Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ (Pender’s Health Promotion Model),…
รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์
(Pender’s Health Promotion Model)
ประวัติ
เรียนที่ West Suburban Hospital ใน Oak Park รัฐ Illinoisได้รับ Diploma ในปี ค.ศ. 1962และเริ่มงานที่หอผู้ป่วยอายุรกรรม –ศัลยกรรมที่โรงพยาบาล Michigan
เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Lansing รัฐ Michigan
จบปริญญาโทด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์
จบปริญญาเอก ด้านจิตวิทยาที่ Northwestern University ที่ Evanstion Illinois ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงพัฒนาการของเด็กที่มีปัญหาความจำระยะสั้น
ดร. โนลา เจ เพนเดอร์ (Pender,Nola J.)
ปี ค.ศ. 1982 มีตีพิมพ์หนังสือ Health Promotion in Nursing Practice เป็นครั้งแรก และปรับปรุงอีกครั้งในปี ค.ศ.1987,1996 และในปี 2002
การพัฒนาทฤษฎี
Health Promotion Model
Health Promotion Model ฉบับปี ค.ศ1987
2. รับรู้ว่าสุขภาพสามารถควบคุมได้
(Perceived control of health): บุคคลรับรู้และเชื่อว่า สามารถเปลี่ยนแปลงสุขภาพได้ตามต้องการ
3. รับรู้ความสามารถของตน
(Perceive self – efficacy): บุคคลมีความเชื่ออย่างมากว่า พฤติกรรมสามารถเกิดได้ตามที่บุคคลกำหนด
1. การเห็นความสำคัญของสุขภาพ
(Importance of health): การที่บุคคลมองว่าสุขภาพ คือสิ่งที่มีคุณค่าที่ควรแสวงหา
4. คำจำกัดความของสุขภาพ
มีตั้งแต่การไม่มีโรคจนถึงสุขภาพสูงสุดทำให้บุคคลมีการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
5. การรับรู้สภาวะสุขภาพ
(Perceived health status): สภาวะที่รู้สึกดี หรือรู้สึกป่วยสามารถ
แยกได้จากพฤติกรรมสุขภาพ
6. การรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรม
(Perceived benefits of behaviors): บุคคลจะมีความ
โน้มเอียงสูงที่จะเริ่มหรือทำต่อเนื่องในพฤติกรรมนั้น ๆ ถ้ารับรู้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ
7. การรับรู้ถึงอุปสรรคของพฤติกรรม
(Perceived barriers to health promoting
behaviors): ถ้าบุคคลรับรู้ว่าพฤติกรรมนั้นยากลำบากจะทำให้มีความตั้งใจลดลงในการปฏิบัติตาม
8. องค์ประกอบอื่น
เช่น อายุ เพศสภาพ การศึกษา รายได้ น้ำหนัก แบบแผน สุขภาพของครอบครัว การคาดการณ์ เป็นเพียงผลโดยอ้อมในกระบวนการคิด
Health Promotion Model ฉบับปี ค.ศ.1996 ปรับปรุงใหม่
1. พฤติกรรมเดิม
(Prior related behavior) คือ พฤติกรรมที่เป็นองค์ประกอบที่มีผลโดยตรงและโดยอ้อม และมีความเชื่อมโยงกับการรับรู้ถึงความสามารถของตน
2. กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกทั้งด้านบวกและด้านลบ
(Activity-related affect) ในพฤติกรรมบางอย่าง มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม และมีอิทธิพลโดยอ้อมถึงการรับรู้ใน ความสามารถของตน
3. การยึดมั่นต่อแผนปฏิบัติ
(Commitment to a plan of action) เป็นแผนกลยุทธ์ที่เป็นเหตุนำมาซึ่งความตั้งใจที่จะเป็นแผนในการปฏิบัติซึ่งเกิดขึ้นเองหรือบุคคลอื่นมีส่วนรับรู้
4. ความต้องการ ความชอบที่เกิดขึ้นแทรกทันที
