Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย (Roy Adaptation Theory), นางสาว ปิยชาติ แก้วแสงงาม…
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย
(Roy Adaptation Theory)
มโนทัศน์หลักของรูปแบบการปรับตัวของรอย
1.การปรับตัวด้านร่างกาย (Physiologic- physical mode)
หมายถึง การปรับตัว
ตามความต้องการด้านสรีรวิทยา-กายภาพ แบ่งออกเป็น
รูปแบบการปรับตัวหมวดชีวภาพ (Physiologic mode) สำหรับบุคคล
รูปแบบการปรับตัวหมวดกายภาพ (Physical mode) สำหรับกลุ่มคน
การปรับตัวด้านร่างกายในหมวดชีวภาพของบุคคล (Physiologic mode)*
เป็นพฤติกรรมการปรับตัวเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ทางชีวภาพ ประกอบด้วย 9 องค์ประกอบ ได้แก่
1.การปรับตัวตามความต้องการพื้นฐาน 5 ประการสำหรับการดำรงชีวิต
การได้รับออกซิเจน (Oxygenation)/ อากาศ
โภชนาการ (Nutrition)
การขับถ่าย (Elimination)
กิจกรรมและการพักผ่อนนอนหลับ (Activity and rest)
การปกป้องคุ้มครอง (Protection)
2.การปรับตัวของร่างกายตามกระบวนการที่ซับซ้อน มี 4ประการ
การรับความรู้สึก (Senses)
สารน้ำและอิเล็กโทรลัยท์ (Fluid, electrolyte, and acid-base balance)
การทำหน้าที่ของระบบประสาท (Neurologic function)
การทำหน้าที่ของระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine function)
2. การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ (Self-concept mode)
เป็นความรู้สึกและความเชื่อเกี่ยวกับตนเองทั้งด้านภาพลักษณ์ ความคิด บุคลิกภาพ จิตวิญญาณ ความเชื่อรวมถึงศาสนา ในช่วงเวลาหนึ่ง เกิดจากการรับรู้ปฏิกิริยาของบุคคลอื่นที่มีต่อตนเอง
3. การปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ (The role function mode)
บทบาททุติยภูมิ (Secondary role)
เป็นบทบาทเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องกระทำเป็นบทบาทที่ได้รับเข้ามาและทำให้เกิดงานขึ้น เช่น บทบาทการเป็นบิดา มารดา บุตร สามี ภรรยา
บทบาทตติยภูมิ (Tertiary role)
เป็นบทบาทชั่วคราวที่เกิดขึ้นในบางช่วงของชีวิตที่บุคคลเลือกหรือต้องทำหน้าที่ตามบทบาทนั้น อาจรวมถึงกิจกรรมบางอย่างที่เป็นงานอดิเรก เช่น การดำรงบทบาทของนายกรัฐมนตรี
บทบาทปฐมภูมิ (Primary role)
เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมส่วนใหญ่ของบุคคลในช่วงเวลาต่างๆของชีวิต เช่น เพศ อายุ
4.การปรับตัวด้านการพึ่งพาอาศัย (Interdependence mode)
การปรับตัวด้านนี้ให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเพื่อให้มีมุมมองด้านความรัก การให้ และการมีคุณค่า เป็นการพึ่งพาระหว่างกัน(Interdependence) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเต็มใจและความสามารถที่จะรัก นับถือ และยกย่องผู้อื่น รวมทั้งยอมรับและตอบสนองความรัก นับถือและยกย่องจากผู้อื่น
กระบวนทัศน์หลักของรูปแบบการปรับตัวของรอย
สุขภาพ (Health)
สภาวะและกระบวนการดำรงชีวิตที่อยู่รวมกันของบุคคลและสิ่งแวดล้อมทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
สิ่งแวดล้อม (Environment)
สภาพการณ์หรือสิ่งที่อยู่รอบๆทั้งภายในและภายนอกซึ่งส่งผลต่อการปรับตัวของบุคคลทั้งทางตรงและทางอ้อม เรียกสิ่งแวดล้อมนี้ว่า
สิ่งเร้า(Stimuli)
สิ่งแวดล้อม = สิ่งเร้า
สิ่งเร้า(Stimuli)
สิ่งเร้าตรง (Focal stimuli)
สิ่งที่มากระทบบุคคลโดยตรงและส่งผลให้บุคคลนั้นมีการตอบสนองต่อสิ่งนั้นในทันทีทันใด เช่น โรคมะเร็งเต้านม
สิ่งเร้าร่วม (Contextual stimuli)
เป็นสิ่งเร้าที่อยู่เบื้องหลังแต่เสริมสร้างหรือมีส่วนร่วมให้สิ่งเร้ามีผลกระทับต่อบุคคลมากขึ้นหรือลดลง เช่น ต้องตัดเต้านม ต้องให้คีโม
สิ่งเร้าแฝง (Residual stimuli)
สิ่งเร้าที่มากระทบบุคคลแล้ว ไม่ทราบปัจจัยที่มากระทบต่อบุคคลชัดเจนแต่อาจส่งผลกระทบต่อบุคลโดยไม่ทราบหรือระบุความรุนแรงได้แน่ชัดความเชื่อ ทัศนคติ ปรัชญา วัฒนธรรม หรือสิ่งลี้ลับ เช่น กลัวสามีรับไม่ได้เลยไม่ตัด เชื่อว่าให้คีโมแล้วเสียชีวิตไวขึ้น ไม่อยากรับคีโม
