Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case Analysis
Diagnosis : Term pregnancy c Ealderly Gravidarum (Advanced…
Case Analysis
Diagnosis : Term pregnancy c Ealderly Gravidarum (Advanced maternal age) c Malpresentation (Malposition,Transverse line,Sholder presentation) c SGA c Anemia
หญิงไทย อายุ 41 ปี รูปร่างสมส่วน มีสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะพูดคุย สวมชุดคลุมท้องหลวมๆ สวมรองเท้าส้นเตี้ย ขณะเดินหน้าท้องโย้ไปทางดานหน้า ใช้มือจับบริเวณด้านหลัง แสดงสีหน้าไม่สุขสบาย ผลการตรวจครรภ์ ทากอยู่ในท่า RtScA, FHS= 150, HF 32 cm. EFW 2250 gms. ฝากครรภ์ไม่ครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์
-
์Nursing diagnosis
- ขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คือ ภาวะที่มีความผิดปกติของความทนต่อ Glucose
-
-
- แนะนำการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์
-
-
- แนะนำสังเกตอาการ Hypoglycemia รู้สึกหิว มีเหงื่อออกมาก มือสั่น กระสับกระส่าย ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว แนะนำดื่มน้ำหวาน
Hyperglycemia ปัสสาวะบ่อย มองเห็นไม่ชัด กระหายน้ำมาก ปวดศีรษะ เหนื่อยง่าย แนะนำฉีด RI ตามแผนการรักษา
- แนะนำการป้องกันการติดเชื้อ
ให้รักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์โดยการล้างอวัยวะสืบพันธุ์ทุกครั้งหลังขับถ่าย โดยล้างจากด้านหน้าไปด้านหลังและซับให้แห้ง
-
-
- แนะนำมารดาให้สังเกตและบันทึกลูกดิ้นโดยทารกในครรภ์ควรดิ้นมากกว่า 3-4 ครั้ง ใน 1ชั่วโมง และมากกว่า 10 ครั้ง ใน 1 วัน ถ้าลูกดิ้นน้อยลงให้รีบมาพบแพทย์ทันที
- แนะนำให้มารดามาตรวจครรภ์ตามนัด และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เริ่มเจ็บครรภ์, มีน้ำเดิน
- แนะนำการ Breast Feeding เพราะช่วยลดการเป็นเบาหวานของมารดาหลังคลอดได้
การประเมินผล
มารดามีความรู้ในการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งมารดาสามารถบอกวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ถูกต้อง
- ขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะซีดขณะตั้งครรภ์
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
-
2.แนะนำการรับประทานยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กที่นิยมใช้ คือ Ferrous sulfate 200 mg/day ร่างกายดูดซึมได้ประมาณ 20-25 mg ธาตุเหล็กจะดูดซึมได้ดีในภาวะเป็นกรด ถ้ารับประทานพร้อมอาหาร การดูดซึมจะลดลง 50-75 % จึงควรให้รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร อาการข้างเคียงที่ พบบ่อย ได้แก่ อาการ คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้อง
3.แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก หลีกเลี่ยงอาหารที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น ชา กาแฟ นม และ รับประทานอาหารที่ช่วยให้ดูดซึมเหล็กได้ดีขึ้น เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ตับ ม้าม ไข่ เลือด
4.แนะนำวิธีการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์อย่างถูกวิธี โดยล้างทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังและซับให้แห้ง รวมถึงแนะนำให้มารดาใส่กางเกงในสีอ่อน เพื่อให้สังเกตความผิดปกติของตกขาวได้ง่าย
-
-
-
-
- วิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดคลอดเนื่องจากขาดความรู้
-
-
การประเมินผล
หญิงตั้งครรภ์คลายความวิตกกังวล สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และสามารถบอกวิธีการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องได้
กิจกรรมการพยาบาล
-
-
- แนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อเตรียมผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
-
-
3.3หลังจากทำความสะอาดร่างกายแล้วให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีเขียวสำหรับไปห้องผ่าตัด โดยจะต้องถอดชุดชั้นใน คอนแทคเลนส์ ฟันปลอมและเครื่องประดับ รวมทั้งต้องล้างยาทาเล็บออกให้หมด
-
3.5 พยาบาลจะ ใส่สายสวนปสัสาวะคาไว้ซึ่งขณะใส่สายสวนปัสสาวะแม่อาจจะรู้สึกเหมือนปวด ปัสสาวะตลอดเวลา แนะนำไม่ใ่ห้เบ่งหรือกลั้น แม่จะต้องใส่ไว้ตลอดการผ่าตัด จนถึง 1 วันหลังผ่าตัด
-
4.เมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บครรภ์คลอดก่อนวันนัดให้มาโรงพยาบาลทันทีเพราะเมื่อถุงน้ำคร่ำแตกอาจเกืดสายสะดือพลัดต่ำได้
- มารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของทารกในครรภ์
-
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
- เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึก และเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัย เพื่อให้ได้ทราบข้อมูลที่สงสัยหรือเป็นกังวล ลดความวิตกกังวลของมารดา
- ให้ข้อมูลแก่มารดาเกี่ยวกับสุขภาพของทารกในครรภ์ เช่น ขณะตรวจครรภ์ได้ยินเสียงอัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์สม่ำเสมอ และผล EFW ทารก บ่งบอกทารกมีโอกาสสุขภาพดี เพื่อลดความวิตกกังวลของมารดา
- แนะนำการปฏิบัติตัวของมารดาเพื่อส่งเสริมสุขภาพของทารกในครรภ์
-
-
-
- แนะนำมารดาให้สังเกตและบันทึกการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยทารกในครรภ์ควรดิ้นมากกว่า 3-4 ครั้ง ใน 1ชั่วโมง และมากกว่า 10 ครั้ง ใน 1 วัน ถ้าลูกดิ้นน้อยลงให้รีบมาพบแพทย์ทันที
