GA 37 weeks by U/S, HF = 32 cm., ขนาดของมดลูก 2/4 > ๏, EFM = 2,250
      - O: ขณะตรวจครรภ์มีการสอบถามเกี่ยวกับขนาดของทารก ความแข็งแรงของทารก
    - - 2.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพทารกในครรภ์อธิบายหญิงตั้งครรภ์ว่าตอนนี้อายุครรภ์ของคุณแม่คือ 37 สัปดาห์ ซึ่งขนาดของมดลูกคุณแม่ตามอายุครรภ์ควรจะอยู่ที่ 3/4 > สะดือ แต่ของคุณแม่อยู่ที่ 2/4 > สะดือ ส่วนน้ำหนักของทารกตามเกณฑ์ต้องอยู่ที่ประมาณ 2800 g แต่ของคุณแม่น้องน้ำหนักตัวแค่ 2250 g ซึ่งถือได้ว่ามันไม่สัมพันธ์กัน
      - 1.สร้างสัมพันธภาพแก่หญิงตั้งครรภ์ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
      - เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพทารกในครรภ์