Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Acute Thin EDH Lt. anterior temporal region, comminuted fx Lt. frontal…

- - - - 1). สังเกตและประเมินการแพ้ยา โดยเฉพาะ ในรายที่มีประวัติแพ้เพนิซิลิน หรือ Delayed-type เพราะมี cross-allergenicity ระหว่าง cephalosporins และ เพนิซิลิน รวมทั้ง cephalosporins หากมีอาการแพ้ยาเกิดขึ้น ควรหยุด
      - 2).ระวังในผู้ป่วยโรคไต ผู้สูงอายุ หรือสงสัยว่ามีความผิดปกติของไต ก่อนให้ยาควรทดสอบการทำงานของไต
      - 3).ระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้อักเสบ
      - 4).ระวังในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับผิดปกติโดยเฉพาะ Cefoperazone
      - 5).การฉีดยานี้เข้าทางหลอดเลือดดำ ละลายยา 0.25 หรือ 0.5 ในน้ำกลั่น 5ml หรือ 1 g ใน10ml ของน้ำกลั่น ฉีดเข้าหลอดเลือดดำช้าๆใน 2-4 นาที หรือให้ทาง intravenous solutions. ผสมยา 2g ใน40 ml ของ 0.9% NaCl injection หรือ 5% dextrose injection ให้ infusion ภายใน 5-10นาที
  - - - 2). ยาลดกรดอาจใช้สำหรับแก้ปวดท้อง สามารถให้พร้อมกับ Omeprazole
      - 3). หากลืมรับประทานยาให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ไม่ควรรับประทานยาเพิ่มเป็น2 เท่า
      - 1). ให้ยาก่อนอาหารในตอนเช้า
      - 4). ให้กลืนยาทั้งแคปซูล ไม่แกะแคปซูลหรือเคี้ยว
  - - - double check ชื่อผู้ป่วย ชนิด และขนาดยาทุกครั้ง
      - การบริหารยา fentanyl patch ห้ามไม่ให้ประคบร้อนบริเวณที่ปิด fentanyl patch เพราะทำให้ยาดูดซึมเร็วขึ้น จนเกิดอันตรายต่อผู้ป่วย
      - 3.ติดตาม HR , อัตราการหายใจ , ความดันโลหิต , pain score, sedation score
      - 4.บันทึกสัญญาณชีพ ความดันโลหิต ขณะให้ยา
      - 5.ระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง เพราะอาจเกิดการสะสมของยา Nor fentanyl ทำให้เพิ่มความเสี่ยงเกิดกดการหายใจ
  - - - 1). ควรกินยาติดต่อกันจนครบตามคำแนะนำของแพทย์ แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ไม่เช่นนั้นเชื้ออาจดื้อยา
      - 2).หากลืมกินยา ให้กินยาทันทีที่นึกได้แต่ถ้าใกล้เวลาของมื้อ ถัดไปให้รอกินยาของมื้อต่อไป และห้ามกินยาเพิ่มเป็น 2 เท่า
      - 3.). ผู้ป่วยควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยการใช้ยาแบบรับประทานโดยรับประทานยานี้ขณะท้องว่าง อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหารและดื่มน้ำตามอย่างน้อย 1 แก้วเพื่อลดการระคายเคืองหลอดอาหาร
  - - - 1). ในกรณีที่ลืมรับประทานยาตามเวลาที่กำหนด สามารถรับประทานยาได้ทันที แต่ให้ทิ้งระยะห่างจากการรับประทานยารอบถัดไปอย่างน้อย 6 ชั่วโมง หากใกล้ถึงเวลารับประทานยาในรอบต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยารอบถัดไป และไม่เพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
      - 2). สังเกตอาการแพ้รุนแรง ได้แก่ ลมพิษ ผื่นขึ้น หายใจหรือกลืนอาหารลำบาก แน่นหน้าอก ปาก ริมฝีปาก ลิ้น คอ หรือหน้าบวม ผิวลอกหรืออาจมีไข้ร่วมด้วยหายใจไม่อิ่มเป็นช่วงสั้น ๆ ไอเป็นเลือดปวดศีรษะรุนแรง
        แขนขาซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง มีปัญหาในการพูดหรือการคิด ทรงตัวไม่ได้ ตาพร่ามัว หน้าเบี้ยวครึ่งซีกเกิดรอยช้ำ หรือมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุแขนขาปวด บวม เป็นเหน็บชา หรือมีสีผิวที่เปลี่ยนแปลงไป
  - - - 1). Tramadol คือยาที่ไม่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ สามารถกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่เนื่องจากตัวยามีอาการข้างเคียง คือ คลื่นไส้และอาเจียน การกินยานี้หลังมื้ออาหารจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยลดอาการข้างเคียงเหล่านั้นลงไปได้ และควรกินยาในเวลาเดิมทุกวัน