- แนะนำให้มารดามาตรวจครรภ์ตามนัด และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เริ่มเจ็บครรภ์, มีน้ำเดิน ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
- มีความรู้ไม่เพียงพอในการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะท้องผูก
-
-
การประเมินผล
มารดามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการท้องผูก และสามารถบอกวิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการท้องผูกได้ถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1.อธิบายให้มารดาทราบถึงสาเหตุของอาการท้องผูก เนื่องจากการเพิ่มของฮอร์โมน progesterone ทำให้กล้ามเนื้อ เรียบรวมทั้งลำไส้ส่วนล่างมีการคลายตัว การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลงทำให้เกิดอาการท้องผูก
2.แนะนําฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา และให้เวลาในการขับถ่ายอุจจาระให้เพียงพอ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากขับถ่ายโดยการฝากขับถ่ายอุจจาระให้เป็นนิสัย (Toilet Activities)
-
-
-
3.แนะนําให้รับประทานอาหารที่มีกากใยจากผักและผลไม้ เช่น ธัญพืช ผักใบเขียว รําข้าว ถั่วแห้ง ขนมปังโฮลวีท เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
4.แนะนําให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหลของลำไส้และส่งผลให้อุจจาระนิ่ม ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
5.ส่งเสริมให้มีการออกกําลังกาย เนื่องจากการออกกําลังกายจะมีการหลั่งของฮอร์โมนเอนโดฟินและโมทิลิน ทำให้ลําไส้มี การบีบตัวมากขึ้น
- มีความรู้ไม่เพียงพอในการปฎิบัติตัวเมื่อมีอาการปวดหลัง
-
-
การประเมินผล
หญิงตั้งครรภ์รับทราบและสามารถ ให้ข้อมูลย้อนกลับในเรื่องการปฏิบัติตัวในการบรรเทา อาการปวดหลังได้ถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการปวดหลังแก่สตรีตั้งครรภ์ที่อาจเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ เมื่ออายุครรภ์และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นร่างกายจะมีการปรับตัว ของกระดูกสันหลังส่วนเอวเพื่อรักษาสภาวะสมดุลของร่างกายไว้ไม่ให้ล้ม กล้ามเนื้อและข้อต่อทางด้านหลังต้องหดตัวต้านไว้ เพื่อถ่วงดุลจุดศูนย์กลางของร่างกาย ทำให้เกิดการแอ่นหลังมากขึ้นส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์มีอาการปวดหลังส่วนล่าง
-
3.แนะนำการออกกำลังกายและบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะท่าบริหารกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และกล้ามเนื้อขา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง และกล้ามเนื้อหลัง
แนะนำการบริหารร่างกายท่าการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง (Pelvic rocking) ประโยชน์: ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง
-
-
- ให้มาตรวจตามแพทย์นัดเพื่อติดตามอาการหากมีอาการปวดหลังมากแพทย์อาจจะมีการสั่งยาให้เพื่อบรรเทาอาการไม่สุขสบาย
์Nursing diagnosis ต่อ
- ขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
-
-
การประเมินผล
มีความรู้ในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์สามารถบอกการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ได้ถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดได้จากปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ครรภ์แรก ครรภ์แฝด อายุ<19 ปี หรือ>35ปี มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคไต โรคอ้วน
- แนะนำผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ด้านทารก
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะเลือดไม่แข็งตัว ภาวะหัวใจขาดเลือด/ล้มเหลว ภาวะไตวายเฉียบพลัน ภาวะปอดบวมน้ำ ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ และอันตรายจากการชัก
-
- แนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
-
การรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารครบหมู่อย่างเพียงพอและอาหารมีกากใย ไม่ควรรับประทานอาหารเค็มจัด แต่ไม่จำเป็นต้องจำกัดเกลือ
- แนะนำสังเกตอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ทันที เช่น หน้ามืด ปวดศรีษะ ตาพร่ามัว คลื่นไส้อาเจียน จุกแน่นลิ้นปี่ บวม และปัสสาวะออกน้อย
- มารดามีความรู้ไม่เพียงพอในการคุมกำเนิด
-
-
-
กิจกรมการพยาบาล
- ให้ข้อมูลมารดาตั้งครรภ์เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมาก
ด้านมารดา
GDM, PIT, Anemia, Placenta Previa, Abruptio Placentae, Dystocia
ด้านทารก
Preterm, Low Birth Weight
- ให้ข้อมูลมารดาเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดด้วยชนิด ชั่วคราว และถาวร ดังนี้
ชั่วคราว
-
-
ข้อห้าม สตรีที่มีการทำงานของตับผิดปกติ มะเร็งเต้านม เลือดออกทางช่องช่องลอดที่ยังไม่ทราบสาเหตุ ผู้ที่สูบบุหรี่และมีอายุมากกว่า 35 ปี ไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้
-
-
-
ข้อบ่งชี้ ผู้ที่ไม่สามารถคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ต้องการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีเพศสัมพันธ์นานๆ ครั้ง
-
-
ถาวร
ข้อบ่งชี้ มีบุตรอย่างน้อย 2 คน และบุตรมีสุขภาพดี มีโรคประจำตัวที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน
-
-
-
-
- เปิดโอกาสให้มารดาซักถามข้อสงสัยที่เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิด
- เปิดโอกาสให้มารดาตัดสินใจเลือกวิธีการคุมกำเนิดอีกครั้ง
-