Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่ 11 Kidney Urinary Bladder System - Coggle Diagram

- - - - RENAL ARTERY
        
        เส้นเลือดแดงท่ไปเลี้ยงไต ออกจาก Aorta เข้าสู่ Hilum
      - RENAL VEIN
        
        ออกมาจากไตแต่ละข้างโดยต่อเข้ากับ Inferior vena cava
      - 2 ชั้น
        
        1.Renal cortex : ไตชั้นนอก
        2.Renal medulla :ไตชั้นใน
      - Collecting system
        
        1.Renal calyx
        2.Renal pelvis
    - - หน่วยที่ทำหน้าที่ของไต (functional unit)
      - ประกอบไปด้วย
        
        1.Glomerulus
        
        2.Tubule
        
        2.1) Proximal convoluted tubule
        
        2.2) Loop of Henle
        
        2.3) Distal convoluted tubule
        
        2.4) Collecting duct
        
        Capillary network โครงสร้าง 3 ชั้น
        
        1.Endothelial cell
        
        2.Glomerular basement membrane
        
        3.Epithelial cell (Podocyte)
  - - - 1.Erythropoietin ช่วยสร้างเม็ดเลือด
      - 2.Activation of vitamin D
  - - - ค่า GFR ปกติ 130 ml/min/1.73 m2 ผู้ชาย และ 120 ml/min/1.73 m2 ในผู้หญิง
  - - - ตรวจพบ RBC ≥ 3 ตัว ต่อ high-power field ที่ตรวจจากปัสสาวะที่ปั่น
        
        Microscopic hematuria : มองเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์
        
        Macroscopic (Gross) hematuria : มองเห็นด้วยตาเปล่า
    - - ภาวะปกติพบโปรตีนในปัสสาวะได้ไม่เกิน 150 mg/day ถ้าพบมากบ่งบอกถึงการทำลายไต
      - โปรตีนหลักๆในปัสสาวะ คือ Tamm-Horsfall protein นอกนั้น คือ albumin
      - Albuminuria บ่งบอกถึงภาวะทำลายของ glomerular filtration barrier
      - Proteinuria >3.5 g/day = Nephrotic-range proteinuria :red_flag:
- - - - Bilateral ureteric obstruction
      - Bladder/urethra obstruction
    - - Dysuria,gross hematuria, abdominal pain,anuria
    - - • Retain foley cath : Urine>400 ml = Cause of AKI
        • U/S kidney : Hydronephrosis
  - - - • Drug : NSAIDs
      - • Infection : Leptospirosis
      - • Autoimmune : SLE
      - • Malignancy
    - - • Fever,rash,atrhralgia/arthritis
    - - หยุดยาที่เป็นสาเหตุ
  - - - • Edema
      - • Dysmorphic RBC / RBC cast
    - - • ประคับประคองตามอาการ
- - - - • ควบคุมความดันโลหิต
      - • ยากลุ่ม ACEi/ARB
      - • อาหาร : จำกัดเกลือ และโปรตีน
      - • หยุดสูบบุหรี่
      - • ควบคุมนํ้าตาล
    - - •เข้าสู่โรคไตเรื้อรังระยะ 4 ควรงพบแพทย์โรคไต
      - • เริ่มบำบัดทดแทนไตเมื่อ
        • GFR<15 + (อาการจากของเสียในร่างกายคั่ง
        • GFR<6 → เริ่มทำได้เลยแม้ไม่มีอาการ
    - - • ภาวะซีด
      - • ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสุง
      - • ภาวะเลือดเป็นกรด
      - • โรคกระดูกและแร่ธาธุจากโรคไต :
      - • ภาวะความดันโลหิตสุง
      - • ภาวะบวมและสารนํ้าเกินในร่างกาย
      - • ภาวะของเสียในเลือดคั่ง
- - - - อาการ
        
        Nephrotic Edema
        
        Muehrcke lines
        
        Xanthelasmas
- - - - • Nausea
      - • Malaise/Lethargy
      - • Headache
      - • Seizure
      - • Coma
    - - Pseudohyponatremia (ภาวะโซเดียมตํ่าปลอม)
        
        Hyperglycemia
      - Truehyponatremia (ภาวะโซเดียมตํ่าจริง)
        
        Beer, Diarrhea,SIADH,Congestive heart failure
  - - - • Weakness
      - • Malaise
      - • Lethargy
      - • Irritability
      - • Seizure
      - • Coma
      - • Death
    - - ได้รับโซเดียมเข้าไปปริมาณมาก
      - สูญเสียนํ้าออกไปจากร่างกาย
  - - - • Severe muscle weakness/Rhabdomyolysis
      - • Cardiac arrhythmia & EKG abnormality
    - - โพแทสเซียมเคลื่อนย้ายเข้าไปในเซลล์
      - สูญเสียโพแทสเซียมออกไปจากร่างกาย
  - - - • Severe muscle wealness/Paralysis
      - • Cardiac arrhythmia & EKG abnormality
    - - โพแทสเซียมเคลื่อนย้ายออกมาจากเซลล์
      - รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
      - โพแทสเซียมขับออกทางไตได้น้อยลง
- - - - ผลของภาวะ Acidosis :ต่อร่างกาย
        
        ส่งผลต่อการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด
        
        ส่งผลต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย
        
        ยับยั้งการทำงานของ receptor ต่างๆภายในร่างกาย
      - สาเหตุ
        
        Anion gap = Na - (Cl + HCO3) ค่าปกติ 12-18 mEq/L
        
        1.Wide anion gap metabolic acidosis (AG>18 mEq/L)
        
        2.Normal anion gap metabolic acidosis (AG<18 mEq/L)
      - การรักษา:หาสาเหตุ และแก้ไขสาเหตุนั้นๆ
    - - กลไกการเกิด
        
        1.การสร้างด่าง:ไตทำงานได้ปกติจะสามารถขับด่างส่วนเกินได้หมด
        
        2.การทำให้ด่างยังคงอยู่ในร่างกาย/ทำให้ไตขับออกไม่ได้
      - สาเหตุ
        
        1.ผู้ป่วยความดันโลหิตปกติ
        
        2.ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูง
      - การรักษา:หาสาเหตุ และแก้ไขสาเหตุนั้นๆ