Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Parkinson, ได้รับอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกายเนื่องจากกลืนลำบาก -…
Parkinson
สาเหตุ
กลุ่มอาการพาร์คินสัน อาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดหลังจากการติดเชื้อไวรัสในสมอง ได้รับสารพิษทำลายสมอง เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ แมงกานีสในโรงงาน หรือเกิดจากยารักษาความดันโลหิต เช่น Reserpine ยานี้จะยับยั้งตัวรับโดปามีนในสมอง หรือพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน หรือกินยา Phenothiazine รักษาโรคจิต
-
การวินิจฉัยการพยาบาล
- การช่วยเหลือตัวเองบกพร่อง เนื่องมาจากอาการพาร์คินสัน
- เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากการสูญเสียการทรงตัวและมีอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง
- การติดต่อทางวจนะภาษาและการเขียนบกพร่อง เนื่องจากพูดลำบากอาการสั่น และเคลื่อนไหวเชื่องช้า
- ไม่สามารถเผชิญกับปัญหาอันเนื่องมาจากอาการเป็นๆ หายๆ และกำเริบรุนแรง
- ท้องผูกเนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง
- ได้รับอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย เนื่องจากกลืนลำบาก
การพยาบาล
- การดูแลส่วนใหญ่ เป็นการช่วยให้สามารถปฏิบัติภาระกิจประจำวันได้ เช่น การรับประทานอาหาร อาบนํ้าแต่งตัว เข้าห้องนํ้าห้องส้วม ในช่วงที่ผู้ป่วยเคลื่อนไหวไม่ได้ การดูแลสุขวิทยาช่องปาก เนื่องจากจะมีนํ้าลายสอและไหลยืด การนำผู้ป่วยไปอาบน้ำแปรงฟันที่ห้องน้ำ ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย
- วางแผนการดูแลประจำวัน ประจำสัปดาห์หาโอกาสที่จะพาผู้ป่วยเดินด้วยการช่วยเหลือของผู้ป่วยและครอบครัว เพราะว่าอาการแข็งเกร็งจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ป่วยนอนพักบนเตียงเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงต้องช่วยให้ออกกำลังกายโดยทั่วไปวันละ 3 ครั้ง โดยการสอนญาติให้มี ส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย
- การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยจะช่วยให้ร่างกายทำหน้าที่ได้ดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน โดยการให้กายภาพบำบัด
- การรับประทานยา อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจเกี่ยวกับฤทธิ์ของยาแต่ละชนิดที่ให้ ระยะเวลาการออกฤทธิ์และอาการข้างเคียง
- การให้อาหาร เนื่องจากกลืนลำบากสำลักง่าย การเตรียมอาหารควรจัดเป็นชิ้นเล็กๆ เป็นอาหารอ่อนเคี้ยวง่ายและให้ผู้ป่วยช่วยตัวเองในการกินอาหาร ไม่ทิ้งให้นั่งคนเดียวนานๆ เพราะจะเปลี่ยนท่าเองไม่ได้
- การดูแลทางด้านจิตใจ ผู้ป่วยพาร์คินสันหลายรายมีอาการซึมเศร้า เนื่องจากไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกตามที่ต้องการ เพื่อติดต่อกับคนอื่นให้เข้าใจได้ จึงมักถอยหนีแยกตัว ให้กำลังใจกระตุ้นให้ฝึกท่ากิจกรรมทีละอย่าง คำพูดที่ให้กำลังใจ จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าได้รับความนับถือ ควรอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจด้วย เพื่อที่จะจัดให้การดูแลต่อไป เมื่อผู้ป่วยกลับไปอยู่ที่บ้าน
พยาธิสภาพ
โรคพาร์กินสันเกิดจากการเสื่อมตายของเซลล์ในส่วนที่เรียกว่า Substantia nigra โดยเฉพาะในส่วนของ Substantia nigra pars compacta (SNc) สาเหตุที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการเสื่อมของส่วน SNc ยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอน การเสื่อมของสมองในส่วนนี้ ส่งผลต่อการทำงานที่ต่อเนื่องของสมอง ในส่วนของ Basal ganglia ที่เรียกว่า Striatum เสียไป ส่งผลให้เกิดการทำงานที่ไม่สมดุลในส่วนของ Direct และ Indirect pathway ใน Basal ganglia ทำให้เกิดอาการสั่นและเคลื่อนไหวช้า อาการส่วนใหญ่จะแสดงให้เห็นชัดเจนเมื่อจำนวนเซลล์ (Dopaminergic cells) ในส่วนของ SNc ลดน้อยลงไปเป็นอย่างน้อย 60% จากปกติ