บุคคล (Person)
คือ ระบบของการปรับตัวของบุคคลที่ได้รับสิ่งเร้าที่กระตุ้น
ให้บุคคลเกิดกระบวนการเผชิญปัญหา (Coping process)
2 กลไก
กลไกการควบคุม (Regulator subsystem
) ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นอย่างอัตโนมัติตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นอย่างอัตโนมัติ
กลไกการรู้คิด (Cognator subsystem)
การตอบสนองผ่านช่องทางของอารมณ์และการรู้คิดของบุคคล ได้แก่ กระบวนการการรับรู้ข้อมูล การเรียนรู้ การตัดสินใจ และอารมณ์
การพยาบาล (Nursing)
หมายถึง การดูแลทุกระยะของมนุษย์ตามหลักวิทยาศาสตร์โดยผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ด้วยวิธีการส่งเสริมสุขภาพและศักยภาพในการดำรงชีวิตของบุคคล ครอบครัว กลุ่มคนและสังคมทั่วๆไป
ระดับการปรับตัว (Adaptation level) 3 ขั้นตอน
ขั้นต้องการชดเชย (Compensatory level)
เป็นภาวะที่กระบวนการชีวิตปกติถูกรบกวนจากสิ่งเร้าภายนอกทำให้ต้องการการชดเชย มีความพยายามในการปรับตัวเพื่อจัดการกับสิ่งเร้า
ขั้นบกพร่อง/อันตราย (Compromised level)
เป็นภาวะที่กระบวนการชดเชยทำงานไม่เพียงพอที่จะจัดการกับสิ่งเร้า ทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัว มีความเจ็บป่วยหรือเกิดโรค เกิดความพิการหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ขั้นปกติ (Integrated level
) เป็นระดับที่กระบวนการชีวิตที่มีการปรับตัวต่อสิ่งเร้าต่างๆ โดยโครงสร้างและการทำหน้าที่ของร่างกาย
การประยุกต์ใช้รูปแบบการปรับตัวของรอย
โดยใช้ 6 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1. การประเมินพฤติกรรมการปรับตัว (Assessment of behavior)
1.การปรับตัวด้านร่างกาย (Physiologic- physical mode)
ในหมวดชีวภาพ (Physicalmode)
2.การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ (Self-concept mode)
3.การปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ (The role function mode)
4.การปรับตัวด้านการพึ่งพาอาศัย (Interdependence mode)
ขั้นที่2. การประเมินสิ่งเร้า (Assessment of stimuli)
คือ ประเมินสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดพฤติกรรรมนั้นๆ และจัดกลุ่มตามชนิดของสิ่งเร้า
1.สิ่งเร้าตรง (Focal stimuli)
2.สิ่งเร้าร่วม (Contextual stimuli)
3.สิ่งเร้าแฝง (Residual stimuli)
ขั้นที่ 3. การกำหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing diagnosis)
กระบวนการตัดสินใจกำหนดข้อความที่สื่อถึงสถานะการปรับตัวของบุคคล ที่ระบุหรือบ่งชี้สถานะพฤติกรรมการปรับตัวร่วมกับสิ่งเร้าที่มีอิทธิพลมากที่สุด
ขั้นที่ 4. การกำหนดเป้าหมายการส่งเสริมการปรับตัว
(Goals Setting: to promote adaptation)
เป็นข้อความที่แสดงถึงผลลัพธ์ที่เป็นพฤติกรรมของการปรับตัวที่
ต้องการให้เกิดขึ้นในทางบวก
ขั้นที่ 5. การบำบัดทางการพยาบาล (Implement intervention)
เน้นทั้งสิ่งเร้าและกระบวนการเผชิญ โดยการวางแผนกำหนดกิจกรรมในการส่งเสริมการปรับตัวด้วยการจัดการสิ่งเร้า มีผลต่อพฤติกรรม
ขั้นที่ 6. การประเมินผล (Evaluation)
การประเมินผลภายหลังจากที่พยาบาลปฏิบัติการพยาบาลแล้ว
ข้อตกลงเบื้องต้น (Assumptions)
ข้อตกลงเบื้องต้นด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific assumption)
ข้อตกลงเบื้องต้นด้านวัฒนธรรม (Cultural assumptions):
ข้อตกลงเบื้องต้นด้านปรัชญา (Philosophy assumption)
ซีสเตอร์ แคลลีสตา รอย (Sister Callista Roy)
มีหนังสือรูปแบบการปรับตัวของรอย ค.ศ. 2009
สร้างขึ้นและตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร ค.ศ. 1970
ความสำคัญของการปรับตัว
พฤติกรรมการปรับตัวที่ไม่มีประสิทธิภาพ (Ineffective responses) ไม่บรรลุเป้าหมาย
พฤติกรรมการปรับตัวสำเร็จ (Adaptive response) บรรลุเป้าหมาย
นางสาว ปิยชาติ แก้วแสงงาม รหัสนักศึกษา 63102301048 เลขที่ 49