(Immediate competing demands and preferences) เป็นความต้องการที่จะปฏิบัติที่อาจไม่สำเร็จ เพราะไม่สามารถจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ ความชอบเป็นสิ่งที่มีพลังสำคัญต่อการเลือก ปฏิบัติ
คำอธิบายแบบจำลองส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์
2. การคิดรู้และอารมณ์ที่จำเพาะต่อพฤติกรรม (Behavioral specific cognitions and affect)
2.2 การรับรู้อุปสรรคของการปฏิบัติ (Perceived barriers to action)
การรับรู้ถึงอุปสรรค ซึ่งรวมทั้งจินตนาการ หรือความจริง
เช่น หาได้ยาก
2.1 การรับรู้ถึงประโยชน์ของการปฏิบัติ (Perceived benefits of action)
ด้านภายใน
(intrinsic) ได้แก่ เพิ่มความตื่นตัว ลดความรู้สึกอ่อนล้า
ด้านภายนอก
(extrinsic) ได้แก่ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ทำให้เกิดแรงจูงใจที่สำคัญขณะที่ intrinsic ทำให้เกิดการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
2.3 การรับรู้ความสามารถของตน (Perceived Self – Efficacy)
แบนดูร่า ให้คำจำกัดความ Self – efficacy คือ การตัดสินความสามารถของบุคคลในการจัดการให้สำเร็จ การที่บุคคลรับรู้ว่า ตนเองมีทักษะและสามารถจัดการได้จะทำให้มีความต้องการปฏิบัติ
2.4 กิจกรรมที่สัมพันธ์กับอารมณ์ (Activity – related affect)
สภาวะความรู้สึก ก่อน ระหว่าง หรือภายหลัง กิจกรรม ขึ้นกับคุณสมบัติสิ่งที่มากระตุ้น ความรู้สึกอาจมากหรือน้อย อยู่ที่ระดับความรู้ ความทรงจำ และเกี่ยวกับความคิด
2.7 ความยึดมั่นต่อแผนปฏิบัติ (Commitment to a plan of action)
1) การยึดมั่นที่จะดำเนินตามการกระทำ เฉพาะในเวลา สถานที่ และบุคคล
2) แยกแยะกลยุทธ์ในการที่จะปฏิบัติ การปฏิบัติบนข้อตกลง ด้วย ความเข้าใจ มีรางวัลที่เห็นชัดเจนกลยุทธ์ในการปฏิบัติสามารถเลือกได้โดยปฏิบัติตามความชอบ หรือตามที่บุคคลนั้นถนัด
2.6 อิทธิพลของสถานการณ์ (Situational influences)
ตัวอย่างเช่น สิ่งแวดล้อมไม่สูบบุหรี่ จะส่งผลให้บุคคลไม่สูบบุหรี่
2.5 อิทธิพลความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal influences)
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นอิทธิพลสำคัญ ซึ่งครอบครัว เพื่อน และผู้ให้บริการทางด้านสาธารณสุข คือแหล่งแรกของอิทธิพลดังกล่าว, การสนับสนุนทางสังคม (Social Support)
3. ผลลัพธ์ของพฤติกรรม (Behavioral Outcome)
3.1ความต้องการและความชอบที่เกิดขึ้นขณะนั้น
(Immediate Competing Demands and Preferences)
1) Competing demands หมายถึง บุคคลสามารถเอาชนะได้บ้าง เช่น จากสภาพแวดล้อม เช่น ครอบครัวล้มเหลวในการตอบสนองความต้องการที่มีผลต่อตนเองและผู้อื่น
2) Competing preferences หมายถึง บุคคลมีพลังอำนาจในการที่จะควบคุมเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการ
3.2 พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ (Health promoting behavior)
พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ เป็นเป้าหมายที่ต้องการได้รับสูงสุด โดยบูรณาการเป็นวิถีสุขภาพในการดำผล
1. คุณลักษณะของบุคคลและประสบการณ์ของบุคคล (Individual characteristics and experiences)
1.1 พฤติกรรมเดิมที่เกี่ยวข้อง (Prior related behavior)
ผลโดยตรง
จากพฤติกรรมสุขภาพเดิมทำให้เกิดเป็นลักษณะนิสัย จนทำเป็นอัตโนมัติ และเพิ่มพูนการกระทำซ้ำๆ กลายเป็นพฤติกรรมถาวร
ผลโดยอ้อม