ระยะของโรคพาร์คินสัน แบ่งได้เป็น 5 ระยะดังนี้คือ
ระยะที่ 1 อาการเป็นน้อยมักเป็นที่ร่างกายซีกเดียว อาการเริ่มต้นที่พบบ่อย คือ อาการสั่นเมื่อว่างของนิ้วมือและแขนข้างหนึ่ง (pill rolling tremor) ด้วยความเร็ว 4-8 รอบ/ วินาที ผู้ป่วยอาจจะบ่นปวดกล้ามเนื้อแขน-ขา ลำตัว อาการสั่นนี้จะกินเวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้น อาการอื่นๆ คือ พบว่าลำตัวข้างที่เป็นยกสูงขึ้น แขนข้างที่เป็นงอเล็กน้อย การแกว่งแขนลดน้อยลง เริ่มมีกล้ามเนื้อแข็งแกร็ง การเคลื่อนไหวที่สลับกันไปมาทำได้ช้า (dysdiadochokinesia)
ระยะที่ 2 โรคจะลุกลามไปยังด้านตรงข้ามร่วมกับการทรงตัวเปลี่ยนไป อาการจะค่อยๆ เป็นในร่างกายทั้งสองซีก ผู้ป่วยจะยืนหลังโค้งงอ เดินตัวโกง การเคลื่อนไหวจะค่อยๆ ช้าลง (bradykinesia) ผู้ป่วยจะบ่น เหนื่อย อ่อนแรง แต่ผู้ป่วยก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเคลื่อนไหวช้าลง
ระยะที่ 3 เริ่มมีอาการทรงตัวผิดปกติ และร่างกายพิการเสียรีเฟลกซ์ การทรงตัวจะหกล้มง่าย เวลาจะลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก เมื่อลุกได้แล้วเวลาเดินศีรษะก็จะซุนไปข้างหน้า ระยะนี้ผู้ป่วยต้องการการช่วยเหลือเพื่อทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เช่น แต่งตัว
ระยะที่ 4 มีความพิการของร่างกายอย่างเห็นได้ชัดเจนหลังจากที่โรคดำเนินไปหลายปี ผู้ป่วยจะมีความพิการมากขึ้น ไม่สามารถจะอยู่คนเดียวได้ ต้องมีผู้ช่วยเหลือทำกิจวัตรประจำวัน
ระยะที่ 5 Complete invalidism ผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวแทบไม่ได้เลย เนื่องจากกล้ามเนื้อแข็งเกร็งมากขึ้น อาการสั่นลดน้อยลง จะไม่สามารถยืนหรือเดินได้เลย จะนอนติดเตียง (หรือนั่งติดรถเข็น) ผู้ป่วยจะนอนหงายไม่เคลื่อนไหวใดๆ ศีรษะจะก้มมาจรดคอ เข่างอติดแน่น กลืนลำบาก อาหารไหลกลับคืนจึงกินอาหารลำบาก และใช้เวลานาน ผู้ป่วยจะขาดน้ำ และซูบ ผอม เสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจเนื่องจากทรวงอกเคลื่อนไหวน้อยลง และไม่สามารถไอได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ การไม่เคลื่อนไหวยิ่งทำให้เกิดความพิการต่างๆ มากขึ้น
การประเมินภาวะสุขภาพ
- การซักประวัติ ต้องซักประวัติจากสิ่งต่อไปนี้ คือ อาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อตึงตัวและแข็งเกร็งตลอดเวลาโดยที่ไม่ได้เคลื่อนไหว รู้สึกงุ่มง่าม ทำงานที่ละเอียดอ่อนไม่ได้ การตัดสินใจผิดพลาด อารมณ์หงุดหงิด ไม่รู้สึกต่อความร้อน มีประวัติท้องผูก อ่อนเพลีย
- การตรวจร่างกาย มีอาการสั่นของนิ้วมือคล้ายการปั้นลูกกลอน หรือมีอาการสั่นขณะพัก การทรงตัวเสียไป ยืนไม่ได้ สีหน้าเฉยเมย หน้าตาทื่อ เวลาพูดมุมปากขยับเพียงเล็กน้อย น้ำลายไหล กลืนลำบาก ตัวงอ เดินหัวทิ่มไปข้างหน้า ไม่แกว่งแขนตามเท้าที่ก้าวเดิน แขนงอหุบ ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ ความจำเสื่อมลงพบได้ประมาณร้อยละ 30 ผิวหนังชื้น และตรวจพบว่าเมื่อให้ผู้ป่วยลุกเดิน ผู้ป่วยจะลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก เวลาเดิน หัวซุนไปข้างหน้าและเมื่อหยุดทันทีจะหกล้ม พูดเสียงเครือๆ และเบาฟังไม่ชัดยิ่งพูดนานไป เสียงจะค่อยๆ หายไป ในรายเป็นมากเสียงเรียบ รัว ไม่มีเสียงหนักเบา
-
- ได้รับอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกายเนื่องจากกลืนลำบาก