      - 2). ห้ามแบ่งยา Tramadol ให้ผู้อื่น หรือใช้ยาของผู้อื่น เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้
      - 3). ห้ามกัด เคี้ยว หักยาก่อนกิน เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง หรืออาจทำให้มีปริมาณยาในกระแสเลือดสูงขึ้นกว่าที่แพทย์กำหนด
  - - - 1).ห้ามหักหรือบดแบ่งเม็ดยา
      - 2).ควรรับประทานยาพร้อมดื่มน้ำเปล่าตาม 1 แก้ว จะรับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
      - 3).หากลืมรับประทานทานยาตามเวลาที่แพทย์สั่ง เมื่อนึกขึ้นได้สามารถรับประทานได้ทันที หากใกล้กับมื้ออาหารถัดไป ให้รับประทานยาในเวลาและขนาดตามปกติ ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อทดแทนในมื้อที่ขาดหายไป
      - 4).ควรเก็บยาชนิดเม็ดไว้ที่อุณหภูมิห้อง ยาชนิดน้ำควรเก็บรักษาที่อุณหภูมิประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส ไม่
        ควรเก็บในที่ที่มีความร้อน ความชื้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงโดยตรง
  - - - 1).การใช้ยาแต่ละครั้งควรห่างกันทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง และปริมาณที่ควรใช้ต่อครั้งไม่ควรเกิน 500-1,000 มิลลิกรัม เนื่องจากพาราเซตามอลเป็นยาที่สามารถส่งผลต่อตับได้
      - 2).ควรระวังในการกินร่วมกับยาที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนผสม เช่น ยาบรรเทาหวัด ยาแก้ไอ ยาแก้ปวด เป็นต้น เพราะอาจทำให้ได้รับยาซ้ำซ้อนจนเกินขนาด
      - 3).หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ระหว่างการรักษาด้วยยานี้
  - - - 1). ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
      - 2).รับประทานยาพร้อมกับดื่มน้ำหนึ่งแก้ว รับประทานยาเมื่อเริ่มรับประทานอาหาร เพื่อลดอาการท้องไส้ปั่นป่วน
      - 3).ใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
      - 4).ควรกลืนยาลงไปทั้งเม็ด
      - 5).ควรเคี้ยวยา สำหรับเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน อย่ากลืนยาลงไปเลยทั้งเม็ด
      - 6).อย่าบดหรือเคี้ยวยา แบบออกฤทธิ์นาน ควรกลืนยาลงไปทั้งเม็ดหรือหักแบ่งครึ่งแล้วรับประทานยาทั้ง 2 ส่วนลงไปในคราวเดียว
      - 7).ใช้ยา จนครบระยะเวลาที่กำหนด
  - - - ระบบประสามส่วนกลาง เช่น ตากระตุก กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน สับสน
      - ระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก พิษต่อตับ
      - ระบบปกคลุมร่างกาย เช่น เกิด morbilliform rash
      - ระบบเลือด เช่น thrombocytopenia, leukopenia, granulocytopenia, agranulocytosis
    - - 1). การให้ยาฉีดควรเจือจางด้วย NSS เท่านั้น ให้มีความเข้มข้น 10 mg/ml และ ควรใช้ภายใน 2 ชม.
      - 2). ควรให้ IV push ช้าๆ ไม่เกิน 50 mg/min (หากผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคหัวใจ อัตราเร็วไม่เกิน 20 mg/min) ในเด็ก 1-3 mg/kg/min
      - 3). การให้ยาแบบฉีด ควรนำด้วยน้ำเกลือ 30 ml ก่อน/หลังการให้ยาเพื่อลดการระคายเคืองหลอดเลือด
- - - - 2.1 การดูดเสมหะที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการเกิดภาวะพร่องออกซิเจนส่งผลทำให้เกิดความดันกะโหลกศีรษะมากขึ้น
      - 2.2 จัดท่าผู้ป่วยให้นอนตะแคงหรือตะแคงถึงคว่ำเพื่อมิให้ลิ้นตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจและช่วยให้เสมหะน้ำลายไหลออกได้สะดวก
      - 2.3 พลิกตะแคงตัวทุก 1-2 ชั่วโมงเป็นการระบายเสมหะเสมหะไม่คั่งค้างที่ใดที่หนึ่งในปอดและป้องกันปอดแฟน
      - 2.4 ติดตามภาวะขาดออกซิเจน
    - - 3.1 จัดศีรษะและคออยู่แนวเดียวกับลำตัว (the neutral position)
      - 3.2ไม่นอนคว่ำ (avoiding trendelenburg position)
      - 3.3 ไม่งอข้อสะโพกเกิน 90 องศา