ต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ โดยผ่านการรับรู้ถึงความสามารถของตน ประโยชน์ อุปสรรค
1.2 ปัจจัยส่วนบุคคล (Personal factor/influence)
จิตวิทยา
(Psychological) ประกอบด้วย แรงจูงใจ ความสามารถส่วนบุคคล การรับรู้สภาวะสุขภาพ
สังคมและวัฒนธรรม
(Socioculture) ได้แก่ ตัวแปรด้านเชื้อชาติ การศึกษา
ฐานะทางเศรษฐกิจ
ชีววิทยา
(Biological) ได้แก่ เพศ อายุ ลักษณะรูปร่าง สภาวะ
วัยรุ่น ความแข็งแรง ความสามารถออกกำลังกาย
ข้อตกลงเบื้องต้นของทฤษฎี
(Assumptions of Health
Promotion Model)
2. บุคคลมีความสามารถสะท้อนการตระหนักรู้และการประเมินความสามารถของตน
นั่นคือบุคคลสามารถทำความเข้าใจจุดอ่อน จุดแข็งเกี่ยวกับความสามารถของตน
3. บุคคลมองคุณค่าของการเติบโตในทางบวกและพยายามที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
คือ ความสมดุลระหว่างการเปลี่ยนแปลงและความคงที่ นั่นคือ บุคคลจะพยายามรักษาสมดุลของตนกับการเปลี่ยนแปลงของบริบท และสิ่งที่เป็นตัวแปรทั้งหลาย
1. บุคคลจะสร้างเงื่อนไขของการดำรงอยู่
ซึ่งสามารถแสดงศักยภาพสูงสุดของสุขภาพของมนุษย์ นั่นคือ มนุษย์ทุกคนมีเป้าหมายสุขภาพที่ดี
4. บุคคลหาวิธีการที่จะทำให้พฤติกรรมดำเนินไปอย่างดี
นั่นคือ เชื่อว่าบุคคลต้องการหา วิธีการนำ พาตนเองให้มีสุขภาพที่ดี
5. บุคคลมีความซับซ้อนในลักษณะร่างกาย อารมณ์ สังคม
ซับซ้อนในการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสิ่งแวดล้อม และมีการ ปรับตัวตลอดเวลา นั่นคือ บุคคลจะมีตัวแปรทั้งภายใน และภายนอกตน ต่อการที่จะเกิดพฤติกรรมใด ๆ
6. บุคลากรทางสุขภาพเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม
ซึ่งมีอิทธิพลต่อบุคคลทุกช่วงชีวิต นั่นคือ พยาบาลหรือบุคคลากรทางสุขภาพเป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญต่อการเกิดพฤติกรรม
7. การปรับเปลี่ยนมุมมองต่อตนเองระหว่างบุคคลกับสิ่งแวดล้อม
คือ ความจำเป็นในการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม นั่นคือ การจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้นั้นต้องเป็นการริเริ่มตั้งต้นโดยตัวบุคคลนั้น ๆ
การประยุกต์ใช้
Planning/preparation (P): ขั้นวางแผน/เตรียมการ (ออกแบบแผนการทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ให้สอดคล้องกับปัญหาและวัตถุประสงค์)
Action (A): ขั้นปฏิบัติ (นำแผนการส่งเสริมสุขภาพไปจัดกระทำให้กับผู้รับบริการ)
Contemplation (C): ขั้นพิจารณา (ให้พิจารณาปัญหาหรือความเสี่ยงของพฤติกรรมสุขภาพ ตั้งเป้าหมาย และเกณฑ์การประเมินผล)
Maintenance (M): ขั้นบำรุงรักษาไว้
Assess current stage of physical activity [Pre-contemplation (PC)]: ขั้นประเมินกิจกรรมทางกายในระยะปัจจุบัน (ก่อนการพิจารณา: PC)
ถ้าในขั้นตอน C, P, หรือ A ให้ดำเนินการต่อเนื่อง, ถ้าอยู่ในขั้น M กระตุ้นพฤติกรรมในเชิงบวก และ หากอยู่ในระยะ PC ให้เสริมผลประโยชน์จากการออกกำลังกายและประเมินความพร้อม
แบบประเมินทางคลินิกสำหรับ
การวางแผนส่งเสริมสุขภาพ
แบบประเมินทางคลินิกสำหรับการวางแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
ตัวอย่างการวางแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย (Increasing Physical Activity)
นางสาวศิริลักษศ์ มั่นฤทธิ์
63102301091